SF:ทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที
Pairing
: Hunhan ft. kai & kris
By
winata
Note: มาแบบสั้น ๆ แฮ่ๆ
ลู่หานก็เป็นแค่เด็กมอปลายธรรมดาคนหนึ่งก็เท่านั้น ที่จู่ ๆ
ลุกขึ้นมาเคลียร์กับความรู้สึกของตัวเอง
ตอนที่โผไปกอดคอน้องชายคนสนิทอย่างจงอินหลังจากยิงประตูลูกสุดท้ายก่อนจะเอาชนะทีมตรงข้ามไปอย่างฉิวเฉียด
8-7
“เฮียลู่ แม่งเลวว่ะ
อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน”
“นั่นปากเรอะไอ้กัมจง”
ใช่ว่าไม่รู้ว่าจงอินต้องการสื่ออะไร เพราะจากกลางสนามฟุตซอลมุมที่ลู่หานต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าตาห้องสมุดแทบจะทุกครั้งที่ละสายตาจากลูกกลม จะเจอใครบางคนที่ตัวบางและขาวจัดที่นั่งฟุบกับริมหน้าต่างมองมาเสมอ จากเห็นบ่อย ๆ จนเป็นความเคยชิน…เคยชินที่จะเห็นอีกฝ่ายในสายตา พอ ๆ
กับเคยชินที่เดินออกจากสนามมาทีไรจะเจอกับเพื่อนสนิทร่างโย่งกัปตันทีมบาสที่มาคอยกลับบ้านอยู่เสมอ
“เลือกสักคนเถอะเฮีย ไม่งั้นก็อย่าอ่อยไอ้ฮุนเพื่อนผมเลย แค่นี้มันก็หลงเฮียจนกู่ไม่กลับละ”
ความร้อนวาบเกิดที่สองข้างแก้มของลู่หาน เพราะสายตาของเซฮุนเพื่อนสนิทจงอินที่พูดถึงมันบอกความรู้สึกออกมาทุกครั้ง
ๆ ที่พวกเค้าเดินสวนกันระหว่างทางกลับบ้าน
แต่วันนี้เสี้ยววินาทีที่เดินผ่าน
แววตาหม่นหมองและรอยยิ้มที่หายไปจากริมฝีปากบาง มันทำให้ลู่หานใจหาย ยิ่งอีกฝ่ายเห็นอู๋อี้ฟานช่วยถือกระเป๋าให้เขา
แล้วความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับเพื่อนสนิทอย่างอู๋อี้ฟานก็ทำให้ลู่หานต้องคิดหนักเพราะยอมรับว่าเคยชิน..เคยชินที่รับและให้กับร่างสูง
จนไม่รู้ว่าพวกเค้าทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนสนิทหรือมากกว่านั้น
“ฉัน...”
“เอางี้ดิเฮีย
ลองจูบกับใครสักคนดูว่าเราใจเต้นกับใครมากที่สุด เพราะคนเราจะรู้สึกดีที่สุดและหัวใจเต้นแรงกับคนที่เรารู้สึกชอบ”
หลังจากเจ้าตัวดำมันทิ้งระเบิดไว้ก็วิ่งลิ่วๆ
ออกจากสนามไปทันทีไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าจุดหมายของจงอินอยู่ที่ใด
และนั่นคือแรงผลักดันที่ทำให้ลู่หานมาตีหน้ามึนมาพูดอะไรแมน
ๆ กับเพื่อนสนิทอย่างอู๋อี้ฟานอยู่นี่ไง
ให้ตายสิ...กระดากก็กระดาก
“เมาแดดเหรอ ลู่หาน”
คนชวนส่ายหน้าไปมาก่อนจะช้อนตาขึ้นมองร่างสูง
“ไม่ใช่
ฉันแค่อยากเคลียร์ความรู้สึกของตัวเองว่าเราแค่สนิทมาตั้งแต่เกิดหรือมันมากกว่าเพื่อนไปแล้วสำหรับพวกเรา”
“ถามได้ไหมว่าทำไมต้องจูบ”
“เพราะถ้าฉันใจเต้นกับนายมากกว่าการยิงประตูทีมฝ่ายตรงข้ามได้
ฉันอาจจะรักนายเหมือนที่นายรักฉันก็ได้อู๋อี้ฟาน”
ระยะห่างของพวกเขาทั้งคู่แทบจะไม่มีเมื่อร่างสูงก้มลงมาพร้อมกับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนของอี้ฟานจะแนบสนิทลงมา
ริมฝีปากเล็กของลู่หานค่อย ๆ เปิดออกให้อีกฝ่ายได้ไล่ชิม
พร้อมกับลิ้นเรียวเล็กตวัดโต้ตอบอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้
ตอนนี้อู๋อี้ฟานและลู่หานต่างยืนยิ้มให้กัน
หลังจากที่พวกเขาเพิ่งผละออกจากกันเพราะต่างคนต่างรู้คำตอบอยู่แล้วว่าตนเองต่างรู้สึกยังไง
“เฉย ๆ /เฉย ๆนะ”
ต่างคนต่างพูดพร้อมกัน
ตุบ!!!
เสียงถุงบางอย่างตกเรียกความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมอง
“เซฮุน”
ลู่หานเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาเพราะตอนนี้เจ้าของชื่อและเจ้าของถุงชาไข่มุกได้กลับหลังหันและวิ่งหนีไปอีกแล้ว
“ตามไปสิ
ชอบน้องอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ไปนะ
ฝากบอกแม่ด้วยวันนี้กลับดึก”
อี้ฟานได้ยิ้มพร้อมโบกมือให้เพื่อนสนิทที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังเจ้าของหัวใจไปแล้ว
“เจ็บจัง...อกหักจากรักครั้งแรก”
ใช่...ร่างสูงใจเต้นจนจะกระดอนออกมาเมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากนิ่มที่ตนเองใฝ่ฝันมาตลอด แต่จะมีโประโยชน์อะไรหากรั้งไว้ได้แต่ตัว แต่หัวใจอีกฝ่ายอยู่กับอีกคน
หายไปไหน?
ทั้งที่ช่วงขาก็ไม่ได้ยาวกว่ากันมากมาย แต่โอเซฮุนหายไปไหนทั้งที่เขารีบวิ่งตามอีกฝ่ายมา
ลู่หานกวาดสายตามองไปทั่วสวนสาธารณะที่เห็นหลังไวๆ
ของคนที่สูงกว่านิดหน่อยเดินเลี้ยวเข้ามา ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้วขายาว
ๆ ของลู่หานก้าวไปที่ชิงช้า
ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนเป้เอ็มซีเอ็มออกจากหลังไว้ที่พื้น ๆ
ข้างชิงช้าก่อนจะเริ่มไกวไปมา
ดวงตากลมโตมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตาที่สะท้อนความเสียใจของเซฮุนมันยังติดตาของเขาอยู่
แต่ตอนนี้จะไปตามหาอีกคนที่ไหนก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน
นอกจากชื่อกับชั้นเรียนแล้วลู่หานเพิ่งรู้ตัวว่า...ตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวโอเซฮุนเลยสักนิด
แค่รู้ว่าอีกคนชอบกินชาไข่มุกมากที่สุดโดยเฉพาะรสเผือกและชอบกินข้าวหมูทอดเป็นอาหารกลางวัน
แล้วชอบนั่งที่หน้าต่างของห้องสมุดทุกวันเท่านั้นเอง
“นายช้าไปแล้วลู่หาน”
ร่างโปร่งได้แต่บ่นกับตัวเอง
ตอนนี้น้ำตาแทบจะไหลอยู่แล้วเลยได้เสมองลงพื้นดินทรายของสนามเด็กเล่นแทน
ถึงไม่มีใครอยู่ลู่หานก็ไม่อยากให้น้ำตาตัวเองไหลอยู่
เพียงแค่เขาไม่คาดคิดว่าวันที่ตัดสินใจเคลียร์ความรู้สึกตัวเองกับเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็ก
ๆ อย่างอี้ฟานจะมีเซฮุนมาเห็นฉากจูบ...แถมยังจูบแบบเพื่อนซะด้วย
“ทำไมยังไม่กลับบ้าน”
เสียงเรียบๆ ของคนมาใหม่ที่นั่งลงข้าง
ๆของชิงช้าอันถัดไปทำให้ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ
“...”
น้ำตาที่ตอนแรกมันคลออยู่ในดวงตากลมจู่ ๆ ก็ไหลลงมาจนเจ้าตัวต้องรีบใช้หลังมือปาดออก
“กินด้วยกันไหม”
เซฮุนยื่นกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงให้ร่างโปร่งที่ยังมองกลับมาด้วยแววตาที่สับสน
ก่อนที่มือบางแม้บรรยากาศในสวนจะเริ่มมืดลงแต่เขาก็ยังเห็นมือของลู่หานสั่นเล็กน้อยตอนเอื้อมมือมารับกระป๋องน้ำอัดลมไป
ต่างคนต่างยกกระป๋องน้ำอัดลมดื่มอย่างเงียบ ๆ
จนตอนนี้ไฟในสวนตามทางเดินเริ่มเปิดกันหมดแล้วหลังจากที่พระอาทิตย์ลับของฟ้า เซฮุนกำกระป๋องที่ดื่มหมดแล้วไว้แน่นก่อนจะแอบชำเลืองมองลู่หานที่ยังนั่งก้มหน้านิ่งทั้งที่ใบหน้าเนียนนั้นแดงระเรื่อ มันทำให้เขากล้าที่เปิดปากสนทนาก่อน
“วันนี้ผมตั้งใจรวบรวมความกล้ามาหาพี่...”
เซฮุนหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
“กะว่าจะมาบอกชอบพี่ แค่ผมคงมาช้าเพราะพี่กับพี่อี้ฟานคง...”
ลู่หานไม่รอให้เซฮุนพูดจบก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ฉันกับอี้ฟานเราเป็นแค่เพื่อนกัน ที่นายเห็นฉันแค่ลองจูบกับหมอนั่นดูเฉย ๆ
แค่อยากรู้ว่าจูบกันแล้วฉันจะใจเต้นเหมือนทำประตูได้ไหม” พูดเองก็อายเอง ลู่หานเลยลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋ากะว่าจะเดินกลับบ้านแล้วเพราะดวงตาแพรวระยับของเพื่อนสนิทรุ่นน้องอย่างคิมจงอินมันทำให้เขาเขินจนแทบไปไม่เป็นไป
“แล้วถ้าเป็นผมขอพี่จูบบ้าง พี่จะว่าไงครับพี่ลู่หาน”
ลู่หานหันหลังกลับไปก็ชนเข้ากับแผ่นอกของเซฮุนที่ไม่รู้ว่าก้าวมายืนประชิดตั้งแต่ตอนไหน
“ผมชอบพี่ ชอบมากจริง ๆ พี่ลู่หาน”
ริมฝีปากบางสีสดของเซฮุนที่แทบจะแนบชิดกับริมฝีปากของลู่หานเอ่ยขึ้นก่อนที่คนสูงกว่านิดหน่อยจะกดจูบเบา
ๆ ที่ริมฝีปากของกัปตันทีมฟุตซอล
แล้วผละออกมาส่งยิ้มหวานให้
มันก็แค่จูบอนุบาลที่เหมือนจุ๊บเฉย ๆไม่ใช่จูบแบบลึกซึ้ง แต่สัมผัสที่แผ่วเบากลับหนักแน่นไปด้วยอณูของความรู้สึกหอมหวาน
...ตึก...ตัก...ตึก...ตัก
เสียงหัวใจของคนสองคนที่ยืนแนบชิดกันที่ดูเหมือนตอนนี้หัวใจทั้งสองดวงต่างเต้นแรงและเป็นจังหวะเดียวกัน
เซฮุนยกมือขึ้นลูบแก้มใสของลู่หานก่อนจะเอ่ยปากถาม
“แล้วพี่ล่ะครับ ชอบผมไหมพี่ลู่หาน”
ลู่หานตวัดสายตาค้อนพร้อมปัดมือคนสูงกว่านิด
ๆ ก่อนแล้วหมุนตัวเดินออกไปสักพักก็หยุด
“ไอ้บ้า ถ้าไม่ชอบพ่อต่อยสวนไปแล้ว ฉันจะกลับมาตามมาส่งเดี๋ยวนี้เลยนะโอเซฮุน!!!”
พูดจบลู่หานก็ยกมือปิดแก้มตัวเองทั้งสองข้างด้วยความเขิน แล้วใบหน้าคมหวานก็งอเล็กน้อยเมื่อร่างสูงที่เดินตามมาทันเอื้อมมือมาคว้ามือเขาไปสอดประสานพร้อมแกว่งไปมาในจังหวะที่ก้าวเดินไปพร้อม
ๆ กัน โดยที่อีกฝ่ายไม่ยอมหันมาสบตบ สิ่งที่ทำให้ลู่หานรู้ว่าอีกฝ่ายเขินไม่แพ้กันก็อาการเกาแก้มแล้วยิ้มอาย
ๆ อย่างน้อยเวลาห้านาทีที่ลู่หานตัดสินใจวิ่งตามโอเซฮุนมาก็ไม่เสียเปล่า
“เป็นแฟนกันนะ”
คนถามก็หันไปมองถนนอีกฟากฝั่ง
“อือ”
คนตอบก็ตอบสั้นพร้อมบีบมือบางที่มันใหญ่กว่าตัวเองไป
end