วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[SF-EXO] What is love? [Kaido]

[SF-EXO]  What is love? [Kaido]
By winata

         

What is love? 


          นั่นสิ...


          ความรักมันคืออะไร  ในความหมายของมันตัวเองเอง  ไม่ใช่ให้หนังสือสักเล่มหรือใครสักคนมาอธิบายความหมายของมันให้ผมฟัง  แต่ตอนนี้ถ้ามีความรักแล้วชีวิตต้องวุ่นวายเหมือนพวกเพื่อนสนิทของผมละก็  ขออยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน



          “ชานยอล  ไอ้หูหาง  นี่มันอะไร  รูปนี้มันเอียงกระแซะประธานซะจะเป็นเนื้อเดียวกันเลย  
นี่นายกล้านอกใจฉันเหรอ”


          มาแล้วไง..คู่แรก  ชานยอลกับแบคฮยอน 


          แค่สิ้นเสียง...ตุ้บตับ พร้อมซาวเอฟเฟคที่ไม่ต้องบรรยายก็รู้ว่าคนหูหางจะโดนทั้งทุบทั้งบิดหูขนาดไหน  


          เหมือนเคยๆ ข้อหามือที่สามยังคงตกเป็นของพี่คริสหรืออู๋อี้ฟาน  


          ผมไม่เข้าใจเหมือนกันเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งแบคฮยอน ชานยอล และพี่คริส แต่แอบสงสารคนกลางอย่างชานยอลที่เป็นคนกลาง แต่อย่างว่าในเมื่อพี่คริสมาทีหลังก็ต้องพยายามต่อไป ^^


          “ยิ้มอะไรคยองซู  นายมีความสุขเหรอที่เห็นเพื่อนมีความทุกข์  ฮื้อ ๆ”


          นั่นไง  พออาละวาดใส่แฟนหนุ่มหูกางที่กลายเป็นลูกหมาโกลเด้นมาคลอเคลียเลียแข้งเลียขาเสร็จ   คนตัวบางที่ตัวขนาดเท่า ๆ กันกับผมก็หันมาเล่นงานเลย

          “อ้าว?”

          “ไม่ต้องมาทำหน้าหมางงเลย” พร้อมกับแบคฮยอนเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ

          “ง้อกันเสร็จแล้วเหรอ?” อดเอ่ยถามไม่ได้เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากการบ้านฟิสิกส์ ชานยอลไม่อยู่ในห้องเรียนแล้ว

          “ไปชมรมบาส” แบคฮยอนบอกพร้อมทำปากยื่น

          “ปากจะเป็นเป็ดแล้วนะ  ถ้าไม่ชอบใจขนาดนั้นทำไมไม่ห้าม” ผมสงสัยจริง ๆ

          “ก็เพราะฉันรักชานยอลไง  ไม่ว่ายังไงก็ต้องรั้งไว้เถอะ  ต่อให้หล่อหน้าหยกกว่าอีพี่คริสก็ไม่ยกให้หรอก”

          ผะ...ผมค่อย ๆ ดันมือเพื่อนสนิทออกจากคอเสื้อ

          “แต่พวกนายรักกันรุนแรงนะ” บอกหลังจากดึงมือแบคฮยอนที่เมื่อกี้สวมวิญญาณนางร้ายเอ้ยนางเอกซีรี่กระชากคอเสื้อผมเข้าไปใกล้  เหมือนกำลังข่มขู่ 

          แต่ผมนะชื่อ โดคยองซู นะครับไม่ใช่คริสผิดคนครับเพื่อนฝูง

          “นายก็พูดได้สิ  ก็นายยังไม่เคยแฟน  เชอะแม้แต่ความรักนายจะรู้จักรึเปล่ายังไม่รู้เลย  ว่าแต่จูบแรกนะมีรึยัง.....”

          บลาๆ.....บลาๆ ที่เสียงใสยังพูดไม่เลิก

          นั่นสิ...ความรักของผมมันคืออะไร?

          ความรักที่ไม่ใช่คนในครอบครัว  อย่างที่มีให้คุณพ่อคุณแม่

          แต่เดี๋ยวก่อน....

          ผมยังไม่ได้คิดอะไรนาน  เมื่อสมุดการบ้านรวมถึงข้าวของทุกอย่างโดนแบคฮยอนกวาดลงเป้หมดพร้อมกับฉุดข้อมือผมให้เดินตามออกจากห้องเรียนไป  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทางที่เดินไปมันคือทางไปโรงยิมที่ตอนนี้นักกีฬาบาสของโรงเรียนกำลังเริ่มซ้อมกันอยู่

          “ดะ...เดี๋ยวก่อน”

          “โธ่เอ้ย  นายก็ชักช้าอยู่ได้ทุกวัน  เดินเร็วหน่อยป่านนี้ไม่รู้จะมีที่ให้นั่งรึเปล่า”

          ไม่พูดเปล่าระหว่างทางแบคฮยอนยังซื้อน้ำแร่และขนมสารพัดเพื่อไปฝากชานยอล

          ผมว่าควรมอบตำแหน่งแฟนดีเด่นให้เขานะ  เพราะตอนนี้น้ำแร่มันนอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋าเก็บความเย็นที่สะพายอยู่บนบ่าเล็ก ๆ มือซ้ายของแบคฮยอนจับข้อมือของผมให้เดินตามมาเร็ว ๆ   ส่วนอีกมือก็ถือทั้งเป้ของผมและกระเป๋านักเรียนของเขา

          แน่นอนที่นั่งข้างสนามที่เว้นว่างเอาไว้ให้พวกเราทั้งคู่โดยมีกระเป๋าใบเขื่องของชานยอลจองที่เอาไว้ให้เสมอ

          “โอ้ย ๆ เลือดจะพุ่ง นายดูสิวันนี้พี่ลู่หานมัดจุก  อ้าย....น่ารักเว่อร์ โน้นๆ จื่อเทาห้องบีนี้โมเอ้มากง่ะใสที่คาดผมลายเสือด้วย  แล้วนั้น..แบคฮยอนจะสิ้นใจคาอกของพี่จงอิน  เสื้อจะบางไปไหน”


          เสียงแบคฮยอนยังเจื้อยแจ้วไปเรื่อย  นี่ขนาดมีชานยอลเป็นตัวเป็นตน  เวลาว่างยังแซ่บผู้ชายอื่นเป็นอาหารตาได้อย่างสะดวกใจ



          แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจคือชายหนุ่มผิวสีแทนที่กำลังเลี้ยงลูกบาสหลบหลีกเพื่อนร่วมทีมก่อนจะชู้ตสามแต้มลงไปอย่างแม่นยำ


          ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าจนต้องหลบสายตาคมๆ ที่มองมาจากภายในสนาม  ความรู้สึกสั่นไหวแบบนี้นับวันมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่พวกเราสบตากัน


          “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้วเลยขอตัวไปสงบจิตสงบใจก่อน  แม้จะไม่หันหลังกลับไปมองแต่ผมรู้ว่าชายหนุ่มผิวสีแทนกัปตันทีมบาสยังคงมองตามหลังผม


          คยองซูใช้มือกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตา  ก่อนที่ดวงตากลมจะเบิกขึ้นเมื่อเห็นว่าใครยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง


          “เป็นอะไร  วันนี้สีหน้าไม่ดีเลย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับผ้าขนหนูในมือหนาที่กำลังซับน้ำที่ใบหน้าของผมออก


          “ไม่ได้เป็นไร” แม้ปากจะบอกไปแบบนั้นแต่ผมก็ไม่สามารถสบสายตาคมได้ตรง ๆ

          “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว  รอพี่แป๊บแล้วกลับบ้านพร้อมกัน” อีกฝ่ายว่าก่อนจะยกมือหนาขึ้นมาขยี้ผมเบาๆ


          “อื่ม...การบ้านเยอะนะ” ได้แต่ตอบรับงึมงำเพราะตอนนี้ข้อมือของผมโดนเขาลากให้ออกไปจากห้องน้ำด้วยกัน  จนมาถึงม้านั่งที่แบคฮยอนและนักกีฬาคนอื่น ๆ กำลังนั่งพักอยู่


          “เฮ้ยมึง  กูกลับละนะ  วันนี้น้องมีการบ้านเยอะ”


          ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองไหม?  เหมือนรอบข้างจะนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่กลับมาเอ่ยปากแซว  แต่คุณเชื่อเถอะมันทำอะไรผู้ชายผิวสีแทนอย่างคิมจงอินไม่ได้เลยสักนิด

          “แหม ๆ น้องท้องติดกันรึไงถึงได้รีบกลับ” ลู่หานเอ่ยแซวคนแรก



          ก่อนที่จะ.....โป้ก


          “พูดไรระวังปากไว้มั้ง  ขืนยังปากมอมฉันจะไปยุเซฮุนมีกิ๊กใหม่” จงอินสวนกลับเพื่อนทั้งวาจาและการเขกหัวเหม่ง ๆ


          “เซฮุน ดูสิ  จงอินมันโหดแค่ไหน” เพราะตัวเองตัวบางกว่าจงอินจะสวนคืนก็ทำได้ลำบากลู่หานเลยหันไปอ้อนแฟนหนุ่มที่อยู่ชมรมดาราศาสตร์ที่เพิ่งเดินมาถึงขอบสนามบาสแทน


          “แซวทุกวัน  โดนดีทุกวันพี่ยังไม่ชินอีกเหรอ” เซฮุนบอกยิ้ม ๆ ก่อนจะส่งขวดน้ำแร่เย็นเฉียบให้


          ร่างบางได้แต่โค้งศีรษะให้กับรุ่นพี่ทุกคน  ก่อนจะทำมือให้แบคฮยอนเป็นสัญญาณว่าคืนนี้จะโทรหา 



          จนถึงตอนนี้คยองซูยังเดินทางหลังร่างสูงที่ยังเดินนำไปยังลานจอดรถเหมือนเช่นทุกวัน  นับตั้งแต่ขึ้นไฮสกูลมา  ถ้ารวม ๆ ระยะเวลาที่พวกเขาทั้งคู่ต่างกลับบ้านพร้อม ๆ ก็เกือบสามเดือน  เพราะในช่วงเช้าคุณพ่อของร่างบางจะมาส่งที่โรงเรียนเสมอ


          “หิว รึไง วันนี้ถึงได้เงียบปกติ”


          ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเดินไปข้าง ๆ กับร่างสูงที่กำลังจูงจักรยานฟิกเกียร์  เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนในโรงเรียนเห็นประจำที่พวกเขาต่างเดินพร้อม ๆ กันโดนมีจักรยานฟิกเกียร์สีขาวคั่นกลาง


          เคยมีคนถามเหมือนกันในเมื่อฟิกเกียร์ของจงอินมันนั่งได้แค่คนเดียวนั่นคือคนปั่น 


          แล้วทำไมคยองซูต้องรอกลับบ้านพร้อมกับจงอินทุก ๆ วัน  เป็นคำถามที่ร่างบางก็ตอบไม่ได้


          กึก...


          จงอินหยุดจูงฟิกเกียร์ก่อนหันไปมองร่างบางที่หยุดอยู่ด้านหลัง  ทำให้เขาต้องถอยหลังกลับมา


          “วันนี้ เราแปลกไปจริง ๆ ด้วย  มีอะไรหึ  ทำไมไม่พูดกับพี่”


          “...”

          “ไหนว่าเราจะคุยกันทุกเรื่องไง” จงอินมองสบกับดวงกลมที่ตอนนี้แสดงอารมณ์หลากหลาย

          “ถามออกไปได้เหรอ?  พี่จะตอบทุกคำถามเหรอ?”

          คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนจะเริ่มนึกเอะใจ

          “พี่...พวกเรา...เป็นอะไรกันทุกวันนี้”


          ไหนที่สุดคยองซูก็เอ่ยถามสิ่งที่กวนใจตนเองมาหลายวันด้วยน้ำเสียงสั่นเทา  ถ้าแบคฮยอนไม่ถามว่าระหว่างจงอินปีพี่สามกับคยองซูปีหนึ่งที่กลับบ้านด้วยกันทุกวัน  เป็นอะไรกันมากกว่าพี่ชายกับน้องชายข้างบ้านรึเปล่า?


          ร่างบางคงไม่ฉุกใจคิด


          ว่าทำไมทุกอย่างตัวเองต้องวนเวียนคอยทำตามที่จงอินบอกหรือขอร้องโดยไม่เกี่ยงงอนสักนิด


          “แล้วนายคิดว่าพวกเราเป็นอะไร” คยองซูเงยหน้าสบสายตาคมเข้มที่มองมานิ่ง ๆ  ตอนนี้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้ตัวเขาเองไม่สมควรจะเอ่ยมันออกไปจริง ๆ


          หลงสำคัญตัวผิดไปจริง ๆ โดคยองซู


          ริมฝีปากบางยกยิ้มเหมือนเคยให้ร่างสูงก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เดินห่างออกไปเพราะตอนนี้ความรู้สึกแน่นอกและน้ำตาที่มันคลอขึ้นมาพร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ


          “เดี๋ยวก่อน...”


          คยองซูเงยหน้าขึ้นมองฟ้าที่ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกดินแล้ว  ท้องฟ้าถึงได้เป็นสีแดงอมส้ม


          “ทำไมต้องร้องไห้” จงอินถามโดยละมือจากแฮนด์ฟิกเกียร์พร้อมใช้ร่างตัวเองเป็นที่พิงฟิกเกียร์  ในขณะที่มือหนาอีกข้างดึงแขนร่างบางไว้


          “...”


          “น้ำตาของนายมันทำให้พี่เจ็บ” ปลายนิ้วชี้ของจงอินเอื้อมมาซับน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงมาจากนัยน์ตาคู่สวยของคยองซูก่อนจะเอามาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง


          หยดหนึ่งต่อหนึ่งครั้ง


          “ทำไมพี่จะต้องเจ็บ”


          “เจ้าเด็กโง่เฮ้ย  เพราะนายคือคนที่พี่รักไง” ว่าแล้วก็ดึงคนร่างเล็กกว่าเข้ามากอดทั้งที่ฟิกเกียร์คันสีขาวยังคั่นกลางระหว่างพวกเค้าอยู่


          “ถ้าแบบน้อง  ผมไม่ต้องการ”


          จงอินฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว้างเดิมพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น


          “พี่รักนายแบบนี้”


          นอกจากจะบอกด้วยคำพูดแล้ว  จงอินยังยืนยันด้วยการกระทำเพื่อให้ร่างบางในอ้อมกอดได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง


          ริมฝีปากหนาได้รูปสวยค่อยๆ แนบลงกับริมฝีปากบางสีชมพูอย่างแผ่วเบา  ก่อนจะผละออกมา


          ดวงตาสองคู่มองสบกันอย่างมีความหมาย  ต่างคนต่างรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่ต่างกัน


          “กลับบ้านกันเถอะ”


          “นั่นสิ กลับกันเถอะ


          จงอินตอบรับก่อนจะจูงฟิกเกียร์เดินไปริมถนนแบบช้า ๆ   เพื่อให้คนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างๆ ก้าวเดินตามทัน


          “มีนัดโทรคุยอะไรกับแบคฮยอน”


          “คะ..คือ...” กิริยาอ้ำอึ้งของร่างบางทำให้จงอินรู้สึกแปลกใจ


          “คืออะไร”


          คยองซูสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะรีบกลั้นใจพูด


          “แบคถามว่า  พวกเราเป็นอะไรกัน  เป็นพี่น้องหรือแฟน”


          “แล้วทีนี้เราจะตอบเพื่อนว่าไง” ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเขินจนหน้าดำหน้าแดงจงอินก็อดเย้าไม่ได้


          “ชิ...จะบอกอะไรได้ก็พี่ยังไม่ขอ”


          “พี่รักนาย  เป็นแฟนกันนะ”


          ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


          มันรวดเร็วจนปรับอารมณ์ตามไม่ทันร่างสูง


          “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับคุณแฟน”


          จุ๊บจุ๊บ



          แถมจงอินยังส่งยิ้มกระชากใจให้ร่างบาง  โดยไม่คิดจะรอคำตอบเพราะตัวเขาเองรู้อยู่แล้วว่าคำตอบของคนหน้าแดงและเป็นเพื่อนบ้านกันจะตอบว่ายังไง




          ความรักของเราสองคนเริ่มต้นขึ้นแบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป


          คยองซูมองตามหลังร่างสูงที่เปิดประตูเข้าบ้านตัวเองไปแล้วก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าบ้านตัวเองที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ บ้าง
          ตอนนี้ร่างบางสามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้ว
          ว่ารักคืออะไร






 END

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น