[Fic EXO] Shine [Kaido,Chanbaek, Hunhan]
By winata
Intro :
อาชาสีขาวปลอดช่างรู้ใจผู้เป็นนายห้อตะบึงยังทุ่งกว้างราวกับธนูที่พุ่งออกจากแล่ง
ราวกับนั่งอยู่กลางใจของร่างโปร่งบางที่นั่งหลังตรงอยู่บนหลังมัน ที่ตอนนี้ใบหน้าหวานคมมีรอยยิ้มพรายบ่งบอกถึงความสุขจนท่วมท้นยามอยู่หลังสัตว์เลี้ยงแสนรัก
เจ้านายหนุ่มค่อย ๆ
รั้งสายบังเหียนให้ม้าหนุ่มนามว่า ‘จางโฮ’
ผ่อนฝีเท้าลงจนมันหยุดนิ่ง
มือเรียวบางลูบแผงคอของอาชาหนุ่มอย่างรักใคร่ เจ้าจางโฮหายใจฟืดฟาดส่งเสียงในลำคอ
“จางโฮ พักซะนะ
อย่าเดินไปเล็มหญ้าไกลจากเรามากนะ” บอกเบา ๆ
เพราะจางโฮถือว่าเป็นอาชาที่แสนรู้
ซึ่งร่างโปร่งบางเลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองม้าของตนเองที่ยังไม่ห่างไปไหนไกล เพราะยืนเล็มหญ้าอยู่ใกล้ ๆ
พลางเงยหน้าขึ้นมามองผู้นายสลับกันไปเป็นระยะ
ก่อนที่หันไปมองแนวเทือกเขาสูงที่กั้น ‘พูยอ’
ออกจากสามอาณาจักรซึ่งหากข้ามเทือกเขาที่นอนทอดยาวไกลราวกับไม่มีที่สิ้นสุด คือ
ทงเย รอกเจ และมาฮัน สามอาณาจักรที่มีเสียงเล่าลือแผกแตกต่างกันไป
มาฮัน
อาณาแห่งการค้าเสรีซึ่งถือเป็นอาณาที่มีความสำคัญที่สุดเพราะเป็นอาณาจักรเดียวที่มีพรมแดนติดกับทั้งสามอาณาจักร
รอกเจ
อาณาที่ราชันปกครองแบบทศพิธราชธรรม
มีความสัมพันธไมตรีดีที่ดีต่ออาณาเพื่อนบ้านทั้งใหญ่น้อย
ส่วนทงเย
ที่ขึ้นชื่อว่าองค์ราชันบ้าเลือดชอบสงครามเป็นชีวิต ใฝ่แต่สัประยุทธ์ รบราเพื่อชิงเมืองเล็กให้สิโรราบต่ออาณาจักรของตนเอง
หาใช่เรื่องแปลก
ที่นามขององค์ราชันแห่งทงเยที่ชื่อ
คิมจงอิน จะใช่เป็นที่น่าจดจำหรือกล่าวขวัญ
แล้วยิ่งข่าวลือที่พระองค์น้ำพระทัยโหดร้าย
อำมหิต โปรดการดื่มโลหิตของเฉลยมากกว่าการดื่มสุธารส
พลันคิดไปหากทงเยคิดยกทัพมาบุกพูยอแล้วไซร้
คงยากนักที่...
“ฮี่ๆ...”
เสียงจางโฮร้องขึ้นอย่างตกใจทำให้ร่างโปร่งหันกลับไปมอง เพราะจางโฮเป็นม้าชั้นดีที่ถูกฝึกแต่เล็กๆ
หากไม่ใช่เรื่องใหญ่คงไม่ร้องอย่างตกใจเช่นนี้
“จางโฮ..”
ผู้เป็นเจ้าของครางชื่อม้าด้วยความร้อนใจเพราะเสียงเจ้าจางโฮทวีความเกรี้ยวกราดและโมโหผิดแผกไปเช่นทุกที
เมื่อร่างโปร่งบางวิ่งมาถึงต้นเสียงก็ตกใจแทบสิ้นเมื่อเห็นจางโฮถูกบ่วงบาศสีน้ำตาลเส้นหนาคล้องคอไว้อย่างแน่นหนา ที่ตอนนี้ตัวมันกำลังดิ้นอย่างหนัก แต่หาได้หลุดไม่เพราะตอนนี้มีบุรุษเจ้าของบ่วงบาศดึงไว้แน่น แม้จะกะด้วยสายตาคร่าว ๆ ลำแขนแกร่งของชายแปลกหน้าและแต่งตัวแปลกก็ดูแกร่งกล้าเหลือ
มือหนึ่งรั้งบังเหียนม้าที่ตนนั่งหลังตรงส่วนอีกมือก็จับเชือกเส้นที่เป็นบ่วงบาศคล้องคอเจ้าจางโฮไว้แน่นหนา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ จงปล่อยม้าของเราเสีย”
อดทนไม่ไหวยิ่งเห็นอาการดิ้นจนเหนื่อยหอบของจางโฮที่ตอนนี้ผละกำลังดูเหมือนจะเริ่มหมดลงเรื่อย
ๆ
เสียงร้องออกคำสั่งแบบไม่กลัวเกรง ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงต้องหันตัวกลับมามองยังต้นเสียงพร้อมกระตุกบ่วงบาศให้อาชาสีขาวปลอดเดินตามอาชายอดหนักรบสีนิลมาติด
ๆ อย่างไม่ปราณี
นัยน์ตาคมเมื่อเห็นร่างโปร่งบางของหนุ่มน้อยที่คงเพิ่งแตกหนุ่ม
ใบหน้าหวานใสที่มองผ่านเกือบจะคล้ายเด็กสาวเรียกรอยยิ้มแกมหยันให้เกิดบนริมฝีปากบางหยักได้
“ไหนกัน...ทำไมเราถึงได้เห็นแต่ม้าของเรา”
ร่างสูงที่ยังนั่งอยู่บนอาชาสีนิลลองแหย่ดูเสียหน่อย
“ม้าของเราต่างหาก” ใบหน้าหวานเชิดขึ้น ประสานสายตาแบบไม่คิดหลบ
“เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้เจ้านี้ตกเป็นของเราแล้วเจ้าเด็กน้อย”
“จะ..เจ้า..อึ่ย
แต่ยังไงจางโฮก็ยังถือว่าเป็นม้าของเราอยู่”
ยังคงปักหลักเถียงไม่เลิกและเดินเข้าไปใกล้ม้าตนเองเองแบบไม่เกรงต่อชายแปลกหน้าเลยสักนิด
“แต่ไม่นานจางโฮจะเรียนรู้กับการอยู่กับนายคนใหม่”
“เจ้า!!!
เจ้าคิดจะปล้นม้าเราหรือนี้ ซึ่ง ๆ
หน้าเลย ไม่ใช่สิแบบหน้าด้าน ๆ
เสียมากกว่าทั้งที่ดูก็รู้ว่าม้าตัวนี้มันมีเจ้าของ” ร่างโปร่งบางอดไม่ไหวต้องขึ้นเสียงเกรี้ยวดกราดทั้งที่ปกติไม่เคยสักครั้งที่ได้ขึ้นเสียงใส่ใคร!!!
“หากตาเจ้าไม่มืดบอด ก็คงเห็นบ่วงบาศที่คล้องคอเจ้าจางโฮอยู่”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แววตานั้นจงใจรวนใส่ร่างโปร่งบางที่แสนนี้แอบสงสารนิด
ๆ กับการต้องแหงนคอขึ้นมาคุย
“ฮา ๆ
เจ้าเด็กน้อยเราจะปล่อยม้าของเจ้าก็ได้
แต่เรามีข้อแม้เพียงข้อเดียว”
“เจ้า!!!” ร่างโปร่งบางที่เริ่มจะปวดคอเพราะต้องแหงนหน้ามองชายแปลกหน้าที่ตนเพิ่งมีโอกาสสังเกตการแต่งกายที่บ่งบอกว่าเป็นชาวทงเยด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์
“ตามใจเจ้า หากเจ้าไม่อยากได้ม้าเจ้าคืน หวังว่าคงจะเพลิดเพลินกับการเดินเท้า”
“ว่าเงื่อนไขของเจ้ามา”
“เอ่ยสรรเสริญองค์ราชันของเรา คิมจงอิน องค์ราชันผู้เกรียงไกรในใต้หล้า” น้ำเสียงกังวานก้องประกาศย้ำความเกริกเกียรติและยิ่งใหญ่กว่าทั่วแคว้นและอาณาจักรอื่น
ๆ
“ถ้าเราไม่พูด...”
“เจ้าคงไม่ได้เห็นจางโฮอีก...และคงไม่พูดอะไรที่จะย้อนทำร้ายเจ้าหรอกนะ”
สามหาว!!!
เจ้าบุรุษแสนโอหังหากในมือเรามีองครักษ์ตามเสด็จสักหมู่เล่า งานนี้อย่าหวังเจ้าจะได้ตายดี
“ยังไงที่นี้คือแผ่นดินของพูยอ ถ้าเราจะกล่าวสรรเสริญถึงองค์ราชัน เราก็จะสรรเสริญถึงองค์ยุนโฮและองค์แจจุงที่ทรงไว้ถึงทศพิธและความรักความเมตตาต่อประชาชน หาใช่องค์ราชันที่กระหายแต่สงครามไม่”
ดวงตาคมกร้าวขึ้นราวกับพยัคฆ์ที่พร้อมจะกระโจนสังหารเหยื่อ
“วาจาเจ้า ช่างเกินตัวเสียจริงเจ้าเด็กน้อย
แต่เอาเถอะสักวันเจ้าจะต้องก้มหน้าสรรเสริญองค์จงอินด้วยใจภักดีให้จงได้”
“ตราบแผ่นดินกลบหน้าเราก็จะไม่มีวันนั้น”
“แล้วเจ้าจะเสียใจเมื่อถึงวันนั้น”
สิ้นเสียงร่างโปร่งบางแทบจะกระโดดหลบไม่ทันเมื่อเจ้าอาชาสีนิลที่เจ้าของจงใจควบพุ่งตรงมายังที่..ที่เขายืนอยู่เมื่อครู่
พร้อมกับปล่อยเจ้าจางโฮที่ยังมีเชือกบ่วงบาศเส้นหนาคล้องคออยู่
“ไม่เป็นไรนะจางโฮ”
เอ่ยปลอบขวัญพร้อมกับปลดบ่วงบาศออกจากคอม้าของตนเอง ทั้งที่โยนเชือกทิ้งไปแล้วแต่ร่างโปร่งบางก็เปลี่ยนใจชักม้ากลับไปทางเดิมเพื่อเก็บเชือกเส้นหนามัดใส่ด้านหลังอานม้ากลับไปด้วย
++++++tbc++++++++++++++++++++++
มาอ่านอินโทรแล้วค่ะ
ตอบลบน่าสนใจนี่หน่า.. พี่ไม่ติหรอก ๕๕๕๕๕