วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Shine:Intro

[Fic EXO] Shine [Kaido,Chanbaek, Hunhan]
By winata

Intro :


             อาชาสีขาวปลอดช่างรู้ใจผู้เป็นนายห้อตะบึงยังทุ่งกว้างราวกับธนูที่พุ่งออกจากแล่ง  ราวกับนั่งอยู่กลางใจของร่างโปร่งบางที่นั่งหลังตรงอยู่บนหลังมัน  ที่ตอนนี้ใบหน้าหวานคมมีรอยยิ้มพรายบ่งบอกถึงความสุขจนท่วมท้นยามอยู่หลังสัตว์เลี้ยงแสนรัก

             เจ้านายหนุ่มค่อย ๆ รั้งสายบังเหียนให้ม้าหนุ่มนามว่า จางโฮ ผ่อนฝีเท้าลงจนมันหยุดนิ่ง  มือเรียวบางลูบแผงคอของอาชาหนุ่มอย่างรักใคร่  เจ้าจางโฮหายใจฟืดฟาดส่งเสียงในลำคอ

             “จางโฮ  พักซะนะ  อย่าเดินไปเล็มหญ้าไกลจากเรามากนะ” บอกเบา ๆ เพราะจางโฮถือว่าเป็นอาชาที่แสนรู้  ซึ่งร่างโปร่งบางเลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด


             นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองม้าของตนเองที่ยังไม่ห่างไปไหนไกล  เพราะยืนเล็มหญ้าอยู่ใกล้ ๆ พลางเงยหน้าขึ้นมามองผู้นายสลับกันไปเป็นระยะ  ก่อนที่หันไปมองแนวเทือกเขาสูงที่กั้น พูยอ ออกจากสามอาณาจักรซึ่งหากข้ามเทือกเขาที่นอนทอดยาวไกลราวกับไม่มีที่สิ้นสุด คือ ทงเย  รอกเจ และมาฮัน  สามอาณาจักรที่มีเสียงเล่าลือแผกแตกต่างกันไป

             มาฮัน อาณาแห่งการค้าเสรีซึ่งถือเป็นอาณาที่มีความสำคัญที่สุดเพราะเป็นอาณาจักรเดียวที่มีพรมแดนติดกับทั้งสามอาณาจักร

             รอกเจ อาณาที่ราชันปกครองแบบทศพิธราชธรรม  มีความสัมพันธไมตรีดีที่ดีต่ออาณาเพื่อนบ้านทั้งใหญ่น้อย


           ส่วนทงเย  ที่ขึ้นชื่อว่าองค์ราชันบ้าเลือดชอบสงครามเป็นชีวิต  ใฝ่แต่สัประยุทธ์ รบราเพื่อชิงเมืองเล็กให้สิโรราบต่ออาณาจักรของตนเอง


             หาใช่เรื่องแปลก ที่นามขององค์ราชันแห่งทงเยที่ชื่อ  คิมจงอิน จะใช่เป็นที่น่าจดจำหรือกล่าวขวัญ แล้วยิ่งข่าวลือที่พระองค์น้ำพระทัยโหดร้าย  อำมหิต โปรดการดื่มโลหิตของเฉลยมากกว่าการดื่มสุธารส

             พลันคิดไปหากทงเยคิดยกทัพมาบุกพูยอแล้วไซร้  คงยากนักที่...

             “ฮี่ๆ...” เสียงจางโฮร้องขึ้นอย่างตกใจทำให้ร่างโปร่งหันกลับไปมอง  เพราะจางโฮเป็นม้าชั้นดีที่ถูกฝึกแต่เล็กๆ หากไม่ใช่เรื่องใหญ่คงไม่ร้องอย่างตกใจเช่นนี้

             “จางโฮ..” ผู้เป็นเจ้าของครางชื่อม้าด้วยความร้อนใจเพราะเสียงเจ้าจางโฮทวีความเกรี้ยวกราดและโมโหผิดแผกไปเช่นทุกที 


             เมื่อร่างโปร่งบางวิ่งมาถึงต้นเสียงก็ตกใจแทบสิ้นเมื่อเห็นจางโฮถูกบ่วงบาศสีน้ำตาลเส้นหนาคล้องคอไว้อย่างแน่นหนา  ที่ตอนนี้ตัวมันกำลังดิ้นอย่างหนัก  แต่หาได้หลุดไม่เพราะตอนนี้มีบุรุษเจ้าของบ่วงบาศดึงไว้แน่น  แม้จะกะด้วยสายตาคร่าว ๆ ลำแขนแกร่งของชายแปลกหน้าและแต่งตัวแปลกก็ดูแกร่งกล้าเหลือ  มือหนึ่งรั้งบังเหียนม้าที่ตนนั่งหลังตรงส่วนอีกมือก็จับเชือกเส้นที่เป็นบ่วงบาศคล้องคอเจ้าจางโฮไว้แน่นหนา

             “หยุดเดี๋ยวนี้นะ  จงปล่อยม้าของเราเสีย” อดทนไม่ไหวยิ่งเห็นอาการดิ้นจนเหนื่อยหอบของจางโฮที่ตอนนี้ผละกำลังดูเหมือนจะเริ่มหมดลงเรื่อย ๆ

             เสียงร้องออกคำสั่งแบบไม่กลัวเกรง  ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงต้องหันตัวกลับมามองยังต้นเสียงพร้อมกระตุกบ่วงบาศให้อาชาสีขาวปลอดเดินตามอาชายอดหนักรบสีนิลมาติด ๆ อย่างไม่ปราณี


             นัยน์ตาคมเมื่อเห็นร่างโปร่งบางของหนุ่มน้อยที่คงเพิ่งแตกหนุ่ม  ใบหน้าหวานใสที่มองผ่านเกือบจะคล้ายเด็กสาวเรียกรอยยิ้มแกมหยันให้เกิดบนริมฝีปากบางหยักได้

             “ไหนกัน...ทำไมเราถึงได้เห็นแต่ม้าของเรา” ร่างสูงที่ยังนั่งอยู่บนอาชาสีนิลลองแหย่ดูเสียหน่อย

             “ม้าของเราต่างหาก” ใบหน้าหวานเชิดขึ้น  ประสานสายตาแบบไม่คิดหลบ

             “เมื่อก่อนอาจจะใช่  แต่ตอนนี้เจ้านี้ตกเป็นของเราแล้วเจ้าเด็กน้อย”

             “จะ..เจ้า..อึ่ย  แต่ยังไงจางโฮก็ยังถือว่าเป็นม้าของเราอยู่”  ยังคงปักหลักเถียงไม่เลิกและเดินเข้าไปใกล้ม้าตนเองเองแบบไม่เกรงต่อชายแปลกหน้าเลยสักนิด


             “แต่ไม่นานจางโฮจะเรียนรู้กับการอยู่กับนายคนใหม่”


             “เจ้า!!!  เจ้าคิดจะปล้นม้าเราหรือนี้  ซึ่ง ๆ หน้าเลย  ไม่ใช่สิแบบหน้าด้าน ๆ เสียมากกว่าทั้งที่ดูก็รู้ว่าม้าตัวนี้มันมีเจ้าของ” ร่างโปร่งบางอดไม่ไหวต้องขึ้นเสียงเกรี้ยวดกราดทั้งที่ปกติไม่เคยสักครั้งที่ได้ขึ้นเสียงใส่ใคร!!!


             “หากตาเจ้าไม่มืดบอด  ก็คงเห็นบ่วงบาศที่คล้องคอเจ้าจางโฮอยู่” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แววตานั้นจงใจรวนใส่ร่างโปร่งบางที่แสนนี้แอบสงสารนิด ๆ กับการต้องแหงนคอขึ้นมาคุย

             “ฮา ๆ เจ้าเด็กน้อยเราจะปล่อยม้าของเจ้าก็ได้  แต่เรามีข้อแม้เพียงข้อเดียว”

             “เจ้า!!!” ร่างโปร่งบางที่เริ่มจะปวดคอเพราะต้องแหงนหน้ามองชายแปลกหน้าที่ตนเพิ่งมีโอกาสสังเกตการแต่งกายที่บ่งบอกว่าเป็นชาวทงเยด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์

             “ตามใจเจ้า  หากเจ้าไม่อยากได้ม้าเจ้าคืน  หวังว่าคงจะเพลิดเพลินกับการเดินเท้า”

             “ว่าเงื่อนไขของเจ้ามา”

             “เอ่ยสรรเสริญองค์ราชันของเรา  คิมจงอิน องค์ราชันผู้เกรียงไกรในใต้หล้า” น้ำเสียงกังวานก้องประกาศย้ำความเกริกเกียรติและยิ่งใหญ่กว่าทั่วแคว้นและอาณาจักรอื่น ๆ

             “ถ้าเราไม่พูด...”

             “เจ้าคงไม่ได้เห็นจางโฮอีก...และคงไม่พูดอะไรที่จะย้อนทำร้ายเจ้าหรอกนะ”

             สามหาว!!!

             เจ้าบุรุษแสนโอหังหากในมือเรามีองครักษ์ตามเสด็จสักหมู่เล่า  งานนี้อย่าหวังเจ้าจะได้ตายดี

             “ยังไงที่นี้คือแผ่นดินของพูยอ  ถ้าเราจะกล่าวสรรเสริญถึงองค์ราชัน  เราก็จะสรรเสริญถึงองค์ยุนโฮและองค์แจจุงที่ทรงไว้ถึงทศพิธและความรักความเมตตาต่อประชาชน  หาใช่องค์ราชันที่กระหายแต่สงครามไม่”

             ดวงตาคมกร้าวขึ้นราวกับพยัคฆ์ที่พร้อมจะกระโจนสังหารเหยื่อ

             “วาจาเจ้า  ช่างเกินตัวเสียจริงเจ้าเด็กน้อย  แต่เอาเถอะสักวันเจ้าจะต้องก้มหน้าสรรเสริญองค์จงอินด้วยใจภักดีให้จงได้”

             “ตราบแผ่นดินกลบหน้าเราก็จะไม่มีวันนั้น”

             “แล้วเจ้าจะเสียใจเมื่อถึงวันนั้น” สิ้นเสียงร่างโปร่งบางแทบจะกระโดดหลบไม่ทันเมื่อเจ้าอาชาสีนิลที่เจ้าของจงใจควบพุ่งตรงมายังที่..ที่เขายืนอยู่เมื่อครู่  พร้อมกับปล่อยเจ้าจางโฮที่ยังมีเชือกบ่วงบาศเส้นหนาคล้องคออยู่

             “ไม่เป็นไรนะจางโฮ” เอ่ยปลอบขวัญพร้อมกับปลดบ่วงบาศออกจากคอม้าของตนเอง  ทั้งที่โยนเชือกทิ้งไปแล้วแต่ร่างโปร่งบางก็เปลี่ยนใจชักม้ากลับไปทางเดิมเพื่อเก็บเชือกเส้นหนามัดใส่ด้านหลังอานม้ากลับไปด้วย




 ++++++tbc++++++++++++++++++++++

1 ความคิดเห็น:

  1. มาอ่านอินโทรแล้วค่ะ
    น่าสนใจนี่หน่า.. พี่ไม่ติหรอก ๕๕๕๕๕

    ตอบลบ