[Fic NCT] Pure Love
[ #JaeDo , #TaeTen , #HanTa ft. Johnil]
By winata
Chapter 13 : ค่ำคืนใต้แสงจันทรา
ร่างบางที่นอนพลิกไปพลิกมาสุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่ง หลังจากที่จะพยายามข่มตาให้หลับอาจแปลกที่หรือว่าวันนี้เป็นแรกในชีวิตขององค์ชายโดยองที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ
เสียมากมายจนอดคิดไม่ได้ว่าตนผ่านเหตุการณ์เล่านั้นมาได้เช่นไร การต่อสู้กับกลุ่มกบฏตอนที่จะเข้าวังหลวงยังไม่น่ากลัวเท่ากับการฝั่งเข็มเพื่อรักษาพระอนุชาลู่ฟางที่หากช้าเพียงนิดอาจจะไม่ทันการณ์
แสงจันทราส่องแสงกระจ่างใสปราศจากเมฆบดบังรวมถึงดวงดาราที่ค่ำคืนนี้ต่างลี้หนีไปไกล
สายลมแผ่วๆ
ที่พัดมาเรื่อยๆ
หลังจากที่โดยองนั่งบนตั่งข้างหน้าต่างบานกว้างที่เพิ่งเปิดออกด้วยฝีมือตนเองพร้อมกับสูดกลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้เข้าปอด มันก็ไม่เลวที่เดียวกับวันแรกกับคืนแรกบนแผ่นดินของทงเยที่ชีวิตนี้ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เหยียบ
เสียงประตูห้องเปิดพร้อมกับร่างสูงขององค์ราชันที่สภาพอิดโรยจากที่ได้เจอกันในช่วงหัวค่ำที่ยังฉลองพระองค์ในชุดออกศึกยามนี้ถูกผลัดเปลี่ยนเป็นฉลองพระองค์เนื้อบาง
“ดึกป่านนี้แล้วใยไม่หลับไม่นอนฮึ
องค์ชายน้อย”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้างๆ ที่ว่างบนตั่งแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอด
“แปลกที่แปลกทางสินะ” จมูกโด่งกดลงบนพวงแก้มใส
ริมฝีปากได้รูปขององค์ราชันคลอเคลียไปมาใกล้ๆริมฝีปากบางของโดยองที่ครานี้เจ้าตัวเม้มปากเอาไว้พร้อมก้มหน้าหลบสายตาคมเข้มเพราะเขินอายยามนี้แทบจะทั้งตัวบางที่เก่ยอยู่กับตักของร่างสูง
“หากยังไม่ง่วง เราจักพาเจ้าไปที่หนึ่ง”
บอกพร้อมกับดึงรั้งร่างบางให้ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือให้เดินตามออกมาจากห้องบรรทมขององค์ราชันแจฮยอนแทนที่องค์ชายโดยองจะได้พักยังตำหนักอาคันตุกะชั้นนอก เพราะตามกฎหากยังไม่ได้ทำการอภิเษกผู้มิใช่สายเลือดและหน่อเนื้อกษัตริย์แห่งทงเยมิสามารถพักในตำนักชั้นในได้
แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นหากมันคือประสงค์ขององค์ราชัน
“ท่านจะพาเราไปที่ใดกัน”
โดยองกระซิบถามเบาๆ แม้ระหว่างทางเดินที่ออกมาจากตำหนักจนมาถึงอุทยานหลวงที่เงียบสนิทมีเพียงแสงจันทราเป็นแสงนำทาง ร่างบางมองไปรวมอย่างหวาดๆ
เพราะหนทางที่องค์ราชันพาตนมานั้นมันทั้งเงียบและมืดแถมยังไม่มีคบไฟ
“อีกประเดี๋ยวเจ้าจะรู้เอง นี่กลัวความมืดหรอกรึโดยอง”
“ใครบอกว่าเรากลัวแต่เราไม่ชินกับหนทางเท่านั้น”
ปากบอกไม่กลัวแต่มือบางที่จับชายฉลองพระองค์ขององค์ราชันไว้แน่น
แล้วร่างบางก็หยุดชะงักเมื่อเห็นว่าพอเดินผ่านรั้วป่าไผ่ที่ถูกดัดเป็นกำแพงต้นไม้อย่างสวยงามไปนั้นคือเหล่าหลุมพระศพของเชื้อพระวงศ์แห่งทงเย
“ฝ่าบาท”
“มานี่สิโดยอง”
แจฮยอนหันมาเรียกให้ร่างบางทั้งที่เมื่อครู่ยังจับชายเสื้อของตนแน่นแล้วจู่ๆ
ปล่อยและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ท่านพ่อและท่านแม่ของเรากับลู่ฟาง”
ร่างบางรีบทำความเคารพหน้าหลุมพระศพพร้อมกับรับธูปที่ถูกจุดจากองค์ราชันมาไหว้ทั้งสองพระองค์อย่างถูกขนบธรรมเนียมราชประเพณี
“ยามนี้ฤกษ์ดี ลูกพาโดยองมาพบท่านพ่อท่านแม่
หมอเทวดาที่มาช่วยรักษาลู่ฟางและเป็นว่าที่รานีแห่งทงเยแม้ยามนี้จะยังมิอาจจับเจ้ากบฏเฒ่าได้ แต่ลูกสัญญาตราบใดไม่เห็นมันสิ้นลมต่อหน้าลูกจะยอมลดละ”
โดยองเอื้อมมือไปกุมมือร่างสูงไว้แน่นเพื่อแบ่งปันความเจ็บปวดก่อนจะก้มลงหลบดวงตาคมที่มองมาอย่างมีความหมาย
“หากไม่มีพิธีการใหญ่โต เจ้าจะเข้าพิธีวิวาห์กับเราหรือไม่ แค่ไหว้คำนับฟ้าดินต่อหน้าพระศพ”
“พะย่ะค่ะฝ่าบาทแค่นี้ก็พอแล้ว”
จบคำร่างบางก็ถูกแจฮยอนรวบเข้าไปกอดก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มการพิธีที่มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น แม้จะไม่มีแม่สื่อหรือแขกเหรื่อแต่ทุกอย่างกลับถูกปฏิบัติอย่างถูกต้องเพียงเพราะต่างมีรักให้กันและกัน
ครืน~ครืน~
เสียงฟ้าร้องแล้วจากท้องฟ้าโปร่งในยามค่ำคืนที่มีเพียงดวงจันทราส่องแสงก็เริ่มมีเมฆมากขึ้นและส่องแสงแลบแปลบ
พร้อมกับสายฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ไม่ต้องรอให้เอ่ยปากทั้งแจฮยอนกับโดยองต่างกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับยังตำหนักทันทีโดยที่องครักษ์ที่แฝงกายอยู่จะยังมิทันได้กางพระกลดถวายงานทั้งสองพระองค์เลย แต่กว่าจะถึงห้องบรรทมขององค์ราชันและรานีแห่งทงเยก็เปียกไปทั่วพระวรกายแล้ว
“ท่านรีบเปลี่ยนเสื้อก่อนเสียเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ร่างบางรีบไปหยิบฉลองพระองค์ตัวในร่วมถึงผ้าซับพระพักตร์ให้แจฮยอนที่ยืนยิ้มกว้างๆ
อยู่แต่พอเห็นร่างสูงไม่รับก็มองค้อนๆ
แล้วจัดการใช้ผ้าซับน้ำฝนที่มันติดอยู่ตามตัวออกให้เสียเองเพราะเหล่านางกำนัลโดยองค์ราชันไล่ออกไปตั้งแต่กลับมาถึงแล้วเพราะอยากอยู่เพียงลำพังกับโดยอง
แต่เชื่อสิหากองค์ราชันทรงเรียกหาไม่แคล้วอึดใจเดียวคงมากันทั้งหมดคณะ
แจฮยอนก้มลงหอมแก้มนวลที่เจ้าของอมลมเสียแก้มป่องพร้อมใบหน้าหวานงอง้ำ “ท่านอะ
ยังจะขำเราอีก” กริยากระเง้ากระงอดทำให้ร่างสูงกลั้นยิ้มไม่ไหวก่อนจะรั้งร่างบางที่พยายามเขย่งตัวมาเช็ดให้เข้าซบกับอกแกร่ง
โดยองขยุกขยิกอยู่ครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจทิ้งผ้าในมือลง
แขนเรียวบางทั้งสองข้างยกขึ้นคล้องรอบคอหนาเอาไว้
เสียงฟ้าร้องที่ยังต่อเนื่องและลมพัดเข้ามารอดยังหน้าต่างที่ถูกปิดไว้แล้วทำเอาขนลุกเกลียวเพราะความหนาวเย็นที่แผ่เข้ามา
“มาทางนี้เถอะ”
แจฮยอนตัดสินใจอุ้มช้อนองค์ชายน้องแห่งพูดยอไปยังแท่นบรรทมกว้างแล้ววางลงอย่างทะนุถนอมแล้วทิ้งตัวลงข้างๆ มือหนาเกลี่ยเส้นผมนิ่มที่หลุดลุ่ยเล่น
ดวงตาเรียวรีก้มหลบสายตาคมวาวที่ในแววตาขององค์ราชันแสดงออกถึงแรงปรารถนาอย่างเปิดเผย
ร่างสูงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบาแล้วเลยลงมายังพวงแก้มทั้งสองข้าง
โดยองตวัดแขนเรียวคล้องคอแจฮยอนเมื่อริมฝีปากได้รูปโฉบลงมายังริมฝีปากตน องค์ราชันบดเบียดริมฝีปากลงริมฝีปากสีอ่อนแล้วลุกล้ำหาความหวานข้างในอย่างถือสิทธิ์พระสวามีกวาดต้อนความหวานเอาไว้จนหมดสิ้น
“โดยอง”
ร่างสูงผละออกมามองใบหน้าหวานพร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆ
ลูบไล้แก้มเนียนไล่ลงมาหัวไหล่ลาดเบาจนมาถึงแถวๆ
เอวบางที่เป็นสายผูกมัดของเสื้อเอาไว้
แค่กระตุกทีเดียวสาบเสื้อก็แยกออกจากกันทันที มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนอย่างหลงใหล ริมฝีปากลากไปตามแผ่นอกบางโดยไม่ลืมทิ้งรอยสีหวานไว้บนผิวขาวๆทุกที่ที่จมูกและริมฝีปากขององค์ราชันได้สัมผัส
“ผะ..ฝ่าบาท”
“ไม่ใช่ ท่านพี่...เรียกเราว่าท่านพี่นับจากนี้ไป”
โดยองบิดกายเร้าไปกับสัมผัสที่ได้รับ
ริมฝีปากได้รูปเข้าครอบครองติ่งไตสีหวานเรียวลิ้นร้อนตวัดเลียแล้วก้มลงดูดดึงสลับกันไปมาทั้งสองข้าง
ร่างบางสอดมือไปยังกลุ่มผมสีเข้มเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
เสียงหอบหายใจถี่ของทั้งสองเริ่มดังสลับกับเสียงดูดแผ่นอกบางทั้งสองข้าง
“หากเจ้าไม่พร้อมก็จงหยุดเราเสียโดยอง เพราะถัดจากนี้เรามิอาจหยุดได้แล้ว” โดยองไม่ตอบอะไรนอกจากริมฝีปากบางเผยออกเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นจูบเบาๆ
อย่างไม่รุกล้ำที่ริมฝีปากขององค์ราชัน
กิริยาน่ารักทำเอาแจฮยอนยิ้มออกมากมือหนาสอดประสานมือบางเอาไว้
“เราจะรักและทะนุถนอมเจ้าด้วยหัวใจ
และนับจากนี้ข้างกายเราจะมีแค่เจ้าเพียงผู้เดียวโดยอง”
แจฮยอนผละออกมาจากร่างบาง
ลุกขึ้นปลดเปลื้องฉลองพระองค์ออกแล้วลงมาทาบทับยังร่างบาง ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองได้สัมผัสกันแนบชิดโดยไร้อาภรณ์ใดๆ
ขวางกั้น แผ่นอกแกร่งที่เห็นจากแสงไฟของตะเกียงที่ถูกรี่ลงจนเกือบมอด ทำให้โดยองแทบจะม้วนกายหลบหนีเพราะขัดเขินไหนจะกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
ดูแข็งแกร่งนั่นอีก ใบหน้าหวานไม่ยอมสบตรงๆ กับดวงตาคมจนร่างสูงต้องใช้อุ้งมือประคองใบหน้าหวานให้หันมาสบตากับตนแทน
"เรารู้ว่าเจ้าเขิน เพราะเราเองก็เขินเช่นกัน" เสียงทุ้มกระซิบลงข้างริมใบหูนิ่มแล้วกัดเล็มเบาๆ
มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนกายงาม ความเนียนนุ่มมือทำให้เผลอบีบเคล้นเบาๆ
แจฮยอนลากริมฝีปากลงมาหาติ่งไตสีหวานอีกครั้งพร้อมกับดูดเลียอีกข้าง
ส่วนอีกข้างก็ใช้นิ้วเรียวบีบเคล้นไปด้วย ร่างบางผวาเฮือกฟันคมขบกัดริมฝีปากด้านล่างเพื่อข่มกลั้นเสียงครางยามติ่งไตที่หน้าอกถูกฟันคมขบกัดและดูดเลีย
มือบางปะป่ายไปทั่วอกแกร่งก่อนที่จะยึดบ่ากว้างเป็นที่เกาะเกี่ยว
"อ๊ะ...อ่า...อื้อ...
"เสียงหวานเปล่งร้องครวญครางแผ่วเบาอย่างสุดกลั้น มือหนายกเรียวขางามข้างหนึ่งให้แยกออกแล้วตนก็เข้าไปแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาเรียวคู่นั้น
มือหนาข้างหนึ่งบีบเคล้นแก้มก้นนิ่มไปด้วย
แจฮยอนลากไล้จากติ่งไตทั้งสองข้างลงมาตามแผ่นอกบางแล้วใช้ฟันคมขบกัดลงบนหนาท้องแบนราบ
เกลียวลิ้นแหย่ลงไปยังแอ่งตื้นตรงกลางลำตัว รองรอยสีหวานเริ่มมีประปรายตัดกับผิวกายขาว
"อา...อ๊ะ...ท่านพี่"
เสียงหวานครวญครางดังขึ้นเมื่อแกนกายสีหวานของตนถูกครอบครองโดยริมฝีปากอุ่นร้อน โดยองบิดเร้าร่างกายส่วนบนไปมาเมื่อถูกฟันคมครูดลากไปตามความยาว
แจฮยอนยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินเสียงครางขององค์ชายน้อย ริมฝีปากหนาขยับเข้าออกไปพร้อมกับที่มือหนาบีบเคล้นแก้มก้นนิ่มทั้งสองข้างไปด้วย
เมื่อปลายยอดแกนกายของร่างบางสั่นระริกเริ่มปริ่มน้ำร่างสูงจึงถอนริมฝีปากของตนออกมา
พร้อมขยับกายขึ้นไปคร่อมทับร่างบางอีกครั้ง
"ผะ
ฝ่าบาท" เสียงหวานขาดห้วงพลางหอบหายใจทำให้แผ่นอกอิ่มสะท้อนขึ้นลงรัวเร็ว
"ท่านพี่ กอดเราเสียสิโดยอง กอดแน่นๆ" โดยองตวัดเรียวแขนขึ้นโอบรอบคอหนาอย่างว่าง่ายแล้วซบใบหน้าเข้ากับอกแกร่ง
ครานี้จิตใต้สำนึกถูกแทนที่จนขาวโพลนไปเสียหมด
สายฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอกแข่งกับเสียงเต้นอันรัวเร็วของจังหวะของหัวใจ แจฮยอนกดจูบลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง
แขนแกร่งข้างหนึ่งกอดรัดร่างบางเอาไว้ส่วนอีกข้างเลื่อนลงไปยังสะโพกนิ่มอีกครั้ง
มือหนาบีบเคล้นอย่างหนักมือแล้วใช้นิ้วเรียวยาวสอดรุกล้ำเข้าไปยังช่องทางสีหวานแสนคับแคบที่ยังไม่เคยมีผู้ใดได้กล้ำกลายมาก่อน
โดยองสะดุ้งเฮือกเมื่อสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามายังกายของตน
แขนเรียวที่โอบรัดรอบคอหนารัดแน่นเข้า แจฮยอนสอดนิ้วเรียวเข้าไปทีละนิ้วๆ เพื่อขยายช่องทางให้สามารถรองรับร่างกายของตนได้และเพื่อให้ร่างบางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก
"อย่ากลัวเลย แค่เจ้ากอดเราไว้ก็พอ" เสียงทุ่มกระซิบแหบพร่าเพื่อปลุกปลอบ
ร่างบางพยักใบหน้าหวานที่ยังซุกซบอยู่กับอกกว้างน้อยๆ พร้อมขยับเรียวแขนของตนให้แน่นเข้า
แจฮยอนค่อยๆถอดถอนนิ้วทั้งสามของตนออกแล้วจับแกนกายของตนจ่อเข้ากับช่องทางสีหวานทันที ความคับแน่นทำให้ทั้งสองต้องนิ่วใบหน้า โดยองจิกเรียวเล็บลงบนไหล่หนาเพื่อสกัดกลั้นความเจ็บปวดขณะที่ร่างสูงพยายามแทรกแกนกายที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วทั้งสามมากนักเข้ามายังร่างบอบบางขององค์ชายน้อย
"อ๊ะ... "โดยองขบกัดริมฝีปากล่างข่มเสียงร้อง หยาดน้ำใสเริ่มเอ่อคลอรอบดวงตาเรียวสวย แจฮยอนจึงแช่นิ่งอยู่ในร่างบางทันทีอย่างไม่กล้าขยับเมื่อสัมผัสถึงน้ำตาจากใบหน้าหวานที่ซบอกตนอยู่
"โดยอง...อ่า" เสียงทุ้มเอ่ยเรียงร่างบางด้วยเสียงที่เปล่งออกมาอย่างยากลำบากเพราะตอนนี้ตนเองก็กำลังแย่อยู่เช่นกันเพราะผนังอุ่นๆที่ตอดรัดแกนกายของตนอยู่ขณะนี้
"เจ็บมากหรือ" มือหนาช้อนใบหน้าสวยขึ้นมาสบ ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงริมฝีปากอิ่มแล้วผละออกมา
"เราทนได้ท่านพี่" โดยองเช็ดน้ำตาของตนออกป้อยๆแล้วยิ้มหวานส่งให้ร่างสูง
เพราะท่อนเหล็กร้อนที่แช่นิ่งอยู่จึงทำให้ร่างบางเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว
"กอดแน่นๆ" แจฮยอนบอกพร้อมกับค่อยๆ
ขยับเคลื่อนกายเข้าออกที่แรกเริ่มจากความเชื่องช้าเนิบนาบ ร่างสูงแทบคลั่งไปกับแรงตอดรัดอยากจะกระแทกกายให้รุนแรงกว่านี้แต่เพราะยังนึกห่วงร่างบางในอ้อมกอดอยู่จึงพยายามข่มใจ
"เจ็บมากหรือไม่" แจฮยอนก้มถามด้วยความห่วงใย
"ไม่...ไม่เจ็บแล้ว...อ่า"
โดยองส่ายหน้าปฏิเสธ
ตอนนี้ความหวามหวิวในช่องท้องเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดเมื่อครู่จนแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ร่างสูงจึงขยับกายของตนให้เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม
"อา...อ๊ะ...อื้อ ท่านพี่จะ..แจฮยอน"
เรียวเล็บจิกลากไปตามแผ่นหลังหนาแน่นที่ตนโอบกอดเอาไว้เมื่อจังหวะการสอดใส่เริ่มรุนแรงและถี่เร็ว
มือหนาเลื่อนลงมาจับแกนกายสีหวานของร่างบางบีบรูดแล้วขยับเข้าออกตามจังหวะการกระแทกท่อนกายของตน
"โด...ยอง...อ่า" เสียงแหบพร่าดังออกมาจากริมฝีปากได้รูป
"อื้อ...อ่า"
แรงกระแทกเข้าออกทั้งรุนแรงและเร่าร้อนแข่งกับสายฝนข้างนอกที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกลงง่ายๆ ดังเช่นพายุรักที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ ณ
ตอนนี้ ที่กำลังเร่าร้อนสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดรัดแนบชิดกันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันง่ายๆ
แจฮยอนสอดแขนทั้งสองข้างไปทางด้านหลังบางแล้วยกให้ขึ้นมาอยู่ในท่านั่งแล้วกอดรั้งเอาไว้
ใบหน้าคมผวาเข้าหาอกบางแล้วดูดเลียขณะที่ยังกระแทกกายเข้าอกอย่างไม่หยุดหย่อน
"อื้อ...เราทะ..ทนไม่ไหวแล้ว"
โดยองสุดจะขืนกายให้ตั้งตรงได้แม้จะกอดรัดร่างหนาไว้ก็ตาม ร่างสูงจึงโน้มกายขององค์ชายน้อยลงบนบรรจถรณ์ดังเดิมแล้วเพิ่มแรงกระแทกหนักขึ้น
เพียงไม่กี่ครั้งทั้งสองร่างก็ปลดปล่อยออกมาราวกับผีเสื้อที่โผล่บินในสวนดอกไม้
“เรารักเจ้านะโดยอง
รักแบบที่ไม่เคยคิดจะรักผู้ใดมาก่อนในชีวิตนี้” แจฮยอนเอ่ยบอกแล้วค่อยๆ
ถอนกายออกมาจากร่างบาง
มือหนายกศีรษะได้รูปขององค์รานีให้หนุนกับต้นแขนตนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายทั้งคู่เอาไว้ โดยองที่เรี่ยวแรงหายหมดซุกตัวเข้าหาร่างสูงพร้อมกอดเอาไว้ ดวงตาเรียวสวยปรือลงจนแทบจะปิดอยู่แล้ว
“เจ้าจะไม่บอกรักเสียสักนิดหรือองค์รานีโดยอง”
“...รัก...”
เสียงหวานงึมงำเบาๆ พร้อมกับลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าร่างบางได้หลับไปแล้ว
แจฮยอนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“เราจะกอดเจ้าเช่นนี้ตลอดไปองค์รานีแห่งทงเย”
+++++++++tbc++++++
อ่านจบแล้วอย่าลืมกลับไปเม้นที่เด็กดีด้วยนะคะ จิ้มๆๆๆๆ