วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[SF-EXO] Bcoz of u my Angel [Kaihun ft.Krisyeol]

[SF-EXO]  Bcoz of u  my Angel  [Kaihun]
By winata
Note: 1. เป็น SF เนื่องในวันเกิดของมักเน่
        2. โมเม้นท์ไคฮุนที่สนบ.อินชอนตอนกลับจากจีน  ที่ไคเรียกหาเซฮุนนา  อ้ายยยยยยความฟินบังเกิดเลย  มามะน้องฮุนมาเป็นสะใภ้คุณแม่เถอะ (คนโตน้องลู่  คนกลางน้องไค คนเล็กน้องแบค -><-)
        3.ใครอยากทักทายกันที่ทวิต @ZZzerozero  ส่วนทวิต @winata1987 มีไว้อัพเดทการลงฟิคเท่านั้นนะฮับบบบบบ





             ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกระชับหมวกไหมพรมสีดำที่ศีรษะตนเองให้แน่นขึ้น พร้อมพันกระชับผ้าพันคอสีขาว


             สีขาว..สีที่ใครอีกคนบอกว่าชอบนักหนา



             ก่อนจะหยิบแว่นตากันแดดสีดำขึ้นมาสวมปิดบังดวงตาคมที่มันแดงกร่ำที่บ่งบอกร่องรอยของความเสียใจได้เป็นอย่างดี  ใบหน้าคมเชิดขึ้นทันทีที่เท้าแกร่งก้าวออกมาจากประตูลิฟต์  มือเรียวซุกในเสื้อแจ็คเก็ตทีมแอลเอเลเกอร์ตัวโปรดทั้งที่เมื่อครู่ก่อนที่จะกดลิฟต์ขึ้นไปยังห้อง1412 ยังมีถุงมือหนังสีดำสนิทเข้าชุดกับหมวกอยู่เลย


             คิมจงอิน หรือ ไค ก้าวเท้าเร็วขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นช้าลงเรื่อย ๆ เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาโพล้เพล้คงไม่มีใครสักคนที่มาสนใจผู้ชายในชุดเสื้อยืดสีขาวสกรีนกราฟฟิคสีเหลืองที่มีเสื้อแจ็คเก็ตทีมบาสชื่อดังของอเมริกา  แล้วไหนจะแว่นตาดำและหมวกไหมพรมอีกคงไม่มีใครสังเกตว่าเมนแดนซ์นักร้องหนุ่มวงแพลนเน็ตจะออกมาเดินถนนเล่นทั้งที่ใกล้กำหนดเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ในอาทิตย์หน้า



             ทั้งที่อยากจะทำเซอร์ไพรให้กับแฟน เนื่องในวันเกิด
             แต่กลับที่เขาเสียเอง  ที่โดนอีกฝ่ายเซอร์ไพรไปเต็ม ๆ
             รู้ไหมตอนนี้...หัวใจของผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินมันเจ็บ!!!
             มันเจ็บเพราะการกระทำของโอเซฮุนมากจนพูดไม่ออก


             กว่าจะรู้ตัวอีกทีไคก็เดินมาถึงสวนสาธารณะข้างกับมหาวิทยาลัยโซล  สถานที่...แห่งความทรงจำเพราะมันคือสถานที่..ที่เขาใช้สารภาพรักกับโอเซฮุน



             เสียงเกากีตาร์แว่วมาแล้วไหนจะการทำจังหวะบีสบ็อกซ์  ไคจะไม่ใส่ใจเลยหากมันไม่ใช่เพลงธีมโปรโมทในอัลบั้มล่าสุดของตนเองและเพื่อนร่วมวง      อดใจไม่ไหวต้องเดินเข้าไปฟังใกล้เพราะสังเกตจากผู้คนที่ยืนร่ายล้อมอยู่เกือบสิบคนทั้งที่เป็นริมถนนข้างสวนสาธารณะแสดงว่าการโชว์ของเด็กไฮสกูลกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา  แม้ทำนองจะผิดเพี้ยนไป



잠시 꿈일까봐 감았다 보니

ชัมชี กูมิลกาบวา ฮัน พอน ทอ นุน คามัดตา ตอ โพนี

ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงฝัน จึงลองหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


역시 너무 간절했던 앞에 기도하듯 있어

ยอกชี นอมู คันจอลแฮดตอน เน อาเพ คีโดฮาดึด ซอ อิดซอ

ฉันยืนอยู่ตรงหน้าเธอราวกับที่ฉันเคยอธิษฐานไว้


번만 옆에서
ทัน ฮัน พอนมัน เน ยอเพซอ
ขอเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันได้อยู่ข้างๆ เธอ


             นั่นสินะ...อย่างที่เพลงบอกไว้



             มันเหมือนว่าเขาอยู่ในความฝันในช่วงเวลาที่คบกับโอเซฮุน  นายแบบหนุ่มไฮโซดาวรุ่งลูกชายผู้ว่าการของกรุงโซลที่กำลังดังเปรี้ยงปร้างของวงการบันเทิงเกาหลีแค่เกือบสองปีกว่าที่เดบิวต์เข้าวงการมาก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ มากกว่า20ชนิด


             ทั้งที่รู้กิตติศัพท์ในการเปลี่ยนคู่ควงหรือแฟนบ่อยๆ ของนายแบบคนดัง  ตามสื่อโซเชียลและหน้าหนังสือพิมพ์แต่เมื่อมีโอกาสได้ร่วมงานกันเมื่อแปดเดือนก่อน  ไคไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านหลุดมือไปง่าย ๆ เขาเลือกที่จะสานสัมพันธ์กับเซฮุนเพียงเพราะรอยยิ้มที่เหมือนกับโลกทั้งสว่างไสวนั้นแม้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม!!!


             โดยไม่สนใจฟังคำเตือนของคริสหัวหน้าวงของตนเอง  หรือเพื่อนร่วมวงคนอื่นของแพลนเน็ตอย่างแบคฮยอน


             “จงอินย่าห์  เชื่อฮยองนะ  อย่ายุ่งกับเซฮุนเลย  คนนั้นเค้าเปลี่ยนแฟนบ่อยยิ่งกว่าซื้อเสื้อผ้าอีกนะ” คริสที่เอ่ยปากเตือนคนแรก


             “ถ้าอยากเล่นกับไฟ  แล้วถ้าโดนไฟครอกกลับมาดำกว่าเดิมแล้วจะสมน้ำหน้าให้” แบคฮยอนบอกด้วยอาการงอน ๆ


             วันนี้นอกจากจะเป็นวันเกิดเซฮุนแล้วยังเป็นวันครบรอบแปดเดือนของพวกทั้งคู่ 


             จงอินควรจะดีใจใช่ไหม?  ที่ตนเองเป็นผู้ชายที่ที่คบกับเซฮุนได้นานที่สุด  คิดแล้วขำในความโง่ของตัวเอง  โง่ที่หลงรักโอเซฮุนจนยอมปิดตาปิดใจไม่รับรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่คบกันมาอีกฝ่ายคงมีใครต่อใครไม่ขาดสาย



             แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเขาเอง  เพราะโอเซฮุนก็เคยบอกไว้ตั้งแต่วันที่ขออีกฝ่ายคบแล้ว


             “ฉันไม่ชอบผูกมัดกับใคร  ถึงฉันจะเป็นแฟนกับนาย  แต่นั่นไม่ได้หมายความฉันไม่สิทธิ์ที่ให้โอกาสกับใครที่อาจจะมีดีกว่านายเข้ามารู้จักฉัน  ถ้านายคิดว่าทนไหว...ฉันก็ตกลงจะคบกับนาย”


             พูดง่าย...คือการคบแบบเผื่อเลือกนั่นเอง


             แล้วใครจะโง่เท่ากับคิมจงอินที่ยอมอีกฝ่ายทุกอย่าง  ขอแค่อย่างเดียวโอเซฮุนต้องไม่พาใครหรือให้ใครมาที่ห้องของพวกเขา...ห้องของเราสองคน


             แต่นั่นมันไม่ใช่.....



             แม้จะจับไม่ได้คาหนังคาเขา   แต่ตลอดระยะเวลาแปดเดือนเขารับรู้ถึงร่องรอยของคนอื่นอยู่ในห้องของเราเสมอ  จนมาถึงวันนี้ที่ตัวเขาเองเห็นทุกอย่างกับตาของตัวเอง


             มันคงหมดเวลาที่จะหลอกตัวเองแล้ว...คิมจงอินคนโง่



             ภาพของคนสองคนที่กำลังนัวเนียบนโซฟายาวสีน้ำตาลเข้มกลางห้องรับแขก  โอเซฮุนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนอนตัวอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มร่างสูงผมหยักศกที่ท่อนเปลือยเปล่า พร้อมกับกางเกงยีนส์แบรนด์ดังที่หลุดไปกองที่สะโพกจนเห็นขอบบ็อกเซอร์  ข้าวของเกลื่อนกลาดไปทั่วบ่งบอกอารมณ์พิศวาสของทั้งคู่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น


             ริมฝีปากบางสีชมพูที่เคยได้ลิ้มลอง  เนื้อตัวขาวหอมกรุ่นเนียนนุ่มที่เคยได้สัมผัสกำลังถูกมือหยาบกร้านของใครไม่รู้กับสัมผัสอย่างจาบจ้วง...


             แม้เห็นแค่เสี้ย;หน้าของผู้ชายคนนั้น    เขาก็จำได้นายแบบชื่อดังอีกคนที่เคยถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชั่นกับโอเซฮุนไปเมื่อเดือนก่อน  และเพิ่งมีโฆษณาน้ำอัดลมด้วยกัน....ปาร์คชานยอล



             รักแท้มักแพ้ความใกล้ชิด....มันคงเป็นความจริงสินะ      




             ยอมรับว่าช่วงเดือนที่ผ่านมาตัวเขาเองมีเวลาให้ร่างบางน้อยเกินไปเพราะไหนจะโปรโมทอัลบั้มและเตรียมคอนเสิร์ตใหญ่  ตารางงานที่แน่นจนวันๆหนึ่งได้นอนไม่ถึงสามชั่วโมงและกว่าจะขอพี่ซูโฮผู้จัดการจอมโหดให้หาวันหยุดติดกันให้สองวันเพื่อหยุดฉลองอยู่กับเซฮุนก็เกือบตาย



             ตึ้ง!!!!!!



             “โอ้ย” เสียงใสๆ ของมือกีตาร์ทำให้ไคหลุดออกจากภวังค์ของตนเองและหันไปมองจุดเกิดเหตุที่ตอนนี้นักดนตรีสมัครเล่นทั้งสามคนกำลังมุงเพื่อนตัวบางอยู่


             “ฉันบอกนายแล้วไงเสี้ยวอี้  ถ้าไม่ไหวให้พอดูสีได้แผลเลย” เด็กชายร่างสูงที่ไคเห็นอีกฝ่ายเต้นบีบอยประกอบเพลงอยู่เมื่อกี้บอกเสียงเข้มพร้อมกุมมืออีกคนไว้


             “ดีโอ พี่ลู่ ใครมีทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าม่ะ ยืมมาซับเลือดเสี้ยวอี้ทีดิ  แม่ง..เลือดเวรนี่ก็ไหลไม่หยุด  พอเลยต่อไปไม่ต้องเล่นแล้วกีต่งกีตาร์  มือด้านยังไม่พอยังได้แผลอีก....”


             “ไม่พกมาว่ะ” เด็กชายคนที่ดวงตากลมโตและตัวเล็กที่สุดในกลุ่มตอบ


             “อ้าว ปกติแม่ง...ในกระเป๋ามีทุกอย่างไอ้โด้”


             “เฮ้ย  จื่อเทา  แกอย่าพาลใส่เพื่อนสิว่ะ ใจเย็นก่อน” เด็กร่างสูงโปร่งที่มีดวงตาคล้ายกว้างบอกด้วยอาการยิ้มราวกับเคยชินกับเพื่อนร่างสูงของตนเอง



             “ใช้ของพี่ก็ได้ครับ  พี่ยังไม่ได้ใช้และคงไม่มีความจำเป็นต้องใช้อีกแล้ว” จงอินที่เป็นผู้ชมและผู้ฟังเสียงเพลงจากนักดนตรีเด็กไฮสคูลกลุ่มนี้บอกพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้


             แม้จะมีหมวกไหมพรมสีเข้ม แว่นตากันแดดสีดำและผ้าผันคอที่ขาวที่พันจนจะปกปิดใบหน้าหล่อคมไว้ได้  แต่คุณจะเข้าใจไหมการที่เห็นคนที่เป็นไอดอลของตัวเอง



             คนที่พวกเขาชื่นชอบจนต้องมานั่งแกะท่าเต้น เนื้อเพลง คอร์ดกีต้าก่อนเวบไซต์ออฟฟิสเชียลลงข้อมูลจะรู้สึกอย่างไร

             “คะ....ไคฮยอง”

             “รับไปเถอะ ท่าทางสายกีต้าร์จะบาดลึก  รีบพาเพื่อนไปทำแผลเถอะ  ถึงจะแผลเล็กน้อยแต่ไม่ควรวางใจนะ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะจับผ้าเช็ดหน้าสีขาวใส่มือของเด็กหนุ่มที่ชื่อจื่อเทา  ก่อนจะหมุนตัวเดินไปอีกฟากของสวนสาธารณะ


             “ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบฮยอง   แล้วเจอกันที่คอน”



             คิมจงอินไม่ได้หันกลับไม่มอง...เข้าแค่รู้สึกโล่งขึ้นหลังจากได้ปล่อยสิ่งที่เขายึดติดว่าเป็นของตัวเองออกไป  เพราะคิดว่ามันถึงเวลา..เวลาที่เขาจะปล่อยมือจากโอเซฮุน  เหมือนที่ปล่อยผ้าเช็ดหน้าที่อีกฝ่ายตั้งใจทำให้ไป...





             ร่างผอมบางที่อยู่ในชุดเสื้อยืดเนื้อบางและสกินนี่สีน้ำตาลเข้ม  ที่รีบมาก....มากจนลืมหยิบเสื้อโค้ทตัวยาวออกมาจากห้องคว้าติดมือมาได้แต่เสื้อคลุมเนื้อไม่หนาทั้งที่วันนี้อุณหภูมิของโซลเย็บเกือบห้าองศา 



             วันนี้มันวันโลกาพินาศอะไรของโอเซฮุนเรื่องถึงได้วิ่งเข้ามาหาไม่หยุดหย่อนทั้งที่วันนี้อยากทำตัวเป็นแฟนที่ดี  ไปเซอร์ไพรคุณแฟนสุดที่รักยังห้องซ้อมของค่ายเพราะรู้ว่าวงแพลนเน็ตกำลังซ้อมเตรียมคอนเสิร์ตใหญ่แล้วกะออดอ้อนพี่ซูโฮปู่รหัสของตัวเองขอเวลาส่วนตัวให้คิมจงอินสักวันแล้วนี่อะไร  อาบน้ำแต่งตัวยังไม่ทันเสร็จก็เจอตัวปัญหาวิ่งโร่มาหาถึงหน้าห้อง



             จะใคร..ก็อดีตกิ๊กเก่าที่เคยคั่วๆ เรียกกระแสอยู่แวบๆ อย่างปาร์คชานยอล  ที่มาหาทั้งน้ำหูน้ำตาและที่สำคัญเจ้านั่นมันเมามาหาเขาด้วย  จะไล่กลับก็เกรงใจเพราะไหนจะเคยคบกันแวบเดียว  แล้วอีกอย่างพวกเค้าก็เคยเรียนด้วยกันสมัยประถมก่อนที่ชานยอลจะไปเรียนต่อที่แคนดามันทำให้เซฮุนไล่ไม่ลง



             “แก.....ดูสิ...ดูไหนแค่บอกแฟนเซอร์วิสนี่มันจะกินหูกับได้กันบนเวทีแล้ว”



             “ฉันแม่งไม่ดีตรงไหนว่ะ  สู้ไอ้หมากระเป๋านั่นไม่ได้ตรงไหน  ทำไมพี่คริสทำแบบนี้ว่ะแม่ง....” ชานยอลที่กำลังเพ้ออยู่พร้อมกับกดไอแพดให้เซฮุนดูรูป


             “เค้าอาจเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันก็ได้นะ คนวงเดียวกันมันก็ต้องมีรูปถ่ายรูปคู่เป็นธรรมดา” 
เซฮุนพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะรู้ว่าเพื่อนตัวเองอารมณ์ร้อน


             “ไหนเมื่อมันทำได้  ฉันก็ทำได้ว่ะ  เฮ้ยฮุนเรามาคบกันเถอะวะ  ช่วยฉันลืมไอ้พี่คริสที”



             ห๊ะ???


             ไอ้เพื่อนหูกางหัวฟูมันคิดอะไร???



             กว่าจะทันรู้ตัวเซฮุนก็โดนผลักลงบนโซฟาตัวยาวโดยมีชานยอลขึ้นคร่อม  ทั้งที่ปกติตัวเองชอบอ่อยเหยื่อกึ่งยั่วยวนชาวบ้านให้หลงกลเฮ้ยเสน่ห์แต่นั่นต้องเป็นกรณีที่คนอย่างโอเซฮุนเต็มใจ  ไม่ใช่ไม่สมยอมกึ่งหวุดจะโดนข่มขืนแบบนี้



             ในขณะที่กำลังปัดป้องชานยอลอยู่  และกำลังจะตัดสินใจว่าจะยุติการกระทำบ้าของเพื่อนยังไงก็เป็นอันต้องตกใจที่สัญญาณหน้าห้องดังขึ้นและจงอินโผล่เข้ามาเห็นสภาพบาดเสียวที่ชวนเข้าผิดสุดติ่งแบบนี้



             “อ่า...โทษทีนะ”


             เจ้าโง่นั่นมันพูดแค่นั้นก่อนจะปิดประตูห้องให้อย่างสุภาพโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเขาเลย  ทั้งที่เขากำลังจะถูกชานยอลข่มขืน!!!!



             แอบคิดว่าว่าคิมจงอินจะโมโหที่เห็นชายอื่นที่กำลังนัวเนียแฟนตัวเองอยู่  แล้วจะโมโหของขึ้นจะเข้ามากระชากตัวชานยอลออกจากตัวเค้าแล้วต่อยๆ ให้หน้าแหกหรือคว้าไม้เบสบอลที่วางข้างประตูมาเผ่นกะโหลก  แต่สิ่งที่ร่างสูงทำมันโคตรตรงกันข้าม



             ด้วยความโมโหเซฮุนรวบรวมแรงผลักชานยอลพร้อมกับยันเข้าที่หน้าท้องแกร่งจนอีกฝ่ายร่วงไปกองที่โซฟา  พร้อมกับคว้าหมอนอิงรวมถึงอะไรใกล้ ๆ มือขว้างใส่อย่างไม่ออมแรง


             แววตาของจงอินที่มองมามันทั้งเสียใจและตัดพ้อ  ถึงจะไม่เอ่ยปากออกมาก็เถอะมันทำให้เซฮุนเจ็บ



             “กลับไปเลยนะไอ้เพื่อนบ้า  คนรักกันมันต้องเชื่อใจกันโว้ยถ้าไม่หนักแน่นพอแม่งก็เลิกๆไปเลย  ถ้าเค้าไม่เห็นคุณค่าของเราจะฝืนต่อไปทำไม” ตอนนี้เซฮุนหมดอารมณ์จะปลอบแล้วแต่ถ้าเป็นซ้อมเพื่อนแทนนะยินดี


             “ฉันรักเค้า  เข้าใจไหม....ปาร์คชานยอลรักคริส  ฉันรักพี่คริส”


             คริส? 


             คริสไหน..คนอย่างโอเซฮุนไม่รู้จักและไม่สนใจทั้งนั้นว่ามันคือใครวินาทีนี้  เพราะปกติทุกอย่างล้วนโคจรรอบวงจรชีวิตของโอเซฮุน



             กวาดสายตามองหามือถือเพื่อนจนเห็นว่าอยู่ปลายโซฟาก็พุ่งไปหยิบก่อนจะกดเปิดเครื่อง  และเห็นข้อความมากมายและหลายมิสคอลที่ชานยอลไม่ได้รับ  เขาเลยได้แต่ตวัดสายตาค้อนเพื่อนก่อนจิ้มนิ้วกดโทรออกเบอร์โทรเข้าล่าสุด



             “นี่!!! ไม่รู้หรอกนะทะเลาะไรกันมาแต่ช่วยมารับมันกลับด้วย  แค่นี้มันก็สร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวคนอื่นจะตายอยู่แล้ว ที่....” พูดเสร็จก็วางสาย  ก่อนจะทั้งเตะทั้งถีบเพื่อนตัวสูงกว่าให้ออกไปจากห้องตัวเองแล้วคว้าของจำเป็นเพื่อตามใครสักคน..ที่เป็นเจ้าของหัวใจ



             สถานที่แรกที่เซฮุนคิดถึง  คือห้องซ้อมของค่าย..ที่ร่างบางแทบจะชนกับคริสหัวหน้าวงแพลนเน็ต..หัวหน้าวงของจงอินที่รีบออกออกไปสุดชีวิต



             “อ้าวไม่เจอกับไคเหรอ  หมอนั่นมันออกไปหานายได้สองชั่วโมงแล้วนะแถมยังลาหยุดอีกสองวันเพื่อฉลองกับนาย  กิ้วๆ” แบคฮยอนบอกกึ่งแซวไปในตัว  แต่เริ่มสงสัยในอาการแฟนมักเน่ของวง



             “เฮ้ย  ทะเลาะกันมาเหรอ”


             เซฮุนไม่ตอบอะไรนอกจากวิ่งออกห้องซ้อมไปทิ้งไว้แต่แบคฮยอนเฝ้าห้องซ้อมคนเดียว


             นายอยู่ไหน?


             วินาทีนี้เซฮุนไม่สนใจว่าใครจะมองเขายังไงเพราะตอนนี้ร่างบางไม่มีได้สวมอะไรปิดบังใบหน้าตนเองไว้เลยทั้งที่ต้องออกมาเจอกับผู้คนมากมายรวมถึงแฟนคลับ  เพราะตอนนี้คนที่สำคัญที่สุดคือคิมจงอินที่เขาต้องหาให้เจอ


             สถานที่..ที่พวกเขาทั้งคู่เคยไปด้วยกัน  เซฮุนวิ่งวุ่นไปมาเกือบทุกทีแต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของร่างสูงเลยสักนิด  ร่างบางปาดน้ำใสๆ ออกจากใบหน้าแม้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหนก็ไม่เท่ากับแววตาที่เจ็บปวดและตัดพ้อของจงอินที่มองมาเลยสักนิด



             “โอ้ย” เซฮุนอุทานออกมาเมื่อไม่ได้มองทางข้างหน้าจนเดินชนกับกลุ่มเด็กไฮสคูลกลุ่มหนึ่งที่ร้านหน้าสะดวกซื้อ

             “พี่ครับ  เจ็บมากไหม  พวกผมไม่ได้ตั้งใจ”

             “ซี้ด..ไม่เป็นไร” ยิ้มฝืนๆ ให้ก่อนจะก้มลงดูที่ฝ่ามือขวาของตัวเองที่ตอนนี้มีรอยทะลอกเล็กน้อย


             “พี่มีแผลด้วยอ่ะ  เอาผ้าเช็ดหน้านี้เช็ดคราบดินออกก่อนนะพี่  เดี๋ยวพวกผมกำลังจะเข้าไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลจะได้ทำแผลให้พี่ด้วย”

             กลุ่มเด็กพวกนี้พูดอะไรต่ออะไรมากมายก็ไม่เข้าหูของเซฮุน  เพียงเพราะผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่อีกฝ่ายยื่นให้มันไม่ใช่แค่ผ้าเช็ดหน้าธรรมดาแต่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่โอเซฮุนลงมือทำให้คิมจงอินเองกับมือ 




             ของขวัญชิ้นแรกของการคบกัน...
             ของขวัญที่โอเซฮุนตัดสินใจให้คิมจงอินด้วยหัวใจ  แบบที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนเพราะมีแต่คนที่เข้ามาเพราะรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงของวงตระกูล


             มือบางลูบตัวอักษรที่ปักเองกับมือด้วยไหมสีแดงว่า KAIHUN ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสั่น

             “พวกน้องได้ผ้าผืนนี้มาจากไหน?  เค้าอยู่ไหน?”


             “คะ..คือ  พวกผมเจอพี่เค้าที่สวนข้างมอโซล”


             ลู่หานที่เป็นคนตอบคำถามแทนเพื่อน ๆ ที่ยืนอึ้งอยู่....เพราะจู่ๆ วันนี้ก็ได้เจอคนดังสองคนในเวลาใกล้ๆ กัน


             “โอ้ยแม่ง  คนอะไรขนาดร้องไห้ยังน่ารักสุดๆ” จื่อเทาที่ยังทำท่าเคลิ้มอยู่พูดออกมา



             “นี่แน่ะ ถ้าเห็นคนอื่นดีกว่าฉันแล้วมาขอฉันเป็นแฟนทำไมไอ้ตาแพนด้า” อี้ชิ้งพูดอย่างโมโหพร้อมกระทืบเท้าของจื่อเทาและดึงกระเป๋ากีต้าร์ของตัวเองมาสะพายแล้วเดินจ้ำอ้าวหนีไปอีกทาง


             “โอ้ย  อี้ชิ้ง  รอฉันด้วย  นั่นมันไอดอลนะ  แต่นายนะแฟนฉัน  กลับมาก่อน”


             “ฮาๆ อ้าวไม่ขำเหรอ?” ลู่หานหันมามองเพื่อนตัวเล็กข้างตัว


             “ตลกตายละ  ไอ้คู่นั้นยิ่งงอนกันบ่อย  ปวดตับกลับไปทำการบ้านดีกว่า  วันนี้เรียนดิฟตัวแปรไม่ค่อยเข้าใจด้วย”


             “อ้าวห้องบีเพิ่งเรียนเหรอ  ฉันเรียนจบไปตั้งวีคก่อนมาม่ะน้องดีโอ  เดี๋ยวป๋าลู่จะสอนให้” ว่าแล้วก็คว้าคอคนตัวเล็กเข้ามากอดแล้วดึงให้เดินมาพร้อม ๆ กันซึ่งเป็นคนละทางกับจื่อเทาและอี้ชิ้ง


             “ไม่พูด  นี่ชักลามปามนะเสี่ยวลู่”


             “ง่า....แต่ยังไงฉันก็ลามปามกับนายคนเดียวนะ” แถมท้ายด้วยนิ้วเรียวที่จิ้มแก้มขาวของคนตากลมอย่างหมั่นเขี้ยว


             “รีบกลับเถอะ  ป่านนี้ออมม่าคอยกินข้าวแย่  นายไม่ไปบ้านหลายวันยังบ่นคิดถึงอยู่”


             “จริงเปล่า แบบนี้ล่ะเสี่ยวลู่คนน่ารักใครๆ ก็รักเหลือแต่คนแถวนี้ละ  รักกันแต่กั๊กไม่ชอบบอก”



             ดีโอหยุดเดินก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนที่สูงกว่าที่ยังกอดคอไว้อยู่ก่อนจะเอ่ยถาม  เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเค้าสองคนจะคบกันนานแค่ไหนหรือความเป็นเพื่อนที่เคยมีมาจะสิ้นสุดลงตอนไหนหากก้าวข้ามสัมพันธ์เกินเพื่อนร่วมกลุ่มไป



             “นายรักฉันจริงๆ เหรอ”


             “ใช่ฉันรักนาย  ฉันจะไม่ถามอีกว่านายรู้สึกแบบไหนกับฉันแต่ฉันจะแสดงให้เห็นว่าฉันจริงใจกับนายแค่ไหน” ลู่หานมองสบตากลม



             ก่อนที่บรรยากาศซึ้ง ๆ จะถูกขัดจังหวะด้วย



             โครกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


             “ฮาๆ /ฮาๆ”






             ร่างบางวิ่งเข้ามาในสวนสาธารณะเมื่อเวลาล่วงไปเกือบห้าทุ่มแล้ว  แม้ว่าสวนแห่งนี้จะประดับไฟสว่างไปหมดแต่ไม่สามารถช่วยให้เซฮุนมองหาจงอินเจอเลยสักที  ตอนนี้ทั้งปวดเนื้อปวดตัวเพราะวิ่งติดๆ กันมาหลายทีไหนจะมือที่เจ็บอีก



             ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งแล้วยกเข่าขึ้นกอดไว้แล้วก้มหน้าซบเพื่อให้น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดได้ซับ



             จะโทษใครที่ไหนได้ในเมื่อคนที่ผิดคือโอเซฮุนคนนี้  คนที่กล้าเปิดเกมบ้าๆ ขึ้นมาเอง


             ไม่รู้ผีบ้าซาตานที่ไหนเข้าสิงตอนนั้นถึงได้กล้าพูดกับคิมจงอินไปแบบนั้น



          “ฉันไม่ชอบผูกมัดกับใคร  ถึงฉันจะเป็นแฟนกับนาย  แต่นั่นไม่ได้หมายความฉันไม่สิทธิ์ที่ให้โอกาสกับใครที่อาจจะมีดีกว่านายเข้ามารู้จักฉัน  ถ้านายคิดว่าทนไหว...ฉันก็ตกลงจะคบกับนาย”



             แค่อยากให้จงอินห้ามเท่านั้นเอง...ถ้านายคบกับฉันห้ามนายมองคนไหน  



             แต่ร่างสูงไม่ปฏิเสธมีแค่ยิ้มรับแล้วจะให้เข้าใจว่ายังไงในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่คิดจะจริงจังกับเขาอยู่แล้ว  แบบนี้ไงถึงไม่อยากคบใครแบบจริงจัง



             ปกติตัวเซฮุนก็รู้ดีอยู่แล้วชื่อเสียงของตัวเอง มันชื่อเสียมากกว่าอะไรทั้งหมด ทั้งโลกส่วนตัวสูง  เข้าใจอยาก เลือกงาน ขี้เหวี่ยง นอกจากความเป็นมืออาชีพเท่านั้นที่กลบทุกอย่างมิดไปนับแต่เข้ามาวงการบันเทิง



             ไม่เคยบอกกับใครสักคนว่าทำไมต้องเข้าวงการบันเทิงทั้งทรัพย์สมบัติก็มีกินมีใช้แบบไม่ต้องทำงานหนักไปจนตาย  เพียงเพราะแค่อยากให้ใครบ้างคนสนใจตัวเองก็เท่านั้น  ทางเดียวที่จะทำได้คือเข้าสู่วงการบันเทิงเหมือนอีกฝ่าย  และต้องพยายามแค่ไหนกว่าจะได้เป็นนายแบบแถวหน้าเพื่อจะได้มีสิทธิ์ในการเลือกนายแบบถ่ายมาร่วมงาน  เซฮุนต้องพยายามเท่าไหร่ท้อมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง



             แต่เพื่อให้จงอินนักร้องเมนแดนซ์วงแพลนเน็ตสนใจต้องทำอะไรต่าง ๆ มากมาย  ทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจตัวตนของเขาไม่ได้เข้ามาหาผลประโยชน์เหมือนคนอื่น ๆ รับความเป็นโอเซฮุนได้ทุกอย่าง 



             มันคงเป็นแค่เขาฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ตกหลุมรักอีกฝ่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น  ขนาดร่างสูงเจอร่องรอยของคนอื่นในห้องของเรา...ยังไม่บ่นสักคำหรือเอ่ยถามถึง  แม้กระทั่งเที่ยวกลางคืนยังไม่เคยไม่ห้ามเวลาจะไปกับเพื่อนนายแบบไม่น่าเชื่อว่าความสัมพันธ์ฉันท์แฟนของพวกเขาจะมีมาถึงแปดเดือน  แต่ไม่นับระยะเวลาที่เซฮุนตกหลุมรักจงอินตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกรวมเกือบห้าปี


             ทั้งที่แน่ใจว่าจงอินจะไม่มีทางปล่อยให้เขาหลุดมือไปง่าย ๆ เพราะอีกฝ่ายหนักแน่นและแสดงออกทุกอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลานับแต่คบกันอีกฝ่ายไม่เคยออกไปเที่ยวกับใครหรือให้เบอร์กับใครเลย 


             คงมีแต่เซฮุนเท่านั้นที่แอบหวาดกลัว..กลัวว่าคิมจงอินจะทิ้งตัวเองสักวัน



             “สมน้ำหน้าตัวเองไหมโอเซฮุน  เล่นเองเจ็บเองแบบไม่ใช่แสตนอิน ฮื้อๆ”

             ดวงตากลมพร่าไปด้วยน้ำตา  ทั้งที่เฝ้ามองอีกฝ่ายมานานน่าจะรู้ดีว่าจงอินมีความแน่วแน่และมุ่งมั่นแค่ไหน

             ห้องของเรา  อีกฝ่ายไม่เคยพาใครมาด้วยซ้ำเพราะถือว่าเป็นที่ส่วนตัวของเขาทั้งคู่

             มือบางคลี่ผ้าเช็ดหน้าดูอีกครั้งก่อนจะกำแน่น  ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าสีขาว..สีที่เขาชื่นชอบมากที่สุดมันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินและรอยเลือดจากมือของโอเซฮุนเอง



          เรื่องของเรามันต้องจบจริง ๆ สินะ คิมจงอิน
          คงไม่มีอีกแล้ว  คิมจงอินนี่ของโอเซฮุน
            

             “มานั่งร้องไห้ทำไมอยู่ตรงนี้”


             “ไหน...ใครร้องไห้ไม่มีสักหน่อย” เดิมก็เป็นคนปากไวอยู่แล้ว เซฮุนก็สวนตอบก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาอีกรอบ

             “โกหก  แล้วนั่นมือไปโดนอะไรมา”

             คราวนี้โอเซฮุนเงยหน้าขึ้นมองคนแปลกหน้าที่ตอนแรกกะเงยหน้าขึ้นมาด่าให้หนำใจว่าจะมายุ่งเรื่องของชาวบ้านทำเพื่อ? 

             คนอกหักอยากร้องไห้..หนักหัวใคร?


             “อะไร  อย่าบอกนะแค่ไม่กี่ชั่วโมงนายลืมหน้าฉันและลืมไปแล้วว่าฉันเป็นใคร” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพร้อมกับทรุดนั่งอีกด้านของม้านั่งพร้อมกับมองไปเบื้องหน้า

             “แล้วไง  ก็ตัดสินใจทิ้งกันแล้วนิ  ต้องมาสนใจกันอีกทำไม”  พูดไปแล้วเซฮุนก็อยากกัดลิ้นตัวเองตายมือบางกำผ้าเช็ดหน้าแน่นขึ้น

             “เห้อ  นั่นสิ  ตอนแรกก็กะว่าจะทิ้งนายนะแต่ให้ตายสิ  คิมจงอินขาดโอเซฮุนไม่ได้ว่ะ” บอกก่อนจะหันมาส่งยิ้มกระชากใจให้กับคุณนายแบบที่ตอนนี้สภาพมอมแมมเกินรับไหว  ใบหน้าเนียนที่มีคราบน้ำตามากมายทิ้งไว้แล้วยังดวงตากลมที่มันบวมเปล่งที่ชวนให้น่าสงสาร


             “รู้ไหม  ฉันคิดมาตลอดตั้งแต่ก้าวออกจากห้องของเราว่าควรเลิกรักนาย  ควรปล่อยนายไปให้กับคนที่เหมาะสมและคู่ควรเพราะนอกจากเป็นนักร้อง  ทั้งชีวิตฉันคงไม่มีอะไรที่ให้นายได้มากไปกว่าแต่นี้  แล้วจู่ๆ ฉันกำลังจะตัดสินใจนายก็ยังมาตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตาหรือทุกสถานที่ที่เราเคยไปด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ สองมือหนากุมอยู่ที่หน้าตักของตนเอง


             ใช่แล้วคิมจงอินเห็นตั้งแต่โอเซฮุนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในสวนแล้ว  เพราะตอนนั้นเขากำลังจะกลับหอพักของค่ายเพลงพอดีหลังหลบมานั่งคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียวหลายชั่วโมง


             ท่าทางเคว้งขว้างของอีกฝ่าย  ใบหน้าหวานที่เศร้าหมอง กิริยาหงอย ๆ  เหมือนลูกหมาป่วยที่พร้อมจะเป็นโรคซึมเศร้าตายมันทำให้เขาตัดสินยืนหลบแล้วแอบดูร่างบางอยู่ห่าง ๆ จนเซฮุนนั่งลงที่ม้านั่งแล้วกอดเข่าตัวเองร้องไห้



             แล้วเป็นตัวเขาเองที่นึกได้ตั้งแต่ออกจากห้องซ้อมมาก็ปิดมือถือมาตลอดจนกดเปิดเครื่องเมื่อครู่ก็พบมิสคอลจากเซฮุนเป็นหลายร้อยสาย  สายจากที่บ้าน  ของผู้จัดการส่วนตัวรวมถึงสายจากหัวหน้าวงที่มาทั้งมิสคอล  ข้อความsms line และโซเชียลมากมายจนต้องกดโทรกลับไป


             “ไค  แกหายไปไหนมาว่ะ  เฮียกดโทรหาแกเป็นร้อยรอบ” คริสทักทันทีที่รับสาย

             “โทษทีครับ  พอดีผมลืมเปิดเครื่อง”

             “ไคอ่า...ไม่ได้ทะเลาะกับเซฮุนใช่ไหม  เฮียขอโทษแทนชานยอลด้วยนะ”

             ชานยอล?....เฮ้ยหรือว่าปาร์คชานยอลที่เขาเห็นนัวเนียกับเซฮุนอยู่ในห้องจะเป็น.....

             “ครับ  ไว้ค่อยคุยกันครับ” ตัดวางสายก่อนจะนึกขำตัวเอง  เพราะตัวเองด้วยละที่พร้อมทำตัวเองให้หมุนตามโลกของเซฮุนจนใส่ใจคนรอบข้างน้อยลงจนลืมสังเกตแฟนของเพื่อนรวมวง

             “ฉันไม่เคยมีคนอื่น  สักครั้งก็ไม่เคยมีนับตั้งแต่วันที่ฉันตัดสินใจคบกับนาย” เซฮุนเอ่ยขึ้นมาก่อนหลังจากพวกเขาทั้งคู่เงียบไปนาน

             “แล้ว...”

             “ฉันจัดฉาก  อยากให้นายหึง  นายหวง  อยากให้รู้ว่าฉันไม่ใช่ของตาย  แต่เปล่าเลย  นายไม่เคยหึงหรือหวงกันเลยสักนิดก็ไม่มี” เอ่ยต่อด้วยเสียงสั่นเครือ

             “ใครบอกนายว่าฉันไม่หึง  ฉันหึงจนหน้ามืดตามัว  ได้แต่สะกดอารมณ์ตัวเองไว้เสมอเวลาเจอร่องรอยของใครที่ห้องของเรา  แค่เพราะฉันรักนายมาก...มากจนยอมให้นายหาคนที่ดีกว่าฉันได้” ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาบ้าง

             “ฉันไม่เคยพาใครมาห้องของเราเลยนะ  ยกเว้นแค่วันนี้ไอ้บ้าชานยอลเมาอกหักแล้วบุกมาหา”

             “ฮาๆ พวกเรานี่โคตรงี่เง่าเลยใช่ไหม” จงอินหัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี

             “นั่นสิ  พวกเรานี่โคตรงี่เง่าเลยเนอะ” เซฮุนพร้อมก่อนจะส่งยิ้มให้

             “เดี๋ยวก่อน  ผ้าเช็ดหน้านั่น” เอ่ยถามขึ้นมาเพราะจำได้เมื่อเย็นเขาได้ให้กลุ่มเด็กไฮสคูลไปแล้ว

             “นายต้องการจะทิ้งมันจริง ๆ สินะ” เซฮุนพูดเสียงแผ่วก้อนสะอื้นตามขึ้นมา

             “ไม่เคยคิดจะทิ้งสักครั้ง แต่เคยคิดจะปล่อยมือ  รออยู่นี่นะ  ฉันไปแป๊บเดียว..เดี๋ยวมา”

             เซฮุนยังไม่ทันเอ่ยอะไรก็ต้องตัวแข็งเมื่อร่างสูงถอดผ้าพันคอผืนใหญ่มาพันให้ที่ลำคอระหงรวมถึงถอดหมวกไหมพรมมาสวมให้  พร้อมกับถอดแจ็กเก็ตมาคลุมไหล่บางให้   ก่อนจะรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

             “จงอิน...”

             เกือบครึ่งชั่วโมงที่เซฮุนยังคงนั่งรอร่างสูงอยู่ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะต้องกลับมา

             “รอนานไหม?  ยื่นมือมาสิ”

             เซฮุนได้แต่กระพริบตาถี่มองร่างสูงที่อยู่สวมแค่เสื้อยืดแขนสั้นตัวเดียวทั้งที่อากาศหนาวจัด  ที่กำลังเปิดขวดน้ำล้างมือข้างที่เป็นแผลให้เขาอยู่อย่างตั้งแต่ก่อนจะลงมือทำแผลให้ด้วยความนิ่มนวลที่ไม่คิดฝันว่าจะได้รับจากผู้ชายที่ชื่อคิมจงอิน

             “จงอิน˜˜˜˜

             “อย่าร้องไห้อีกเลยนะ  เพราะฉันจะสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่ปล่อยสองมือคู่นี้ของโอเซฮุนอีกแล้ว  และได้โปรดช่วยดูแลหัวใจของผู้ชายคนนี้ด้วยนะ”

             “อื้อ  ฉันจะดูแลให้ดีที่สุด” พร้อมกับโถมตัวเข้าไปกอดร่างสูงไว้อย่างแน่นหนา
            




             ความรักของคนเราล้วนเปราะบางสามารถแตกหักลงได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน  แต่ว่าทุกอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอหากยังมีความรักเหลือให้แก่กันอยู่  ก็ย่อมเรียนรู้เพื่อปรับปรุงความผิดพลาดนั้นเพราะคนเราคงไม่มีใครยอมเจ็บซ้ำสอง







             “วีดวิ้ว  คราวนี้พวกผมวงแพลนเน็ตต้องยกเวทีให้มักเน่ของเราแล้วในช่วงไคนี่โซโล่” 
แบคฮยอนส่งมุกก่อนที่ไฟสปอร์ตไลท์ตัดไปยังกลางเวทีที่ปรากฏเมนแดนซ์ของวงที่อยู่ในชุดสบาย ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงแสล็คสีขาวพร้อมด้วยกีตาร์โปร่ง

             มือหนาค่อยๆ ดีดไล่คอร์ดก่อนจะหยุดเพื่อเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับที่มาชมคอนเสิร์ตใหญ่


             “เขินนะครับ  นานแล้วที่ไม่ได้เล่นกีตาร์แต่วันนี้ตั้งใจอยากจะเล่นให้ทุกคนได้ฟังจริง  เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้เจออะไรมากมายจนบรรยายเกือบไม่ถูกทีเดียวจนต้องสื่ออกมาเป็นเพลงนี้  เพราะในยามที่ผมเศร้าแล้วฟังเพลงของตัวเองที่ถูกร้องด้วยคนอื่นมันทำให้รู้ว่ายังมีคนชื่นชอบผลงานอยู่อีกมากมาย มันทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว  ขอมอบเพลงนี้ให้กับนางฟ้าของผมทุกคน”


             เสียงกีตาร์ที่ดีดขึ้นมาพร้อมกับเสียงทุ้มกังวานของจงอินจะเริ่มร้อง  โดยที่ดวงตาคมมองลงไปในกลุ่มผู้ชมที่มีนายแบบหนุ่มนั่งอยู่แถวหน้าสุด




마치 아무것도 모르는 아이로 그렇게

มาชี อามูกอดโด โมรึนึน อาอีโร คือรอเค

ราวกับว่าฉันได้เกิดใหม่


다시 태어난 순간 같이

ทาชี แทออนัน ซุนกัน คาชี่

เป็นเด็กที่ไม่รู้จักสิ่งใดๆ


잠시 꿈일까봐 감았다 보니

ชัมชี กูมิลกาบวา ฮัน พอน ทอ นุน คามัดตา ตอ โพนี

ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงฝัน จึงลองหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


역시 너무 간절했던 앞에 기도하듯 있어

ยอกชี นอมู คันจอลแฮดตอน เน อาเพ คีโดฮาดึด ซอ อิดซอ

ฉันยืนอยู่ตรงหน้าเธอราวกับที่ฉันเคยอธิษฐานไว้


번만 옆에서
ทัน ฮัน พอนมัน เน ยอเพซอ
ขอเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันได้อยู่ข้างๆ เธอ


발을 맞춰 걸어 보고파 ,
พารึล มัดชวอ คอรอ โพโกพา ฮัน พอน
ฉันหวังว่าจะได้เดินอยู่เคียงข้างเธออย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง


번만요
ตัก ฮัน พอนมันโย
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

너의 세상으로 여린 바람을 타고
นอเอ เซชางงึโร ยอริน พารามึล ทาโก
ฉันจะขี่สายลมอันอ่อนโยนไปยังโลกของเธอ


곁으로 어디에서 왔냐고
เน คยอทึโร ออดีเอซอ วัดนยาโก
ไปอยู่ข้างๆ เธอและเธอก็ถามว่าฉันมาจากไหน


해맑게 묻는 네게 비밀이라 말했어
แฮมักเก มุนนึน เนเก พีมีรีรา มัลแฮดซอ
เธอถามฉันอย่างไร้เดียงสา แต่ฉันก็ตอบเธอไปว่ามันเป็นความลับ


마냥 이대로 함께 걸으면
มานยัง อีแดโร ฮัมเก คอรึมยอน
เพราะถ้าเราเดินไปด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไป


어디든 천국일테니
ออดีดึน ชอนกุกิลเทนี
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ทุกที่ก็เป็นเหมือนดั่งสวรรค์


미카엘 보다 나에게 눈부신 존재
มีคาเอล โพดา นอน นาเอเก นุนบุชิน ชนแจ
คุณช่างดูน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าไมเคิล


감히 누가 너를 거역해 내가 용서를
คัมฮี นุกา นอรึล คอยอกแค่ แนกา ยงซอรึล อัน แฮ
ใครจะกล้าขัดขืนเธอได้ ฉันจะไม่ให้อภัยคนที่ทำอย่างนั้น


에덴 곳에 발을 들인 태초의 처럼 매일
เอเดน คือ โคเซ พารึล ทึริน แทโชเอ คือ ชอรอม แมอิล
เป็นเหมือนคนแรกที่ได้ย่างก้าวเข้ามายังสวนอีเดน


하나만 향하며 마음으로 믿으며
นอ ฮานามัน ฮยางฮามยอ มาอึมึโร มีรึมยอ
ในทุกๆ วัน ฉันจะไปหาเธอและเชื่อใจเธอด้วยหัวใจของฉัน


아주 작은 것이라도 힘들게 하지 못하게
อาจู ชากึน คอชีราโด นอล ฮิมดึลเก ฮาจี โมทาเก
มันเป็นเหมือนสิ่งที่เล็กน้อยเหลือเกิน แต่ฉันก็อยากจะปกป้องเธอไว้เสมอ


항상 지키고 싶어 I’m eternally love
ฮังซัง ชีคีโก ชิพอ I’m eternally love
เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทุกข์ทน I’m eternally love


너의 수호자로 거센 바람을 막고
นอเอ ซูโฮจาโร ชอ คอเซน พารามึล มักโก
เทวดาผู้ปกป้องของเธอ จะคอยขัดขวางลมแรงที่พัดมาให้เอง


편으로 모두 등을 돌려도
เน พยอนึโร โมดู ทา ทึงงึล ดลรยอโด
แม้ว่าทุกคนจะหันหลังกลับมาต่อต้านเธอ


힘에 겨운 어느 눈물을 닦아
ฮีเม คยออุน ออนึ นัล เน นุนมูรึล ทากา ชุล
ในวันที่แสนลำบาก ฉันจะเช็ดน้ำตาให้เธอ


그런 사람 있다면
คือรอน ฮัน ซารัม ทเวน ซู อิดตามยอน
ถ้าฉันสามารถเป็นคนๆ นั้นได้


어디든 천국일테니
ออดีดึน ชอนกุกิลเทนี
ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ทุกที่ก็เป็นเหมือนดั่งสวรรค์


사랑하게 돼버린 이제 이상
นอล ซารังฮาเก ทเวบอริน นัน อีเจ ทอ อีซัง
ตอนนี้ฉันรักเธอเข้าแล้ว


돌아갈 곳이 없어요 날개를 거둬가셨죠 (oh no)
โทรากัล โคชี ออบซอโย นัลแกรึล คอดวอกาซยอดจโย (Oh no)
ไม่มีที่ไหนที่ฉันจะกลับไปได้อีกแล้ว ปีกของฉันได้ถูกเอาออกไปแล้ว


영원한 삶을 잃었대도 행복한 이유
ยองวอนฮัน ซัลมึล อิรอดแดโด แฮงบกคัน อียู
แม้ว่าจะสูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร์ แต่เหตุผลที่ทำให้ฉันมีความสุข


나의 영원 이젠 그대이니까 Eternally Love
นาเอ ยองวอน อีเจน คือแดอีนีกา Eternally Love
ก็เพราะว่าตอนนี้เธอคือความเป็นนิรันดร์สำหรับฉันแล้ว


너의 세상으로 여린 바람을 타고
นอเอ เซซางงึโร ยอริน พารามึล ทาโก
ฉันจะขี่สายลมอันอ่อนโยนไปยังโลกของเธอ


곁으로 어디에서 왔냐고
เน คยอทึโร ออดีเอซอ วัดนยาโก
ไปอยู่ข้างๆ เธอและเธอก็ถามว่าฉันมาจากไหน


해맑게 묻는 네게 비밀이라 말했어
แฮมักเก มุนนึน เนเก พีมีรีรา มัลแฮดซอ
เธอถามฉันอย่างไร้เดียงสา แต่ฉันก็ตอบเธอไปว่ามันเป็นความลับ


마냥 이대로 함께 걸으면
มานยัง อีแดโร ฮัมเก คอรึมยอน
เพราะถ้าเราเดินไปด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไป


어디든 천국일테니
ออดีดึน ชอนกุกิลเทนี
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ทุกที่ก็เป็นเหมือนดั่งสวรรค์

[Credit:เนื้อเพลงภาษาเกาหลี: colorcodedlyrics.com /เนื้อเพลงแปลภาษาอังกฤษ: popgasa.com/เนื้อเพลงอ่านและแปลภาษาไทย: inmostlove.blogspot.com]

จบเถอะ T^T








            




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น