วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

SF:ทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที[Hunhan ft. kai & kris]

SF:ทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที
Pairing :   Hunhan ft. kai & kris
By  winata
Note: มาแบบสั้น ๆ แฮ่ๆ


          ลู่หานก็เป็นแค่เด็กมอปลายธรรมดาคนหนึ่งก็เท่านั้น  ที่จู่ ๆ ลุกขึ้นมาเคลียร์กับความรู้สึกของตัวเอง
          ตอนที่โผไปกอดคอน้องชายคนสนิทอย่างจงอินหลังจากยิงประตูลูกสุดท้ายก่อนจะเอาชนะทีมตรงข้ามไปอย่างฉิวเฉียด 8-7

          “เฮียลู่  แม่งเลวว่ะ  อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน”

“นั่นปากเรอะไอ้กัมจง”

ใช่ว่าไม่รู้ว่าจงอินต้องการสื่ออะไร  เพราะจากกลางสนามฟุตซอลมุมที่ลู่หานต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าตาห้องสมุดแทบจะทุกครั้งที่ละสายตาจากลูกกลม  จะเจอใครบางคนที่ตัวบางและขาวจัดที่นั่งฟุบกับริมหน้าต่างมองมาเสมอ  จากเห็นบ่อย ๆ จนเป็นความเคยชินเคยชินที่จะเห็นอีกฝ่ายในสายตา  พอ ๆ กับเคยชินที่เดินออกจากสนามมาทีไรจะเจอกับเพื่อนสนิทร่างโย่งกัปตันทีมบาสที่มาคอยกลับบ้านอยู่เสมอ

“เลือกสักคนเถอะเฮีย  ไม่งั้นก็อย่าอ่อยไอ้ฮุนเพื่อนผมเลย  แค่นี้มันก็หลงเฮียจนกู่ไม่กลับละ”

ความร้อนวาบเกิดที่สองข้างแก้มของลู่หาน   เพราะสายตาของเซฮุนเพื่อนสนิทจงอินที่พูดถึงมันบอกความรู้สึกออกมาทุกครั้ง ๆ ที่พวกเค้าเดินสวนกันระหว่างทางกลับบ้าน


แต่วันนี้เสี้ยววินาทีที่เดินผ่าน  แววตาหม่นหมองและรอยยิ้มที่หายไปจากริมฝีปากบาง  มันทำให้ลู่หานใจหาย  ยิ่งอีกฝ่ายเห็นอู๋อี้ฟานช่วยถือกระเป๋าให้เขา

แล้วความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับเพื่อนสนิทอย่างอู๋อี้ฟานก็ทำให้ลู่หานต้องคิดหนักเพราะยอมรับว่าเคยชิน..เคยชินที่รับและให้กับร่างสูง  จนไม่รู้ว่าพวกเค้าทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนสนิทหรือมากกว่านั้น

“ฉัน...”

“เอางี้ดิเฮีย  ลองจูบกับใครสักคนดูว่าเราใจเต้นกับใครมากที่สุด  เพราะคนเราจะรู้สึกดีที่สุดและหัวใจเต้นแรงกับคนที่เรารู้สึกชอบ”


หลังจากเจ้าตัวดำมันทิ้งระเบิดไว้ก็วิ่งลิ่วๆ ออกจากสนามไปทันทีไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าจุดหมายของจงอินอยู่ที่ใด
และนั่นคือแรงผลักดันที่ทำให้ลู่หานมาตีหน้ามึนมาพูดอะไรแมน ๆ กับเพื่อนสนิทอย่างอู๋อี้ฟานอยู่นี่ไง
ให้ตายสิ...กระดากก็กระดาก


“เมาแดดเหรอ ลู่หาน”


คนชวนส่ายหน้าไปมาก่อนจะช้อนตาขึ้นมองร่างสูง


“ไม่ใช่  ฉันแค่อยากเคลียร์ความรู้สึกของตัวเองว่าเราแค่สนิทมาตั้งแต่เกิดหรือมันมากกว่าเพื่อนไปแล้วสำหรับพวกเรา”

 “ถามได้ไหมว่าทำไมต้องจูบ”

“เพราะถ้าฉันใจเต้นกับนายมากกว่าการยิงประตูทีมฝ่ายตรงข้ามได้  ฉันอาจจะรักนายเหมือนที่นายรักฉันก็ได้อู๋อี้ฟาน”

ระยะห่างของพวกเขาทั้งคู่แทบจะไม่มีเมื่อร่างสูงก้มลงมาพร้อมกับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนของอี้ฟานจะแนบสนิทลงมา


ริมฝีปากเล็กของลู่หานค่อย ๆ เปิดออกให้อีกฝ่ายได้ไล่ชิม พร้อมกับลิ้นเรียวเล็กตวัดโต้ตอบอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้
ตอนนี้อู๋อี้ฟานและลู่หานต่างยืนยิ้มให้กัน  หลังจากที่พวกเขาเพิ่งผละออกจากกันเพราะต่างคนต่างรู้คำตอบอยู่แล้วว่าตนเองต่างรู้สึกยังไง

“เฉย ๆ /เฉย ๆนะ”

ต่างคนต่างพูดพร้อมกัน


ตุบ!!!

เสียงถุงบางอย่างตกเรียกความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมอง

“เซฮุน” ลู่หานเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาเพราะตอนนี้เจ้าของชื่อและเจ้าของถุงชาไข่มุกได้กลับหลังหันและวิ่งหนีไปอีกแล้ว

“ตามไปสิ  ชอบน้องอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“ไปนะ  ฝากบอกแม่ด้วยวันนี้กลับดึก”

อี้ฟานได้ยิ้มพร้อมโบกมือให้เพื่อนสนิทที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังเจ้าของหัวใจไปแล้ว

“เจ็บจัง...อกหักจากรักครั้งแรก”

ใช่...ร่างสูงใจเต้นจนจะกระดอนออกมาเมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากนิ่มที่ตนเองใฝ่ฝันมาตลอด  แต่จะมีโประโยชน์อะไรหากรั้งไว้ได้แต่ตัว  แต่หัวใจอีกฝ่ายอยู่กับอีกคน







หายไปไหน?


            ทั้งที่ช่วงขาก็ไม่ได้ยาวกว่ากันมากมาย  แต่โอเซฮุนหายไปไหนทั้งที่เขารีบวิ่งตามอีกฝ่ายมา  ลู่หานกวาดสายตามองไปทั่วสวนสาธารณะที่เห็นหลังไวๆ ของคนที่สูงกว่านิดหน่อยเดินเลี้ยวเข้ามา   ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้วขายาว ๆ ของลู่หานก้าวไปที่ชิงช้า  ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนเป้เอ็มซีเอ็มออกจากหลังไว้ที่พื้น ๆ ข้างชิงช้าก่อนจะเริ่มไกวไปมา



            ดวงตากลมโตมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่  แววตาที่สะท้อนความเสียใจของเซฮุนมันยังติดตาของเขาอยู่   แต่ตอนนี้จะไปตามหาอีกคนที่ไหนก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน   นอกจากชื่อกับชั้นเรียนแล้วลู่หานเพิ่งรู้ตัวว่า...ตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวโอเซฮุนเลยสักนิด  แค่รู้ว่าอีกคนชอบกินชาไข่มุกมากที่สุดโดยเฉพาะรสเผือกและชอบกินข้าวหมูทอดเป็นอาหารกลางวัน   แล้วชอบนั่งที่หน้าต่างของห้องสมุดทุกวันเท่านั้นเอง


            “นายช้าไปแล้วลู่หาน” ร่างโปร่งได้แต่บ่นกับตัวเอง  ตอนนี้น้ำตาแทบจะไหลอยู่แล้วเลยได้เสมองลงพื้นดินทรายของสนามเด็กเล่นแทน  ถึงไม่มีใครอยู่ลู่หานก็ไม่อยากให้น้ำตาตัวเองไหลอยู่  เพียงแค่เขาไม่คาดคิดว่าวันที่ตัดสินใจเคลียร์ความรู้สึกตัวเองกับเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างอี้ฟานจะมีเซฮุนมาเห็นฉากจูบ...แถมยังจูบแบบเพื่อนซะด้วย


            “ทำไมยังไม่กลับบ้าน” เสียงเรียบๆ ของคนมาใหม่ที่นั่งลงข้าง ๆของชิงช้าอันถัดไปทำให้ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ

            “...” น้ำตาที่ตอนแรกมันคลออยู่ในดวงตากลมจู่ ๆ ก็ไหลลงมาจนเจ้าตัวต้องรีบใช้หลังมือปาดออก

            “กินด้วยกันไหม”

            เซฮุนยื่นกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงให้ร่างโปร่งที่ยังมองกลับมาด้วยแววตาที่สับสน  ก่อนที่มือบางแม้บรรยากาศในสวนจะเริ่มมืดลงแต่เขาก็ยังเห็นมือของลู่หานสั่นเล็กน้อยตอนเอื้อมมือมารับกระป๋องน้ำอัดลมไป

            ต่างคนต่างยกกระป๋องน้ำอัดลมดื่มอย่างเงียบ ๆ จนตอนนี้ไฟในสวนตามทางเดินเริ่มเปิดกันหมดแล้วหลังจากที่พระอาทิตย์ลับของฟ้า  เซฮุนกำกระป๋องที่ดื่มหมดแล้วไว้แน่นก่อนจะแอบชำเลืองมองลู่หานที่ยังนั่งก้มหน้านิ่งทั้งที่ใบหน้าเนียนนั้นแดงระเรื่อ   มันทำให้เขากล้าที่เปิดปากสนทนาก่อน

            “วันนี้ผมตั้งใจรวบรวมความกล้ามาหาพี่...” เซฮุนหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ

            “กะว่าจะมาบอกชอบพี่  แค่ผมคงมาช้าเพราะพี่กับพี่อี้ฟานคง...”

            ลู่หานไม่รอให้เซฮุนพูดจบก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

            “ฉันกับอี้ฟานเราเป็นแค่เพื่อนกัน  ที่นายเห็นฉันแค่ลองจูบกับหมอนั่นดูเฉย ๆ แค่อยากรู้ว่าจูบกันแล้วฉันจะใจเต้นเหมือนทำประตูได้ไหม” พูดเองก็อายเอง  ลู่หานเลยลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋ากะว่าจะเดินกลับบ้านแล้วเพราะดวงตาแพรวระยับของเพื่อนสนิทรุ่นน้องอย่างคิมจงอินมันทำให้เขาเขินจนแทบไปไม่เป็นไป

            “แล้วถ้าเป็นผมขอพี่จูบบ้าง  พี่จะว่าไงครับพี่ลู่หาน”  ลู่หานหันหลังกลับไปก็ชนเข้ากับแผ่นอกของเซฮุนที่ไม่รู้ว่าก้าวมายืนประชิดตั้งแต่ตอนไหน

            “ผมชอบพี่  ชอบมากจริง ๆ พี่ลู่หาน” ริมฝีปากบางสีสดของเซฮุนที่แทบจะแนบชิดกับริมฝีปากของลู่หานเอ่ยขึ้นก่อนที่คนสูงกว่านิดหน่อยจะกดจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากของกัปตันทีมฟุตซอล  แล้วผละออกมาส่งยิ้มหวานให้

            มันก็แค่จูบอนุบาลที่เหมือนจุ๊บเฉย ๆไม่ใช่จูบแบบลึกซึ้ง  แต่สัมผัสที่แผ่วเบากลับหนักแน่นไปด้วยอณูของความรู้สึกหอมหวาน


            ...ตึก...ตัก...ตึก...ตัก

            เสียงหัวใจของคนสองคนที่ยืนแนบชิดกันที่ดูเหมือนตอนนี้หัวใจทั้งสองดวงต่างเต้นแรงและเป็นจังหวะเดียวกัน  เซฮุนยกมือขึ้นลูบแก้มใสของลู่หานก่อนจะเอ่ยปากถาม

            “แล้วพี่ล่ะครับ  ชอบผมไหมพี่ลู่หาน”

            ลู่หานตวัดสายตาค้อนพร้อมปัดมือคนสูงกว่านิด ๆ ก่อนแล้วหมุนตัวเดินออกไปสักพักก็หยุด

            “ไอ้บ้า  ถ้าไม่ชอบพ่อต่อยสวนไปแล้ว  ฉันจะกลับมาตามมาส่งเดี๋ยวนี้เลยนะโอเซฮุน!!!” พูดจบลู่หานก็ยกมือปิดแก้มตัวเองทั้งสองข้างด้วยความเขิน  แล้วใบหน้าคมหวานก็งอเล็กน้อยเมื่อร่างสูงที่เดินตามมาทันเอื้อมมือมาคว้ามือเขาไปสอดประสานพร้อมแกว่งไปมาในจังหวะที่ก้าวเดินไปพร้อม ๆ กัน  โดยที่อีกฝ่ายไม่ยอมหันมาสบตบ  สิ่งที่ทำให้ลู่หานรู้ว่าอีกฝ่ายเขินไม่แพ้กันก็อาการเกาแก้มแล้วยิ้มอาย ๆ อย่างน้อยเวลาห้านาทีที่ลู่หานตัดสินใจวิ่งตามโอเซฮุนมาก็ไม่เสียเปล่า

            “เป็นแฟนกันนะ” คนถามก็หันไปมองถนนอีกฟากฝั่ง

            “อือ” คนตอบก็ตอบสั้นพร้อมบีบมือบางที่มันใหญ่กว่าตัวเองไป






 end


OS:เพียง 5 นาที [KrisLu]

OS:เพียง 5 นาที
Pairing :   KrisLu
By  winata
Note: มาแบบสั้น ๆ แฮ่ๆ


ถ้าคุณมีเวลาเพียงห้านาทีที่ได้เดินอยู่เคียงข้างใครบางคนที่คุณคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับคุณ

แต่....

แน่นอนมันเจ็บปวดจนผมไม่อยากจะแชร์เพราะโลกนี้มีคำว่า “แต่”

เพราะใครคนนั้นกลับมองผ่านเลยคุณไปยังใครอีกคน  ที่คุณเห็นฝ่ายนั้นอยู่ห่าง ๆ ทั้งที่คุณอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมาก็สัมผัสได้  แต่สำหรับคุณใครคนนั้นมองมาเพียงแค่ “เพื่อนสนิท”


เส้นความสัมพันธ์ที่ตัวผมยังไม่กล้าพอ...กล้าที่จะก้าวข้าม


ความรู้สึกก้ำกึ่ง...น่าแปลกคนที่ถูกโหวตให้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดของโรงเรียนมัธยมปลายเอสเอ็มแถมพ่วงด้วยตำแหน่งกัปตันทีมบาสอย่างอู้อี๋ฟานจะเป็น-__-;;


มือหนากระชับเป้สะพายสีดำสนิทของตัวเองกระชับแน่นขึ้น  เมื่อเดินมาถึงริมขอบสนามฟุตซอลทันในช่วงเวลาที่ร่างโปร่งบางของลู่หานกระโดดขี่หลังรุ่นน้องผิวสีแทนอย่างคิมจงอินพอดี

ก่อนที่เท้าแกร่งจะก้าวขึ้นไปนั่งบนแสตนด์เชียร์ข้างสนาม     พร้อมกับวางขวดน้ำเย็นจัดที่แวะซื้อมาจาก
มินิมาร์ทของโรงเรียนมาให้กับร่างโปร่งบาง

             แม้จะไม่หันไปมองทางหอสมุดของโรงเรียน  แต่อู๋อี้ฟานก็รู้ว่ายังมีใครอีกคนแม้จะไม่ประกาศตัวเป็นคู่แข่งอย่างชัดเจน  ก็ยังคงนั่งมองจากริมหน้าต่างหมวดหนังสือคณิตศาสตร์โอลิมปิกมายังสนามฟุตซอลอย่างเป็นนิจ

             ส่งยิ้มกลับให้ลู่หานที่โบกไม้โบกมือมาให้ก่อนจะพยักหน้ารับการโค้งศีรษะจากรุ่นน้องอย่างคิมจงอิน

             จู่ๆ คำพูดของจื่อเทา  รุ่นน้องคนสนิทในทีมบาสก็แวบขึ้นมาในหัว

             “เฮียผมถามจริง ๆ อึดอัดมากมั้ย กับการรักใครสักคนแล้วมันบอกออกไปไม่ได้”

             จำได้ว่าตอบก่อนจะชู้ตสามแต้มลงห่วงลงไปอย่างสวยงาม

             “จะทำยังไงได้  ถ้าบอกไปแล้วเสี่ยวลู่เปลี่ยนไป  บอกตรงๆ ฉันไม่พร้อมจะรับกับการเปลี่ยนแปลง”

             “แต่ว่า....”

             ร่างสูงหันมาสบตาคนที่มีขอบตาคล้ำเหมือนแพนด้าเหตุเพราะเจ้าตัวชอบเล่นเกมออนไลน์จนดึกดื่น

             “ไม่มีใครจะกล้าเหมือนนายนะจื่อเทา  ที่จะกล้าเดินไปบอกแบคฮยอนว่าชอบทั้งรู้ว่าเจ้านั่นหลงรัก
ปาร์คชานยอลอยู่”



             บางทีการอยู่กับที่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็ยืดเวลาให้ได้เตรียมใจก่อนรับความเปลี่ยนแปลงได้




             เหมือนกับทุกวันที่ร่างสูงแวะมารับเพื่อนสนิทกัปตันทีมฟุตซอลกลับบ้านด้วยกัน   เพราะพวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้  และบ้านพวกเขาอยู่ตรงข้ามกัน  แถมยังอยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงแค่เดินห้านาทีเท่านั้น


             “เอาคืนมาเลย  ถือเองได้” ร่างโปร่งบางบอกก่อนจะเตะขาอี้ฟานเบา ๆ พร้อมกับสะพายเป้เอ็มซีเอ็มของตัวขึ้นหลัง


             “แค่ช่วยเท่านั้นเอง ไหนนายจะถือขวดน้ำ ไหนจะเช็ด อย่างกับนายจะสิบมืออย่างทศกัณฑ์”


             “ขี้บ่นจังงงงงงงงงงง...อู๋อี้ฟาน” หลังพูดจบร่างโปร่งชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเดินสวนกับใครบางคนที่เดินออกมาจากอาคารหอสมุด


             แค่เสี้ยววินาทีที่ร่างสูงเห็นสีหน้าระเรื่อของเพื่อนสนิทอย่างลู่หาน


             ไม่ใช่ครั้งแรก...ที่เห็น


             บางทีร่างสูงก็ภาวนาขอให้ในเวลาห้านาทีที่ตัวเขาและร่างโปร่งต้องเดินกลับบ้าน  อย่าได้เดินสวนกับใครคนนั้นเลย
แต่....
แน่นอนมันเจ็บปวดจนไม่อยากจะแชร์เพราะโลกนี้มีคำว่า “แต่”
คำสวดภาวนาของอู๋อี้ฟานไม่เคยเป็นจริงสักครั้ง

พวกเขาเดินเงียบ ๆ มาด้วยกันเพราะวันนี้ร่างโปร่งบางที่เดินเคียงข้างคิ้วขมวดเป็นปมเหมือนมีเรื่องต้องขบคิด


“มีอะไร” ร่างสูงที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหันมามองตัวต้นเหตุที่ดึงเสื้อใส่ซ้อมบาสเอาไว้

“อี้ฟาน เรามาจูบกันไหม”

ร่างสูงเลิกคิ้วที่สวยได้รูปขึ้นอย่างแปลกใจก่อนจะหันมากอดอกพิงประตูบ้าน

“เมาแดดเหรอ ลู่หาน”

คนชวนส่ายหน้าไปมาก่อนจะช้อนตาขึ้นมองร่างสูง



“ไม่ใช่  ฉันแค่อยากเคลียร์ความรู้สึกของตัวเองว่าเราแค่สนิทมาตั้งแต่เกิดหรือมันมากกว่าเพื่อนไปแล้วสำหรับพวกเรา”


อึ้ง.....

ไม่คาดคิดว่าคนอย่างลู่หานที่มีนิสัยแมนเกินผู้ชายปกติ และเกรียนขั้นเทพไม่เข้ากับใบหน้าคมหวานและดวงตากลม ๆ เหมือนตากวางจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก


“ถามได้ไหมว่าทำไมต้องจูบ”


“เพราะถ้าฉันใจเต้นกับนายมากกว่าการยิงประตูทีมฝ่ายตรงข้ามได้  ฉันอาจจะรักนายเหมือนที่นายรักฉันก็ได้อู๋อี้ฟาน”



end

อ่านต่อใน  ทดเวลาบาดเจ็บ