วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

OS: ตกหลุมรัก [BAEKDO Ft. TAOKAI]

OS: ตกหลุมรัก
Pairing :   BAEKDO  Ft. TAOKAI
By  winata
Note: มาสั้น ๆ อีกแล้ว...ไม่มีไรมากอ่านเถอะคอมโบดับเบิ้ลวันช็อตเลย...แฮ่ๆ เกรงจะยาวแล้วต่อไม่ไหว



            คุณเคยตกหลุมรักใครบางคนแค่เห็นหน้าเพียงแค่ 5 วินาทีไหม?  ซึ่งตอนนี้โดคยองซูกำลังเป็นอยู่แต่พระเจ้าช่างโหดร้ายกับเขานักเพราะจะตกหลุมรักใครสักคนดันไปหลงรักคนมีเจ้าของแล้วอย่างพยอนแบคฮยอน


            ตั้งแต่เขาได้เจออีกฝ่ายที่คณะทันตะในช่วงเปิดบ้านแนะแนวการศึกษาที่แอบไปใช้บริการทำฟันฟรีมา  นับแต่วันนั้นไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่แอบมองอีกฝ่าย  แต่ต้องเจียมตัวเมื่อข้างกายของแบคฮยอนมีเดือนมหาวิทยาลัยอย่างฮวางจื่อเทาคอยดูแลไม่ห่าง


            “ฮยอง  นี่เหล้านะไม่ใช่น้ำเปล่าจะได้ซดเอาซดเอ้า”

            เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้าง ๆ พร้อมกับแก้วในมือของคยองซูโดนดึงออกพร้อมกับแก้วน้ำพั้นซ์ไร้แอลกอฮอล์แบบที่เจ้าเด็กตรงนี่ชอบดื่มนักมาแทนที่

            “เอาคืนมาคิมจงอิน”

            “ฮยอง  พอเถอะนะ  ไม่งั้นกลับไปดื่มที่ห้องเรานะ” จงอินบอกรุ่นพี่รูมเมทของตัวเอง  เพราะโดยส่วนตัวเขาก็ไม่ชอบบรรยากาศสังสรรค์ในผับแบบนี้ซะด้วย  ถึงแม้ว่างานเลี้ยงสังสรรค์หลังสอบไฟนอลเสร็จที่มีเจ้าภาพคือพี่บัณฑิตปีล่าสุดก็เถอะ

            ดวงตากลมที่มันโตกว่าชาวเกาหลีทั่วไปเบิกขึ้น  ที่เริ่มมึนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อเห็นภาพแสลงใจกลางฟลอร์ที่มีสองร่างแทบจะแนบสนิทกันกำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์   เปลือกตาบางหลับลงก่อนจะลืมขึ้นมาใหม่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ


            “กลับกันเถอะจงอิน” ก่อนจะเดินนำรุ่นน้องตัวสูงที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ ที่เจ้าตัวหาวแล้วหาวอีก

            ก่อนจะออกจากผับที่จัดงานเลี้ยงฉลองคยองซูอดหันไปมองฟลอร์ไม่ได้อยู่ดี   ไม่รู้คิดไปเองได้ไหมว่าอีกฝ่ายก็มองมาที่เขาเหมือนกันก่อนจะหันหลังเดินออกไปหน้าร้านเมื่อเห็นเดือนมหาวิทยาลัยก็หันมามองเขาเหมือนกัน


            ทั้งที่รู้ว่าพยอนแบคฮยอนก็คงเป็นเหมือนตัวเองคือเคะ  แต่หัวใจไม่รักดีของคยองซูดันรักอีกฝ่ายไปหมดแล้วตั้งแต่เจอกันครั้งแรก   รอยยิ้มและน้ำเสียงสดใสที่หลอกล่อเด็ก ๆ ตอนทำฟันมันทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้


            “ไปด้วยกันหน่อยดิ”


            เขาหันไปมองต้นเสียงของคนมาใหม่ที่ก้าวมายืนข้าง ๆ กว่าจะรู้ตัวคยองซูก็โดนพยอนแบคฮยอนลากข้อมือเดินออกมาจากหน้าผับ  ดวงตากลมมองมือที่มีขนาดพอๆกับมือตัวเองที่จับมือเขาไว้ไม่แน่นและไม่หลอมด้วยความสับสน


            “แต่ว่าฉันมากับจงอิน” บอกเสียงสั่น ๆ เพราะคยองซูยืนรอจงอินที่ไปเข้าน้ำอยู่


            “ช่างไอ้เด็กดำนั่นเถอะ  เดี๋ยวจื่อเทาก็จัดการเอง  ส่วนนายนะมากับฉัน” แบคฮยอนบอกพร้อมกับจับมือของคยองซูให้เดินตามมาที่รถของตัวเอง   จากนั้นก็ขับพาร่างเล็กที่ขนาดตัวพอ ๆ กันมาที่สวนสาธารณะข้างคณะทันตะที่แบคฮยอนเรียนอยู่


            “นายเป็นแฟนกับไอ้เด็กดำ...เฮ้ยจงอินนั่นเหรอ” แบคฮยอนเปลี่ยนชื่อเรียกคนที่ตัวเองหมั่นไส้มาตลอดเมื่อเห็นคนดวงตากลมโตชักสีหน้าใส่


            “เปล่า จงอินเป็นเมท และเป็นญาติผู้น้องที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ” คำตอบของคยองซูมันทำให้แบคฮยอนยิ้มออก พร้อมกับเริ่มเบียดตัวไปนั่งข้าง ๆ คยองซูจนตัวแทบจะเกยกันเลยทีเดียว


            คยองซูหันมามองคนนั่งข้าง ๆ ด้วยความงงปนมึน  เพราะรอยยิ้มหวานบนใบหน้าดูดีมันทำให้หัวใจเขาเต้นรัวมากกว่าปกติ


            “มันใกล้เกินไปไหม” ถามเบา ๆ เมื่อเห็นระยะห่างของพวกเขามันน้อยลงเรื่อย ๆ


            “ห่างเกินไปต่างหาก” พูดจบริมฝีปากของแบคฮยอนก็กดจูบลงหนัก ๆ ที่แก้มเนียนของคยองซูแรง ๆ สองสามที


            “นาย...”

            “เป็นแฟนกันนะโดคยองซู”

            “ห๊ะ”

            แบคฮยอนหัวเราะกับอาการตกใจของคนที่นั่งข้างที่ตอนนี้โดนเขารั้งเข้ามากอดทั้งตัวแล้ว


            “ตกใจอะไร  ฉันรักนาย  นายรักฉัน  เป็นแฟนกันก็ดีแล้วไง”


            “ใครบอกกันว่าฉันรักนาย” คยองซูบอกเสียงอู้อี้พร้อมซบไหล่ของแบคฮยอนที่ขนาดตัวเท่า ๆ กัน แต่ในความรู้สึกเขากลับคิดว่าไหล่และแผ่นอกของแบคฮยอนมันช่างกว้างนัก

            “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจไง”

            “ฮึ” ก่อนจะขืนตัวออกมาจากอ้อมกอดของแบคฮยอนก่อนเอ่ยถามเสียงเข้ม

            “แล้วฮวางจื่อเทาละ  ถ้านายจะเป็นแฟนกับฉันก็ต้องคบกับฉันคนเดียวไม่ใช่คบซ้อนสองแบบนี้” 

            ก็ทั้งมหาวิทยาลัยต่างรู้ทั้งนั้นว่าเดือนทันตะกับเดือนมหาวิทยาลัยที่เรียนคณะวิศวะ นี่ตัวติดกันตั้งแต่เข้าเรียนมาแต่ไหนแต่ไร  แถมยังตัวเป็นเหมือนเจ้าเข้าเจ้าของแบบนี้ใคร ๆ ก็ต้องคิดว่ากำลังคบกันอยู่แน่ ๆ

            “นั่นเพื่อนข้างบ้านฉันเอง  อีกอย่างเจ้านั่นมันชอบเมทนายไง”

            “ห๊ะ” คยองซูอุทานแบบตกใจ   มันจะมีอะไรให้ตกใจไปมากกว่านี้ไหม?  ตั้งแต่คนที่ตัวเองตกหลุมรักและแอบรักมาตลอดก็รู้สึกเหมือนตัวเอง  แถมคนที่คิดว่าเป็นแฟนอีกฝ่ายดันชอบญาติของตัวเอง

            “ไม่ได้โกหกกันใช่ไหม” คยองซูเอ่ยถามเสียงสั่น  มือเล็กลูบแก้มแบคฮยอนเบา ๆ ราวกับกลัวว่าคนที่ตรงหน้าจะหายไป

            “ฉันพูดจริง ๆ เชื่อสิว่าสัมผัสของคนเราจะไม่สามารถโกหกได้”



            คราวนี้ริมฝีปากของแบคฮยอนทาบทับริมฝีปากหยักรูปหัวใจของคยองซูบดเคล้าให้ร่างเล็กเปิดรับจุมพิต  เรียวลิ้นร้อนแตะลงฟันเล็กปากเล็กอ้าเผลอรับลิ้นร้อนของแบคฮยอน  สองเรียวลิ้นตวัดโต้ตอบด้วยความเต็มใจ...จูบแรกที่เกิดขึ้น  รสจูบซาบซ่านคละคลุ้งไปด้วยรสแอลกอฮอล์  รวมถึงความหวานที่มันแผ่กระจายกับสัมผัสที่มันชวนหวามไหว


            เนิ่นนานกว่าทั้งคู่จะผละออกจากกัน  แบคฮยอนก้มหน้าลงมาใกล้  หน้าผากและสันจมูกทั้งสองแนบกัน  มือเรียวของเขาประคองใบหน้าคยองซูเอาไว้ก่อนจะกดจูบหนัก ๆ ลงที่ริมฝีปากหยักรูปหัวใจอีกครั้ง


            “สัมผัสของฉันมันใช่สำหรับนายไหมคยองซู” แบคฮยอนเอ่ยถามเสียพร่า

            คยองซูรู้สึกเขินอายกับดวงตาคมระยับที่มองมากึ่งล้อเลียนระคนค้นหาความจริง

            “ไม่รู้สิ...ขอลองใหม่ได้ไหม” บอกเองก็เขินเอง แต่ไม่ต้องเขินนานเพราะแบคฮยอนกดจูบลงมาอีก  พวกเขาทั้งคู่ต่างสัมผัสกันและกันอย่างไม่รู้จักพอ


            “คืนนี้ฉันไปนอนห้องนายนะ” แบคฮยอนบอกอย่างเอาแต่ใจหลังช่วยคยองซูรัดเข็มขัด  ก่อนจะขับรถไปหอของคนตัวเล็กที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่โดยไม่เอ่ยถามสักคำว่าหอพักอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

            “แต่ว่าจงอิน...”


            “ฮา ๆ เชื่อเถอะ  ยังไงคืนนี้จื่อเทาก็คงไม่ปล่อยคิมจงอินกลับมาแน่ ๆ”


            รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้าของคยองซู  เมื่อแบคฮยอนเอื้อมมือมาจับมือพร้อมสอดประสานมือของเขาเอาไว้ขณะที่ขับรถไปด้วย บรรยากาศอบอุ่นระคนหวานละมุนห่อหุ้มทั้งคู่ไว้กับการ “ตกหลุม” รักกันและกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น




            ส่วนคิมจงอินนะเหรอ  พอออกมาจากห้องแล้วเห็นหลังของฮยองตัวเองไว ๆ ที่ขึ้นรถบีเอ็มดับพลิวซีรีส์สามออกไปแล้วด้วยความงุนงง  และยิ่งงงไปหมดเมื่อเห็นคนร่างสูงว่าหลายเซนติเมตรที่มองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ มันทำให้ขาเรียวเดินจ้ำหนีเพราะเพิ่งระลึกได้ว่ารถคันที่ฮยองขึ้นไปนั้นคือรถของพยอนแบคฮยอน  คนที่เป็นแฟนของคนตาคมที่จ้องคิมจงอินอยู่นี่ไง


            “นี่จะเดินตามมาทำไมเล่า” เผลอตัวหันไปตวาดร่างสูงที่เดินตามมาแบบติด ๆ


            “จะไปส่งกลับห้อง” จื่อเทาบอกนิ่งแต่ด้วยระยะที่ยืนใกล้กันจนแทบจมูกจะติดกันอยู่ทำให้ร่างโปร่งรีบผละออกแต่ดันสะดุดพื้นต่างระดับของฟุตบาทจนล้มลง


            “โอ้ย..เจ็บ ข้อเท้าแพลงแน่ ๆ” จงอินกุมข้อเท้าตัวเองไว้ก่อนจะตวัดสายตามองตัวต้นเหตุที่ยืนค้ำหัวอยู่


            “ลุกไหวไหม” จื่อเทาถามเสียงอ่อนเพราะน้ำตาใส ๆ ที่มันคลอในดวงตาของจงอินทำให้เขาใจแป้วลงไปอีกเมื่อจงอินส่ายหน้าว่าลุกขึ้นยืนไม่ไหว


            “ขึ้นมาสิ  เดี๋ยวพาไปหาหมอมีคลินิกเปิด 24 ชม ถัดไปอีกสามบล็อก” บอกพร้อมกับหันหลังและย่อตัวให้อีกฝ่าย


            จงอินมองแผ่นหลังของจื่อเทาด้วยความลังเลก่อนจะตัดสินเอื้อมมือไปกอดคอของจื่อเทาไว้หลวม ๆ ไม่น่าเชื่อทั้งที่ตัวเท่า ๆ กันแต่ฮวางจื่อเทากับแบกจงอินขึ้นหลังแถมเดินด้วยอาการปกติแบบสุด ๆ


            “นี่นายเห็นใช่ไหมที่ฮยองขึ้นรถไปกับแบคฮยอนฮยอง”


            “อืม” จือเทาตอบสั้น ๆ

            “นายไม่โกรธเหรอ  แบบว่าฮยองนะ...”  จื่อเทาที่เห็นจงอินอ้อมไปมาก็บอกทะลุปล้องขึ้นมาเสียเอง

            “ฉันกับไอ้แบคไม่ได้เป็นแฟนกัน  แค่เป็นเพื่อนข้างบ้านกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เท่านั้น”

            “อ้าวแล้ว....” จงอินกำลังจะถามต่อก็ต้องเงียบลง

            “ถ้ายังไม่เงียบ ๆ ฉันจะทำมากกว่านี้ ไม่ต้องไปแล้วคลินิกเปลี่ยนเป็นเลิฟโมเตลแทน” จื่อเทาบอกหลังหันไปจูบแรง ๆ ที่ริมฝีปากหนาได้รูปของจงอินแรง ๆ

            “ไอ้บ้า” จงอินบ่นอู้อี้ก่อนจะทุบไหล่ร่างสูงที่แบกตัวอยู่อย่างอดไม่ได้เพราะแววตาที่ฮวางจื่อเทาใช้มองนั้นมันทำให้เขาใจสั่น


            ตอนนี้คิมจงอินพอรู้แล้วว่าอาการตกหลุมรักมันเป็นยังไง ><



Fin











OS: I’m ok.[TAOKAI ft.Sehun]

OS: I’m ok.
Pairing :   TAOKAI ft.Sehun
By  winata
Note: สั้น ๆ มางง ๆ ถือว่าฉลองวันเกิดให้ตัวเอง(6ตค)แล้วกัน



            มือหนาดันแว่นสายตากรอบสีขาวให้เข้าที่พลางใช้ความคิดแก้สมการโจทย์แคลคูลัสหนึ่งที่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนต้องเรียน  ซึ่งฮวางจื่อเทาสอบผ่านไปเมื่อเทอมก่อนด้วยเกรดเอ  แถมไม่ใช่เอธรรมดาแต่เป็นคะแนนที่สูงที่สุดทำให้เกรดที่ตัดคะแนนอิงกลุ่มมีนักศึกษาติดเอฟเป็นจำนวนมาก  รวมถึงเจ้าของโจทย์ที่เขาต้องมาติวช่วยอีกฝ่ายเพื่อที่จะเก็บหน่วยกิตให้ผ่านในเทอมนี้เพื่อจะได้เรียนตัวถัดไป  เพราะแคลคูลัสของวิศวะต้องเรียนตัวต่อกันถึงสี่ตัว


            “ขอโทษนะที่มาช้า  แล็ปเซอร์กิตปล่อยช้ามาก” คนมาใหม่บอกพร้อมยิ้มกว้างก่อนจะรีบหยิบสมุดรวมถึงชีทขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมในการติว


            “ไม่เป็นไร  วิ่งละสิ  เอ้าเช็ดหน้าก่อนเหงื่อนายนี่ยังอ่ะไปอาบน้ำมา” จื่อเทาบอกพร้อมยื่นผ้าขนหนูที่พกติดกระเป๋าใส่ชุดซ้อมบาสมาสองผืนประจำให้กับร่างโปร่ง  ที่เอื้อมมือมารับไปซับเหงื่อ


            “โอเค มาติวเถอะวันนี้เรียนหาปริพันธ์ไม่จำกัดเขตมา  ไม่เข้าใจเลยอ่ะจื่อเทา  แถมคาบหน้าอาจารย์มิเรียมจะควิซด้วย”


            “มันไม่ยากนะเรื่องนี้  มันมีทริกอยู่แค่.....” จากนั้นจื่อเทาก็ค่อย ๆ อธิบายให้เพื่อนร่วมคณะแต่ต่างภาควิชาฟังอย่างละเอียดพร้อมยกตัวอย่างประกอบ  พร้อมบอกแนวข้อสอบที่เชื่อเถอะถ้าคิมจงอินกลับไปซ้อมทำโจทย์วันนี้ควิซเก็บคะแนนครั้งหน้าคิมจงอินได้เต็มแน่ ๆ ก็เพราะฮวางจื่อเทาเป็นศิษย์รักของอาจารย์ปาร์คมิเรียม   แถมโจทย์ในสไลด์หรือชีทที่อาจารย์ทำแจกนักศึกษาเขาทำมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบ  เพราะงั้นแนวการออกข้อสอบของอาจารย์เขาเดาทางได้หมด


            เกือบสองชั่วโมงที่ทั้งคู่ใช้เวลาติวที่โต๊ะม้าหินอ่อนลานคณะ   เป็นภาพชินตาของนักศึกษาคนอื่นที่จะเห็นฮวางจื่อเทาดุคิมจงอินที่แก้สมการแคลคูลัสผิด


            “นายเก่งมากนะจื่อเทา  ที่ทำให้ฉันที่อ่อนแคลสุด ๆ เข้าใจ  ไฟนอลนี้มีความมั่นใจขึ้นเยอะเลยไม่งั้นไม่ได้เรียนตัวถัดไปแน่ ดูสิพวกนายเรียนแคล2 ฉันยังต้องเรียนแคล1อยู่เลย”


            “เอ้าน้า  เทอมนี้ผ่านแน่ ๆ ใช่ว่านายมีคนเดียวที่ติดวิชานี้สักหน่อย” จื่อเทาบอกพร้อมยิ้มตามคนที่นั่งข้าง ๆ ที่ไหล่แทบจะเกยกันอยู่แล้ว  


            มันก็แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่เป็นเวลาของฮวางจื่อเทาที่ได้มีคิมจงอินอยู่ข้าง ๆ


            เวลาที่คนสองคนอยู่เคียงข้าง ๆ กันโดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไร


            “เหนื่อยจัง  ไปหาอะไรเย็น ๆ ที่ร้านนมข้างคณะกัน  จื่อเทาลุกเร็ว” ร่างโปร่งบอกพร้อมกวาดข้าวของทุกอย่างลงเป้สะพายไหล่ก่อนจะหันมาฉุดแขนจื่อเทาให้เดินตามตัวเอง


            ดวงตาคมมองมือเรียวที่จับมือของตัวเองอยู่ก็ยิ้มออกมา...เพราะมันอุ่นไปถึงหัวใจ
            ...อย่างน้อยตอนนี้คิมจงอินก็จับมือฮวางจื่อเทาเอาไว้...
            แค่นี้ก็พอแล้ว...จริง ๆ นะ


            “เอาชานมเย็นครับ   แล้วนายเอาอะไรจื่อเทา” จงอินหันมาถามคนอยู่ข้างๆ ที่พ่วงตำแหน่งติวเตอร์ประจำที่เป็นมาเกือบเทอมแล้ว


            “คาราเมลมัคกิอาโต้เฟปเป้ เพิ่มวิปครีมแล้วก็ท็อปปิ้งช็อกโกแลตชิป” แล้วจื่อเทาก็หันมามองคนที่ยืนทำตาโตอยู่ข้าง ๆ

            “อะไร  ทำไมมองแบบนั้น”

            “ก็นายสั่งได้แบบว่าสุดยอด  ปกตินอกจากชานมฉันก็ไม่รู้จะสั่งอะไรเลยนะ   แป๊บๆ เดี๋ยวรับสายก่อน”

            ดวงตาคมหม่นแสงลงเมื่อเห็นหน้าจอมือถือที่จงอินหันมาโชว์ว่าใครโทรเข้ามา...ปลายสายที่เป็นคนสำคัญของคิมจงอิน



            น้ำเสียงทุ้มนุ่มหูที่กำลังพูดกับปลายสายมันทำให้จื่อเทารู้สึกหายใจไม่ออก
            รอยยิ้มนั้นที่มันยิ่งทำให้จื่อเทาอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้
            ทั้งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ...แต่จื่อเทาไม่มีสิทธิ์แม้จะเอื้อมมือไปจับคิมจงอิน



            “อ้าว  ไหนว่าซ้อมเต้นเสร็จตอนห้าโมงไง  เพิ่งติวกับจื่อเทาเสร็จ  โอเคครับคุณชายโอเซฮุน  ผมจะรีบขับรถไปเดี่ยวนี้ ไม่เกินสิบนาทีแล้วเจอกัน”



            แล้วคำพูดสุดท้ายก่อนวางสายของจงอินก็เหมือนมีดคม ๆ ที่มันกรีดบนหัวใจของฮวางจื่อเทาให้เป็นแผล...แผลที่ลึกลงมากกว่าเดิม

            “รักนายเหมือนกันเซฮุน  เจ้าแมวขี้อ้อน”



            “จื่อเทา  ฉันคงต้องไปก่อนนะเดี๋ยวเซฮุนรอนาน  ไว้ไงเดี๋ยวโทรหานะ” จงอินบอกก่อนจะหันไปจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์


            “อืม” ร่างสูงบอกสั้น ๆ ก่อนเสสายตามองออกไปนอกร้าน

            “นายโอเคนะ” จงอินหันกลับมาถามเพื่อนร่วมคณะที่วันนี้มีอาการแปลก ๆ

            “ฉันโอเคน้า...รีบไปเถอะ  เดี๋ยวเซฮุนรอนาน” จื่อเทาบอกพร้อมยิ้มให้กับแผ่นหลังของคิมจงอินที่เดินออกไปจากร้าน

            มันก็แค่อีกครั้ง...ที่เวลาของฮวางจื่อเทาหมดลงแล้ว


            “เอ่อ...” เสียงพี่พนักงานที่กำลังรอรับออเดอร์ทำให้จื่อเทาได้สติ


            “ไม่เอาทั้งสองแก้วนะครับพี่” บอกด้วยเสียงเรียบ ๆ เพราะตอนนี้ร่างสูงไม่มีอารมณ์ที่จะอยากดื่มอะไรแล้วก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้าน


            “อ้าวน้องคะ...แต่พี่ยังไม่ได้ทำ....”


            ร่างสูงไม่แม้แต่จะสนใจที่เรียกตามหลังเพราะตอนนี้ความรู้สึกเจ็บจนชามันลามไปทั้งตัวแล้ว  ขาแกร่งก้าวไปอย่างเชื่องช้าทีละก้าว...ทีละก้าว


            แค่ฮวางจื่อเทามีความสำคัญในเวลาที่คิมจงอินต้องการความช่วยเหลือก็พอแล้ว  เขาโอเคกับจุดที่ตัวเองยืนอยู่เพราะรู้ตัวดีไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถก้าวเข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์ของจงอินกับใครคนนั้นได้
            I’m ok