วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

[Fic NCT] Pure Love [ #JaeDo , #TaeTen , #HanTa ft. Johnil] Ch.13 100%



[Fic NCT]  Pure Love  [ #JaeDo , #TaeTen , #HanTa ft. Johnil]
By winata
Chapter  13 : ค่ำคืนใต้แสงจันทรา


            ร่างบางที่นอนพลิกไปพลิกมาสุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่ง   หลังจากที่จะพยายามข่มตาให้หลับอาจแปลกที่หรือว่าวันนี้เป็นแรกในชีวิตขององค์ชายโดยองที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ เสียมากมายจนอดคิดไม่ได้ว่าตนผ่านเหตุการณ์เล่านั้นมาได้เช่นไร  การต่อสู้กับกลุ่มกบฏตอนที่จะเข้าวังหลวงยังไม่น่ากลัวเท่ากับการฝั่งเข็มเพื่อรักษาพระอนุชาลู่ฟางที่หากช้าเพียงนิดอาจจะไม่ทันการณ์   แสงจันทราส่องแสงกระจ่างใสปราศจากเมฆบดบังรวมถึงดวงดาราที่ค่ำคืนนี้ต่างลี้หนีไปไกล    


            สายลมแผ่วๆ ที่พัดมาเรื่อยๆ หลังจากที่โดยองนั่งบนตั่งข้างหน้าต่างบานกว้างที่เพิ่งเปิดออกด้วยฝีมือตนเองพร้อมกับสูดกลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้เข้าปอด  มันก็ไม่เลวที่เดียวกับวันแรกกับคืนแรกบนแผ่นดินของทงเยที่ชีวิตนี้ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เหยียบ  เสียงประตูห้องเปิดพร้อมกับร่างสูงขององค์ราชันที่สภาพอิดโรยจากที่ได้เจอกันในช่วงหัวค่ำที่ยังฉลองพระองค์ในชุดออกศึกยามนี้ถูกผลัดเปลี่ยนเป็นฉลองพระองค์เนื้อบาง



            “ดึกป่านนี้แล้วใยไม่หลับไม่นอนฮึ องค์ชายน้อย”  เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้างๆ ที่ว่างบนตั่งแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอด “แปลกที่แปลกทางสินะ” จมูกโด่งกดลงบนพวงแก้มใส ริมฝีปากได้รูปขององค์ราชันคลอเคลียไปมาใกล้ๆริมฝีปากบางของโดยองที่ครานี้เจ้าตัวเม้มปากเอาไว้พร้อมก้มหน้าหลบสายตาคมเข้มเพราะเขินอายยามนี้แทบจะทั้งตัวบางที่เก่ยอยู่กับตักของร่างสูง



            “หากยังไม่ง่วง  เราจักพาเจ้าไปที่หนึ่ง” บอกพร้อมกับดึงรั้งร่างบางให้ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือให้เดินตามออกมาจากห้องบรรทมขององค์ราชันแจฮยอนแทนที่องค์ชายโดยองจะได้พักยังตำหนักอาคันตุกะชั้นนอก  เพราะตามกฎหากยังไม่ได้ทำการอภิเษกผู้มิใช่สายเลือดและหน่อเนื้อกษัตริย์แห่งทงเยมิสามารถพักในตำนักชั้นในได้  แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นหากมันคือประสงค์ขององค์ราชัน



            “ท่านจะพาเราไปที่ใดกัน” โดยองกระซิบถามเบาๆ แม้ระหว่างทางเดินที่ออกมาจากตำหนักจนมาถึงอุทยานหลวงที่เงียบสนิทมีเพียงแสงจันทราเป็นแสงนำทาง   ร่างบางมองไปรวมอย่างหวาดๆ เพราะหนทางที่องค์ราชันพาตนมานั้นมันทั้งเงียบและมืดแถมยังไม่มีคบไฟ


            “อีกประเดี๋ยวเจ้าจะรู้เอง  นี่กลัวความมืดหรอกรึโดยอง”



            “ใครบอกว่าเรากลัวแต่เราไม่ชินกับหนทางเท่านั้น”  ปากบอกไม่กลัวแต่มือบางที่จับชายฉลองพระองค์ขององค์ราชันไว้แน่น  แล้วร่างบางก็หยุดชะงักเมื่อเห็นว่าพอเดินผ่านรั้วป่าไผ่ที่ถูกดัดเป็นกำแพงต้นไม้อย่างสวยงามไปนั้นคือเหล่าหลุมพระศพของเชื้อพระวงศ์แห่งทงเย


            “ฝ่าบาท”


            “มานี่สิโดยอง” แจฮยอนหันมาเรียกให้ร่างบางทั้งที่เมื่อครู่ยังจับชายเสื้อของตนแน่นแล้วจู่ๆ ปล่อยและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น



            “ท่านพ่อและท่านแม่ของเรากับลู่ฟาง” ร่างบางรีบทำความเคารพหน้าหลุมพระศพพร้อมกับรับธูปที่ถูกจุดจากองค์ราชันมาไหว้ทั้งสองพระองค์อย่างถูกขนบธรรมเนียมราชประเพณี



            “ยามนี้ฤกษ์ดี  ลูกพาโดยองมาพบท่านพ่อท่านแม่  หมอเทวดาที่มาช่วยรักษาลู่ฟางและเป็นว่าที่รานีแห่งทงเยแม้ยามนี้จะยังมิอาจจับเจ้ากบฏเฒ่าได้  แต่ลูกสัญญาตราบใดไม่เห็นมันสิ้นลมต่อหน้าลูกจะยอมลดละ” 



โดยองเอื้อมมือไปกุมมือร่างสูงไว้แน่นเพื่อแบ่งปันความเจ็บปวดก่อนจะก้มลงหลบดวงตาคมที่มองมาอย่างมีความหมาย



            “หากไม่มีพิธีการใหญ่โต  เจ้าจะเข้าพิธีวิวาห์กับเราหรือไม่  แค่ไหว้คำนับฟ้าดินต่อหน้าพระศพ”



            “พะย่ะค่ะฝ่าบาทแค่นี้ก็พอแล้ว”  จบคำร่างบางก็ถูกแจฮยอนรวบเข้าไปกอดก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มการพิธีที่มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น  แม้จะไม่มีแม่สื่อหรือแขกเหรื่อแต่ทุกอย่างกลับถูกปฏิบัติอย่างถูกต้องเพียงเพราะต่างมีรักให้กันและกัน



            ครืน~ครืน~



            เสียงฟ้าร้องแล้วจากท้องฟ้าโปร่งในยามค่ำคืนที่มีเพียงดวงจันทราส่องแสงก็เริ่มมีเมฆมากขึ้นและส่องแสงแลบแปลบ พร้อมกับสายฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ไม่ต้องรอให้เอ่ยปากทั้งแจฮยอนกับโดยองต่างกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับยังตำหนักทันทีโดยที่องครักษ์ที่แฝงกายอยู่จะยังมิทันได้กางพระกลดถวายงานทั้งสองพระองค์เลย  แต่กว่าจะถึงห้องบรรทมขององค์ราชันและรานีแห่งทงเยก็เปียกไปทั่วพระวรกายแล้ว



               “ท่านรีบเปลี่ยนเสื้อก่อนเสียเถอะ  เดี๋ยวจะไม่สบาย” ร่างบางรีบไปหยิบฉลองพระองค์ตัวในร่วมถึงผ้าซับพระพักตร์ให้แจฮยอนที่ยืนยิ้มกว้างๆ อยู่แต่พอเห็นร่างสูงไม่รับก็มองค้อนๆ แล้วจัดการใช้ผ้าซับน้ำฝนที่มันติดอยู่ตามตัวออกให้เสียเองเพราะเหล่านางกำนัลโดยองค์ราชันไล่ออกไปตั้งแต่กลับมาถึงแล้วเพราะอยากอยู่เพียงลำพังกับโดยอง  แต่เชื่อสิหากองค์ราชันทรงเรียกหาไม่แคล้วอึดใจเดียวคงมากันทั้งหมดคณะ



            แจฮยอนก้มลงหอมแก้มนวลที่เจ้าของอมลมเสียแก้มป่องพร้อมใบหน้าหวานงอง้ำ  “ท่านอะ  ยังจะขำเราอีก” กริยากระเง้ากระงอดทำให้ร่างสูงกลั้นยิ้มไม่ไหวก่อนจะรั้งร่างบางที่พยายามเขย่งตัวมาเช็ดให้เข้าซบกับอกแกร่ง  โดยองขยุกขยิกอยู่ครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจทิ้งผ้าในมือลง  แขนเรียวบางทั้งสองข้างยกขึ้นคล้องรอบคอหนาเอาไว้   เสียงฟ้าร้องที่ยังต่อเนื่องและลมพัดเข้ามารอดยังหน้าต่างที่ถูกปิดไว้แล้วทำเอาขนลุกเกลียวเพราะความหนาวเย็นที่แผ่เข้ามา



            “มาทางนี้เถอะ” แจฮยอนตัดสินใจอุ้มช้อนองค์ชายน้องแห่งพูดยอไปยังแท่นบรรทมกว้างแล้ววางลงอย่างทะนุถนอมแล้วทิ้งตัวลงข้างๆ  มือหนาเกลี่ยเส้นผมนิ่มที่หลุดลุ่ยเล่น ดวงตาเรียวรีก้มหลบสายตาคมวาวที่ในแววตาขององค์ราชันแสดงออกถึงแรงปรารถนาอย่างเปิดเผย



            ร่างสูงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบาแล้วเลยลงมายังพวงแก้มทั้งสองข้าง  โดยองตวัดแขนเรียวคล้องคอแจฮยอนเมื่อริมฝีปากได้รูปโฉบลงมายังริมฝีปากตน   องค์ราชันบดเบียดริมฝีปากลงริมฝีปากสีอ่อนแล้วลุกล้ำหาความหวานข้างในอย่างถือสิทธิ์พระสวามีกวาดต้อนความหวานเอาไว้จนหมดสิ้น



            “โดยอง” ร่างสูงผละออกมามองใบหน้าหวานพร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆ ลูบไล้แก้มเนียนไล่ลงมาหัวไหล่ลาดเบาจนมาถึงแถวๆ เอวบางที่เป็นสายผูกมัดของเสื้อเอาไว้   แค่กระตุกทีเดียวสาบเสื้อก็แยกออกจากกันทันที  มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนอย่างหลงใหล  ริมฝีปากลากไปตามแผ่นอกบางโดยไม่ลืมทิ้งรอยสีหวานไว้บนผิวขาวๆทุกที่ที่จมูกและริมฝีปากขององค์ราชันได้สัมผัส



            “ผะ..ฝ่าบาท”



         “ไม่ใช่  ท่านพี่...เรียกเราว่าท่านพี่นับจากนี้ไป” โดยองบิดกายเร้าไปกับสัมผัสที่ได้รับ  ริมฝีปากได้รูปเข้าครอบครองติ่งไตสีหวานเรียวลิ้นร้อนตวัดเลียแล้วก้มลงดูดดึงสลับกันไปมาทั้งสองข้าง   ร่างบางสอดมือไปยังกลุ่มผมสีเข้มเพื่อปลดปล่อยอารมณ์  เสียงหอบหายใจถี่ของทั้งสองเริ่มดังสลับกับเสียงดูดแผ่นอกบางทั้งสองข้าง    



            “หากเจ้าไม่พร้อมก็จงหยุดเราเสียโดยอง  เพราะถัดจากนี้เรามิอาจหยุดได้แล้ว”  โดยองไม่ตอบอะไรนอกจากริมฝีปากบางเผยออกเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นจูบเบาๆ อย่างไม่รุกล้ำที่ริมฝีปากขององค์ราชัน  กิริยาน่ารักทำเอาแจฮยอนยิ้มออกมากมือหนาสอดประสานมือบางเอาไว้



            “เราจะรักและทะนุถนอมเจ้าด้วยหัวใจ  และนับจากนี้ข้างกายเราจะมีแค่เจ้าเพียงผู้เดียวโดยอง”



แจฮยอนผละออกมาจากร่างบาง ลุกขึ้นปลดเปลื้องฉลองพระองค์ออกแล้วลงมาทาบทับยังร่างบาง  ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองได้สัมผัสกันแนบชิดโดยไร้อาภรณ์ใดๆ ขวางกั้น แผ่นอกแกร่งที่เห็นจากแสงไฟของตะเกียงที่ถูกรี่ลงจนเกือบมอด  ทำให้โดยองแทบจะม้วนกายหลบหนีเพราะขัดเขินไหนจะกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ดูแข็งแกร่งนั่นอีก ใบหน้าหวานไม่ยอมสบตรงๆ กับดวงตาคมจนร่างสูงต้องใช้อุ้งมือประคองใบหน้าหวานให้หันมาสบตากับตนแทน



            "เรารู้ว่าเจ้าเขิน   เพราะเราเองก็เขินเช่นกัน" เสียงทุ้มกระซิบลงข้างริมใบหูนิ่มแล้วกัดเล็มเบาๆ มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนกายงาม ความเนียนนุ่มมือทำให้เผลอบีบเคล้นเบาๆ


 
            แจฮยอนลากริมฝีปากลงมาหาติ่งไตสีหวานอีกครั้งพร้อมกับดูดเลียอีกข้าง ส่วนอีกข้างก็ใช้นิ้วเรียวบีบเคล้นไปด้วย ร่างบางผวาเฮือกฟันคมขบกัดริมฝีปากด้านล่างเพื่อข่มกลั้นเสียงครางยามติ่งไตที่หน้าอกถูกฟันคมขบกัดและดูดเลีย มือบางปะป่ายไปทั่วอกแกร่งก่อนที่จะยึดบ่ากว้างเป็นที่เกาะเกี่ยว



          "อ๊ะ...อ่า...อื้อ... "เสียงหวานเปล่งร้องครวญครางแผ่วเบาอย่างสุดกลั้น  มือหนายกเรียวขางามข้างหนึ่งให้แยกออกแล้วตนก็เข้าไปแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาเรียวคู่นั้น  มือหนาข้างหนึ่งบีบเคล้นแก้มก้นนิ่มไปด้วย แจฮยอนลากไล้จากติ่งไตทั้งสองข้างลงมาตามแผ่นอกบางแล้วใช้ฟันคมขบกัดลงบนหนาท้องแบนราบ เกลียวลิ้นแหย่ลงไปยังแอ่งตื้นตรงกลางลำตัว รองรอยสีหวานเริ่มมีประปรายตัดกับผิวกายขาว 



            "อา...อ๊ะ...ท่านพี่" เสียงหวานครวญครางดังขึ้นเมื่อแกนกายสีหวานของตนถูกครอบครองโดยริมฝีปากอุ่นร้อน โดยองบิดเร้าร่างกายส่วนบนไปมาเมื่อถูกฟันคมครูดลากไปตามความยาว  แจฮยอนยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินเสียงครางขององค์ชายน้อย    ริมฝีปากหนาขยับเข้าออกไปพร้อมกับที่มือหนาบีบเคล้นแก้มก้นนิ่มทั้งสองข้างไปด้วย  เมื่อปลายยอดแกนกายของร่างบางสั่นระริกเริ่มปริ่มน้ำร่างสูงจึงถอนริมฝีปากของตนออกมา พร้อมขยับกายขึ้นไปคร่อมทับร่างบางอีกครั้ง



            "ผะ ฝ่าบาท" เสียงหวานขาดห้วงพลางหอบหายใจทำให้แผ่นอกอิ่มสะท้อนขึ้นลงรัวเร็ว 



            "ท่านพี่  กอดเราเสียสิโดยอง  กอดแน่นๆ"  โดยองตวัดเรียวแขนขึ้นโอบรอบคอหนาอย่างว่าง่ายแล้วซบใบหน้าเข้ากับอกแกร่ง ครานี้จิตใต้สำนึกถูกแทนที่จนขาวโพลนไปเสียหมด สายฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอกแข่งกับเสียงเต้นอันรัวเร็วของจังหวะของหัวใจ แจฮยอนกดจูบลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง แขนแกร่งข้างหนึ่งกอดรัดร่างบางเอาไว้ส่วนอีกข้างเลื่อนลงไปยังสะโพกนิ่มอีกครั้ง



            มือหนาบีบเคล้นอย่างหนักมือแล้วใช้นิ้วเรียวยาวสอดรุกล้ำเข้าไปยังช่องทางสีหวานแสนคับแคบที่ยังไม่เคยมีผู้ใดได้กล้ำกลายมาก่อน โดยองสะดุ้งเฮือกเมื่อสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามายังกายของตน แขนเรียวที่โอบรัดรอบคอหนารัดแน่นเข้า แจฮยอนสอดนิ้วเรียวเข้าไปทีละนิ้วๆ เพื่อขยายช่องทางให้สามารถรองรับร่างกายของตนได้และเพื่อให้ร่างบางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก



            "อย่ากลัวเลย  แค่เจ้ากอดเราไว้ก็พอ" เสียงทุ่มกระซิบแหบพร่าเพื่อปลุกปลอบ ร่างบางพยักใบหน้าหวานที่ยังซุกซบอยู่กับอกกว้างน้อยๆ พร้อมขยับเรียวแขนของตนให้แน่นเข้า



           แจฮยอนค่อยๆถอดถอนนิ้วทั้งสามของตนออกแล้วจับแกนกายของตนจ่อเข้ากับช่องทางสีหวานทันที  ความคับแน่นทำให้ทั้งสองต้องนิ่วใบหน้า โดยองจิกเรียวเล็บลงบนไหล่หนาเพื่อสกัดกลั้นความเจ็บปวดขณะที่ร่างสูงพยายามแทรกแกนกายที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วทั้งสามมากนักเข้ามายังร่างบอบบางขององค์ชายน้อย



"อ๊ะ... "โดยองขบกัดริมฝีปากล่างข่มเสียงร้อง   หยาดน้ำใสเริ่มเอ่อคลอรอบดวงตาเรียวสวย แจฮยอนจึงแช่นิ่งอยู่ในร่างบางทันทีอย่างไม่กล้าขยับเมื่อสัมผัสถึงน้ำตาจากใบหน้าหวานที่ซบอกตนอยู่



"โดยอง...อ่า" เสียงทุ้มเอ่ยเรียงร่างบางด้วยเสียงที่เปล่งออกมาอย่างยากลำบากเพราะตอนนี้ตนเองก็กำลังแย่อยู่เช่นกันเพราะผนังอุ่นๆที่ตอดรัดแกนกายของตนอยู่ขณะนี้



"เจ็บมากหรือ" มือหนาช้อนใบหน้าสวยขึ้นมาสบ   ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงริมฝีปากอิ่มแล้วผละออกมา
"เราทนได้ท่านพี่" โดยองเช็ดน้ำตาของตนออกป้อยๆแล้วยิ้มหวานส่งให้ร่างสูง เพราะท่อนเหล็กร้อนที่แช่นิ่งอยู่จึงทำให้ร่างบางเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว



"กอดแน่นๆ" แจฮยอนบอกพร้อมกับค่อยๆ ขยับเคลื่อนกายเข้าออกที่แรกเริ่มจากความเชื่องช้าเนิบนาบ   ร่างสูงแทบคลั่งไปกับแรงตอดรัดอยากจะกระแทกกายให้รุนแรงกว่านี้แต่เพราะยังนึกห่วงร่างบางในอ้อมกอดอยู่จึงพยายามข่มใจ


"เจ็บมากหรือไม่" แจฮยอนก้มถามด้วยความห่วงใย


"ไม่...ไม่เจ็บแล้ว...อ่า" โดยองส่ายหน้าปฏิเสธ ตอนนี้ความหวามหวิวในช่องท้องเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดเมื่อครู่จนแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว  ร่างสูงจึงขยับกายของตนให้เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม 



"อา...อ๊ะ...อื้อ ท่านพี่จะ..แจฮยอน" เรียวเล็บจิกลากไปตามแผ่นหลังหนาแน่นที่ตนโอบกอดเอาไว้เมื่อจังหวะการสอดใส่เริ่มรุนแรงและถี่เร็ว มือหนาเลื่อนลงมาจับแกนกายสีหวานของร่างบางบีบรูดแล้วขยับเข้าออกตามจังหวะการกระแทกท่อนกายของตน



"โด...ยอง...อ่า" เสียงแหบพร่าดังออกมาจากริมฝีปากได้รูป 



"อื้อ...อ่า"



แรงกระแทกเข้าออกทั้งรุนแรงและเร่าร้อนแข่งกับสายฝนข้างนอกที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกลงง่ายๆ   ดังเช่นพายุรักที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ ณ ตอนนี้     ที่กำลังเร่าร้อนสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดรัดแนบชิดกันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันง่ายๆ แจฮยอนสอดแขนทั้งสองข้างไปทางด้านหลังบางแล้วยกให้ขึ้นมาอยู่ในท่านั่งแล้วกอดรั้งเอาไว้ ใบหน้าคมผวาเข้าหาอกบางแล้วดูดเลียขณะที่ยังกระแทกกายเข้าอกอย่างไม่หยุดหย่อน 



"อื้อ...เราทะ..ทนไม่ไหวแล้ว" โดยองสุดจะขืนกายให้ตั้งตรงได้แม้จะกอดรัดร่างหนาไว้ก็ตาม ร่างสูงจึงโน้มกายขององค์ชายน้อยลงบนบรรจถรณ์ดังเดิมแล้วเพิ่มแรงกระแทกหนักขึ้น เพียงไม่กี่ครั้งทั้งสองร่างก็ปลดปล่อยออกมาราวกับผีเสื้อที่โผล่บินในสวนดอกไม้



            “เรารักเจ้านะโดยอง   รักแบบที่ไม่เคยคิดจะรักผู้ใดมาก่อนในชีวิตนี้” แจฮยอนเอ่ยบอกแล้วค่อยๆ ถอนกายออกมาจากร่างบาง  มือหนายกศีรษะได้รูปขององค์รานีให้หนุนกับต้นแขนตนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายทั้งคู่เอาไว้  โดยองที่เรี่ยวแรงหายหมดซุกตัวเข้าหาร่างสูงพร้อมกอดเอาไว้  ดวงตาเรียวสวยปรือลงจนแทบจะปิดอยู่แล้ว




            “เจ้าจะไม่บอกรักเสียสักนิดหรือองค์รานีโดยอง”



            “...รัก...” เสียงหวานงึมงำเบาๆ พร้อมกับลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าร่างบางได้หลับไปแล้ว   
 แจฮยอนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น




            “เราจะกอดเจ้าเช่นนี้ตลอดไปองค์รานีแห่งทงเย”




+++++++++tbc++++++
อ่านจบแล้วอย่าลืมกลับไปเม้นที่เด็กดีด้วยนะคะ  จิ้มๆๆๆๆ 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น