[SF-EXO] What is love? [Kaido]
By winata
What is love?
นั่นสิ...
ความรักมันคืออะไร ในความหมายของมันตัวเองเอง
ไม่ใช่ให้หนังสือสักเล่มหรือใครสักคนมาอธิบายความหมายของมันให้ผมฟัง แต่ตอนนี้ถ้ามีความรักแล้วชีวิตต้องวุ่นวายเหมือนพวกเพื่อนสนิทของผมละก็ ขออยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน
“ชานยอล ไอ้หูหาง นี่มันอะไร
รูปนี้มันเอียงกระแซะประธานซะจะเป็นเนื้อเดียวกันเลย
นี่นายกล้านอกใจฉันเหรอ”
มาแล้วไง..คู่แรก ชานยอลกับแบคฮยอน
แค่สิ้นเสียง...ตุ้บตับ
พร้อมซาวเอฟเฟคที่ไม่ต้องบรรยายก็รู้ว่าคนหูหางจะโดนทั้งทุบทั้งบิดหูขนาดไหน
เหมือนเคยๆ
ข้อหามือที่สามยังคงตกเป็นของพี่คริสหรืออู๋อี้ฟาน
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งแบคฮยอน
ชานยอล และพี่คริส แต่แอบสงสารคนกลางอย่างชานยอลที่เป็นคนกลาง แต่อย่างว่าในเมื่อพี่คริสมาทีหลังก็ต้องพยายามต่อไป
^^
“ยิ้มอะไรคยองซู
นายมีความสุขเหรอที่เห็นเพื่อนมีความทุกข์
ฮื้อ ๆ”
นั่นไง พออาละวาดใส่แฟนหนุ่มหูกางที่กลายเป็นลูกหมาโกลเด้นมาคลอเคลียเลียแข้งเลียขาเสร็จ
คนตัวบางที่ตัวขนาดเท่า ๆ
กันกับผมก็หันมาเล่นงานเลย
“อ้าว?”
“ไม่ต้องมาทำหน้าหมางงเลย”
พร้อมกับแบคฮยอนเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ
“ง้อกันเสร็จแล้วเหรอ?”
อดเอ่ยถามไม่ได้เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากการบ้านฟิสิกส์
ชานยอลไม่อยู่ในห้องเรียนแล้ว
“ไปชมรมบาส”
แบคฮยอนบอกพร้อมทำปากยื่น
“ปากจะเป็นเป็ดแล้วนะ ถ้าไม่ชอบใจขนาดนั้นทำไมไม่ห้าม” ผมสงสัยจริง ๆ
“ก็เพราะฉันรักชานยอลไง ไม่ว่ายังไงก็ต้องรั้งไว้เถอะ ต่อให้หล่อหน้าหยกกว่าอีพี่คริสก็ไม่ยกให้หรอก”
ผะ...ผมค่อย
ๆ ดันมือเพื่อนสนิทออกจากคอเสื้อ
“แต่พวกนายรักกันรุนแรงนะ”
บอกหลังจากดึงมือแบคฮยอนที่เมื่อกี้สวมวิญญาณนางร้ายเอ้ยนางเอกซีรี่กระชากคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ เหมือนกำลังข่มขู่
แต่ผมนะชื่อ
โดคยองซู นะครับไม่ใช่คริส…ผิดคนครับเพื่อนฝูง
“นายก็พูดได้สิ ก็นายยังไม่เคยแฟน
เชอะแม้แต่ความรักนายจะรู้จักรึเปล่ายังไม่รู้เลย ว่าแต่จูบแรกนะมีรึยัง.....”
บลาๆ.....บลาๆ
ที่เสียงใสยังพูดไม่เลิก
นั่นสิ...ความรักของผมมันคืออะไร?
ความรักที่ไม่ใช่คนในครอบครัว อย่างที่มีให้คุณพ่อคุณแม่
แต่เดี๋ยวก่อน....
ผมยังไม่ได้คิดอะไรนาน เมื่อสมุดการบ้านรวมถึงข้าวของทุกอย่างโดนแบคฮยอนกวาดลงเป้หมดพร้อมกับฉุดข้อมือผมให้เดินตามออกจากห้องเรียนไป
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทางที่เดินไปมันคือทางไปโรงยิมที่ตอนนี้นักกีฬาบาสของโรงเรียนกำลังเริ่มซ้อมกันอยู่
“ดะ...เดี๋ยวก่อน”
“โธ่เอ้ย นายก็ชักช้าอยู่ได้ทุกวัน เดินเร็วหน่อยป่านนี้ไม่รู้จะมีที่ให้นั่งรึเปล่า”
ไม่พูดเปล่าระหว่างทางแบคฮยอนยังซื้อน้ำแร่และขนมสารพัดเพื่อไปฝากชานยอล
ผมว่าควรมอบตำแหน่งแฟนดีเด่นให้เขานะ
เพราะตอนนี้น้ำแร่มันนอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋าเก็บความเย็นที่สะพายอยู่บนบ่าเล็ก
ๆ มือซ้ายของแบคฮยอนจับข้อมือของผมให้เดินตามมาเร็ว ๆ ส่วนอีกมือก็ถือทั้งเป้ของผมและกระเป๋านักเรียนของเขา
แน่นอนที่นั่งข้างสนามที่เว้นว่างเอาไว้ให้พวกเราทั้งคู่โดยมีกระเป๋าใบเขื่องของชานยอลจองที่เอาไว้ให้เสมอ
“โอ้ย
ๆ เลือดจะพุ่ง นายดูสิวันนี้พี่ลู่หานมัดจุก
อ้าย....น่ารักเว่อร์ โน้นๆ จื่อเทาห้องบีนี้โมเอ้มากง่ะใสที่คาดผมลายเสือด้วย แล้วนั้น..แบคฮยอนจะสิ้นใจคาอกของพี่จงอิน เสื้อจะบางไปไหน”
เสียงแบคฮยอนยังเจื้อยแจ้วไปเรื่อย นี่ขนาดมีชานยอลเป็นตัวเป็นตน
เวลาว่างยังแซ่บผู้ชายอื่นเป็นอาหารตาได้อย่างสะดวกใจ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจคือชายหนุ่มผิวสีแทนที่กำลังเลี้ยงลูกบาสหลบหลีกเพื่อนร่วมทีมก่อนจะชู้ตสามแต้มลงไปอย่างแม่นยำ
ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าจนต้องหลบสายตาคมๆ ที่มองมาจากภายในสนาม
ความรู้สึกสั่นไหวแบบนี้นับวันมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่พวกเราสบตากัน
“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ
เดี๋ยวมา” รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้วเลยขอตัวไปสงบจิตสงบใจก่อน
แม้จะไม่หันหลังกลับไปมองแต่ผมรู้ว่าชายหนุ่มผิวสีแทนกัปตันทีมบาสยังคงมองตามหลังผม
คยองซูใช้มือกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตา
ก่อนที่ดวงตากลมจะเบิกขึ้นเมื่อเห็นว่าใครยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
“เป็นอะไร วันนี้สีหน้าไม่ดีเลย”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับผ้าขนหนูในมือหนาที่กำลังซับน้ำที่ใบหน้าของผมออก
“ไม่ได้เป็นไร”
แม้ปากจะบอกไปแบบนั้นแต่ผมก็ไม่สามารถสบสายตาคมได้ตรง ๆ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รอพี่แป๊บแล้วกลับบ้านพร้อมกัน” อีกฝ่ายว่าก่อนจะยกมือหนาขึ้นมาขยี้ผมเบาๆ
“อื่ม...การบ้านเยอะนะ”
ได้แต่ตอบรับงึมงำเพราะตอนนี้ข้อมือของผมโดนเขาลากให้ออกไปจากห้องน้ำด้วยกัน จนมาถึงม้านั่งที่แบคฮยอนและนักกีฬาคนอื่น ๆ
กำลังนั่งพักอยู่
“เฮ้ยมึง กูกลับละนะ
วันนี้น้องมีการบ้านเยอะ”
ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองไหม? เหมือนรอบข้างจะนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่กลับมาเอ่ยปากแซว
แต่คุณเชื่อเถอะมันทำอะไรผู้ชายผิวสีแทนอย่างคิมจงอินไม่ได้เลยสักนิด
“แหม
ๆ น้องท้องติดกันรึไงถึงได้รีบกลับ” ลู่หานเอ่ยแซวคนแรก
ก่อนที่จะ.....โป้ก
“พูดไรระวังปากไว้มั้ง ขืนยังปากมอมฉันจะไปยุเซฮุนมีกิ๊กใหม่”
จงอินสวนกลับเพื่อนทั้งวาจาและการเขกหัวเหม่ง ๆ
“เซฮุน
ดูสิ จงอินมันโหดแค่ไหน” เพราะตัวเองตัวบางกว่าจงอินจะสวนคืนก็ทำได้ลำบากลู่หานเลยหันไปอ้อนแฟนหนุ่มที่อยู่ชมรมดาราศาสตร์ที่เพิ่งเดินมาถึงขอบสนามบาสแทน
“แซวทุกวัน โดนดีทุกวันพี่ยังไม่ชินอีกเหรอ” เซฮุนบอกยิ้ม
ๆ ก่อนจะส่งขวดน้ำแร่เย็นเฉียบให้
ร่างบางได้แต่โค้งศีรษะให้กับรุ่นพี่ทุกคน
ก่อนจะทำมือให้แบคฮยอนเป็นสัญญาณว่าคืนนี้จะโทรหา
จนถึงตอนนี้คยองซูยังเดินทางหลังร่างสูงที่ยังเดินนำไปยังลานจอดรถเหมือนเช่นทุกวัน นับตั้งแต่ขึ้นไฮสกูลมา ถ้ารวม ๆ
ระยะเวลาที่พวกเขาทั้งคู่ต่างกลับบ้านพร้อม ๆ ก็เกือบสามเดือน
เพราะในช่วงเช้าคุณพ่อของร่างบางจะมาส่งที่โรงเรียนเสมอ
“หิว
รึไง วันนี้ถึงได้เงียบปกติ”
ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเดินไปข้าง
ๆ กับร่างสูงที่กำลังจูงจักรยานฟิกเกียร์ เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนในโรงเรียนเห็นประจำที่พวกเขาต่างเดินพร้อม
ๆ กันโดนมีจักรยานฟิกเกียร์สีขาวคั่นกลาง
เคยมีคนถามเหมือนกันในเมื่อฟิกเกียร์ของจงอินมันนั่งได้แค่คนเดียวนั่นคือคนปั่น
แล้วทำไมคยองซูต้องรอกลับบ้านพร้อมกับจงอินทุก
ๆ วัน เป็นคำถามที่ร่างบางก็ตอบไม่ได้
กึก...
จงอินหยุดจูงฟิกเกียร์ก่อนหันไปมองร่างบางที่หยุดอยู่ด้านหลัง ทำให้เขาต้องถอยหลังกลับมา
“วันนี้
เราแปลกไปจริง ๆ ด้วย มีอะไรหึ ทำไมไม่พูดกับพี่”
“...”
“ไหนว่าเราจะคุยกันทุกเรื่องไง”
จงอินมองสบกับดวงกลมที่ตอนนี้แสดงอารมณ์หลากหลาย
“ถามออกไปได้เหรอ? พี่จะตอบทุกคำถามเหรอ?”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนจะเริ่มนึกเอะใจ
“พี่...พวกเรา...เป็นอะไรกันทุกวันนี้”
ไหนที่สุดคยองซูก็เอ่ยถามสิ่งที่กวนใจตนเองมาหลายวันด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ถ้าแบคฮยอนไม่ถามว่าระหว่างจงอินปีพี่สามกับคยองซูปีหนึ่งที่กลับบ้านด้วยกันทุกวัน
เป็นอะไรกันมากกว่าพี่ชายกับน้องชายข้างบ้านรึเปล่า?
ร่างบางคงไม่ฉุกใจคิด
ว่าทำไมทุกอย่างตัวเองต้องวนเวียนคอยทำตามที่จงอินบอกหรือขอร้องโดยไม่เกี่ยงงอนสักนิด
“แล้วนายคิดว่าพวกเราเป็นอะไร”
คยองซูเงยหน้าสบสายตาคมเข้มที่มองมานิ่ง ๆ
ตอนนี้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้ตัวเขาเองไม่สมควรจะเอ่ยมันออกไปจริง
ๆ
หลงสำคัญตัวผิดไปจริง
ๆ โดคยองซู
ริมฝีปากบางยกยิ้มเหมือนเคยให้ร่างสูงก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เดินห่างออกไปเพราะตอนนี้ความรู้สึกแน่นอกและน้ำตาที่มันคลอขึ้นมาพร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ
“เดี๋ยวก่อน...”
คยองซูเงยหน้าขึ้นมองฟ้าที่ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกดินแล้ว ท้องฟ้าถึงได้เป็นสีแดงอมส้ม
“ทำไมต้องร้องไห้”
จงอินถามโดยละมือจากแฮนด์ฟิกเกียร์พร้อมใช้ร่างตัวเองเป็นที่พิงฟิกเกียร์ ในขณะที่มือหนาอีกข้างดึงแขนร่างบางไว้
“...”
“น้ำตาของนายมันทำให้พี่เจ็บ”
ปลายนิ้วชี้ของจงอินเอื้อมมาซับน้ำตาที่ค่อยๆ
ไหลลงมาจากนัยน์ตาคู่สวยของคยองซูก่อนจะเอามาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง
หยดหนึ่งต่อหนึ่งครั้ง
“ทำไมพี่จะต้องเจ็บ”
“เจ้าเด็กโง่เฮ้ย เพราะนายคือคนที่พี่รักไง”
ว่าแล้วก็ดึงคนร่างเล็กกว่าเข้ามากอดทั้งที่ฟิกเกียร์คันสีขาวยังคั่นกลางระหว่างพวกเค้าอยู่
“ถ้าแบบน้อง ผมไม่ต้องการ”
จงอินฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว้างเดิมพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“พี่รักนายแบบนี้”
นอกจากจะบอกด้วยคำพูดแล้ว จงอินยังยืนยันด้วยการกระทำเพื่อให้ร่างบางในอ้อมกอดได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง
ริมฝีปากหนาได้รูปสวยค่อยๆ
แนบลงกับริมฝีปากบางสีชมพูอย่างแผ่วเบา
ก่อนจะผละออกมา
ดวงตาสองคู่มองสบกันอย่างมีความหมาย
ต่างคนต่างรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“กลับบ้านกันเถอะ”
“นั่นสิ
กลับกันเถอะ
จงอินตอบรับก่อนจะจูงฟิกเกียร์เดินไปริมถนนแบบช้า
ๆ เพื่อให้คนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างๆ
ก้าวเดินตามทัน
“มีนัดโทรคุยอะไรกับแบคฮยอน”
“คะ..คือ...”
กิริยาอ้ำอึ้งของร่างบางทำให้จงอินรู้สึกแปลกใจ
“คืออะไร”
คยองซูสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะรีบกลั้นใจพูด
“แบคถามว่า พวกเราเป็นอะไรกัน เป็นพี่น้องหรือแฟน”
“แล้วทีนี้เราจะตอบเพื่อนว่าไง”
ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเขินจนหน้าดำหน้าแดงจงอินก็อดเย้าไม่ได้
“ชิ...จะบอกอะไรได้ก็พี่ยังไม่ขอ”
“พี่รักนาย เป็นแฟนกันนะ”
ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
มันรวดเร็วจนปรับอารมณ์ตามไม่ทันร่างสูง
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับคุณแฟน”
จุ๊บ…จุ๊บ
แถมจงอินยังส่งยิ้มกระชากใจให้ร่างบาง
โดยไม่คิดจะรอคำตอบเพราะตัวเขาเองรู้อยู่แล้วว่าคำตอบของคนหน้าแดงและเป็นเพื่อนบ้านกันจะตอบว่ายังไง
ความรักของเราสองคนเริ่มต้นขึ้นแบบค่อย
ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป
คยองซูมองตามหลังร่างสูงที่เปิดประตูเข้าบ้านตัวเองไปแล้วก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าบ้านตัวเองที่ตั้งอยู่ข้าง
ๆ บ้าง
ตอนนี้ร่างบางสามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้ว
ว่ารักคืออะไร
END
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น