วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

SF: Unexpectedly_ [KrisHun]

SF: Unexpectedly_ [KrisHun]

Pairing :   KrisHun
By  winata
Note:เขียนให้ใครบางคน  รู้ตัวนะคะ...ออมม่าเขียนให้แล้ว ^^ 


            เรารู้จักกันมานาน...
แต่ไม่เคยที่มีแม้ความกล้าพอที่พูดกับคุณ 
ทั้งที่ตัวผมอยากจะจับมือและจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากบาง ๆ นั้นตลอดเวลา


         กลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วระคนกลิ่นของนมสดที่มันคละคลุ้งภายในคาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยฮงอิกที่มีชื่อเสียงทางศิลปะที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้  สองบาริสต้าหนุ่มกำลังสาละวนกับออเดอร์ของคุณค้าที่พร้อมใจมาอุดหนุนตั้งแต่เช้าจนตอนสายมากแล้วคนถึงได้บางตาลงไป  หลังจากเมื่อเช้าที่แทบจะไม่มีโต๊ะให้ลูกค้านั่ง


10.30 น.

            “เอ่อ...สวัสดีครับ  วันนี้รับมะ..เหมือนเดิมรึเปล่า”

            “ครับ”

            ร่างสูงร้อยเก้าสิบกว่า ๆ มองตามหลังร่างโปร่งที่มีรูปลักษณ์สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น  ตั้งแต่อีกฝ่ายมาเป็นลูกค้าที่ร้านแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน  ผิวขาวราวหิมะ  ผมเส้นเล็กที่ตอนนี้เจ้าตัวทำสีรุ้ง ดวงตารีเรียวคู่สวยที่มันจะยีจนเป็นพระจันทร์เสี้ยวทุกครั้งที่เจ้าตัวยิ้ม  แต่เชื่อเถอะว่าเขานับครั้งได้ว่าอีกฝ่ายยิ้มแบบนั้นได้เพราะนอกนั้นร่างโปร่งจะมีแค่ใบหน้านิ่งเฉยและสนใจแค่สมุดสเกตรูปของตัวเองเท่านั้น

            “อ้าวคุณมึง  มัวแต่เหม่อสรุปจะทำเองหรือให้กูทำออเดอร์น้องเค้าวะ” ร่างสูงตวัดสายตาคมมองเพื่อนสนิทที่เป็นหุ้นส่วนของร้านอีกคนที่ใบหน้าคมเข้มกำลังยักคิ้วแบบกวน ๆ ก่อนจะถลาเบียดตัวเขาออกจากหน้าเคาน์เตอร์ที่เห็นลูกค้าคนใหม่เปิดประตูเข้ามา  กิริยานั้นมันทำให้เขาคิดถึงเจ้ามงกูสัตว์เลี้ยงของเพื่อนสนิทเวลาจะได้กินอาหารเสียจริง ๆ

            คริสหมุนตัวไปทำแซนวิชแฮมชีสพร้อมกับนมคาราเมลร้อนทันที  ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเมนูประจำที่ร่างโปร่งสั่งทุกครั้งที่เข้ามาที่ร้านก็เสร็จเรียบร้อย

            “เอ่อ  คุณครับ แซนวิชแฮมชีสพร้อมกับนมคาราเมลได้แล้วรับ” ขนาดพูดเองคริสยังรู้เลยว่าเสียงของตัวมันสั่นแค่ไหน

            เหมือนว่าเจ้าของออเดอร์จะคอยอยู่แล้วเพราะทันทีที่คริสพูดจบ  คนเป็นลูกค้าก็ลุกมารับถาดใบเล็กที่บรรจุแก้วนมคาราเมลที่วันนี้คุณบาริสต้าทำคาราเมลเป็นรูปกระต่าย

            “ขอบคุณครับ”

            แค่นั้นจริง ๆ บทสนทนาระหว่างพวกเขาในตลอดหลายปี  ยกเว้นอีกคนที่ทำหน้าที่สอดได้ทุกอย่าง

            “อร่อยไหมครับน้องเซฮุน  เมื่อไหร่จะเปลี่ยนมาลองชิมกาแฟของร้านพี่สักที”


            คริสแอบถอนหายใจเมื่อเพื่อนสนิทตัวดีที่เมื่อกี้ยังลัลล้ากับการหยอดคำหวานบวกตอดนิดตอดหน่อยคนตาคมเข้มที่สะพายเป้กุชชี่คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดอยู่แท้ ๆ และแน่นอนคนที่ถูกจงอินถามเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดสเกตภาพแล้วยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป



ตลอดเวลาที่คิดถึงคุณ
ผมคิดเสมอว่าที่ผ่านมานั้น...ควรวางแผนที่จะทำความรู้จักคุณมากกว่านี้
แต่.....ผมไม่เคยจะกล้านับตั้งแต่รู้ว่าตกหลุมรักคุณ



23.30 น.

            แก้วใบสุดท้ายถูกคริสใช้ผ้าเช็ดก่อนจะเรียงบนชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ   วันนี้เป็นแรกในรอบหลายวันที่คาเฟ่เลิฟลาเต้ปิดร้านไว  ที่จริงมันไวขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตั้งแต่หุ้นส่วนอีกคนของร้านต้องไปปฏิบัติการจีบใครบางคนที่เจ้าตัวสนใจออกหน้าออกตาตั้งแต่ได้เจอกันเมื่อหลายเดือนก่อน  ไม่รู้จะยังไงดีเพราะฝ่ายนั้นก็มาเป็นลูกค้าย่างเข้าปีสามพอๆ กับเซฮุนเลยก็ว่าได้  แต่เชื่อเถอะทุกครั้งที่อีกฝ่ายแวะมาที่ร้านครั้งใดต้องสวนทางกับจงอินที่ออกไปส่งออเดอร์ลูกค้าหรือทำงานอยู่หลังร้านทุกที

         เพราะตอนนี้ที่กวางโจวล่วงเข้าสู่วันที่6พฤศจิกายนแล้ว  ร่างสูงรับสายมารดาที่ไปเยี่ยมญาติที่จีนก่อนจะกลับแคนาดาโทรมาอวยพรวันเกิด  การที่ได้คุยกับคนที่เรารักและรักเราในวันสำคัญของตัวเองมันทำให้เขารู้สึกตัวลอย  อีกไม่กี่นาทีตามเวลาเกาหลีจะถึงวันเกิดของเขาแล้ว  จังหวะที่กดล็อคประตูร้านแล้วหมุนออกสู่ถนนเพื่อนั่งรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกลับยังคอนโดซึ่งแน่นอนว่านอกจากคริสและจงอินจะเป็นหุ้นส่วนร้านกาแฟกันแล้ว  พวกเขายังเป็นรูมเมทกันอีกด้วยถ้าจะให้ท้าวความคงตั้งแต่พวกเขาทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เรียนไฮสกูลที่แวนคูเวอร์จนเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย  ด้วยที่ยังไม่อยากสานต่อกิจการของที่บ้านในตอนนี้พวกเขาเลยตัดสินใจมาเปิดร้านกาแฟที่บรรยากาศอบอุ่นเพราะต่างชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ

            “เซฮุน” คริสอุทานอย่างแผ่วเบา  เมื่อเห็นร่างโปร่งที่กำลังเดินข้ามถนนมายังฝั่งที่เขายืนอยู่

            ดวงตาสองคู่ต่างสบกันก่อนจะรีบเสตาหันไปมองที่อื่น  แต่จังหวะการเดินเคียงข้างกันค่อย ๆ ก้าวไปพร้อม ๆ กัน

            “กลับดึกนะครับวันนี้” คริสเอ่ยปากชวนสนทนาขึ้นมาก่อนหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่เดินมาหยุดที่ป้ายรถเมล์

            “งานที่คณะเพิ่งเสร็จครับ” เซฮุนตอบกลับเบา ๆ พร้อมกระชับกระดาษวาดรูปที่ต้องเอากลับไปแก้รวมถึงสมุดสเกตภาพคู่ใจให้แน่นขึ้นเมื่อเห็นรถเมล์สายที่ตัวเองต้องขึ้นกลับบ้านกำลังแล่นเข้ามาใกล้ถึงป้ายเข้าไปทุกที

            “สุขสันต์วันเกิดครับ  พี่อี้ฟาน”

            รถเมล์ที่เซฮุนแล่นออกไปนานแล้วทิ้งให้คนที่ถูกอวยพรวันเกิดยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งแรงสั่นสะเทือนของมือถือในมือสั่นขึ้นทำให้เขารู้สึกตัว

            “เฮ้ยมึง  อยู่ไหนนี่กูรอฉลองอยู่ห้องจนจะหลับแล้วนะโว้ยไอ้คริส” เสียงเพื่อนสนิทที่ดังมาตามสายบ่นไปตามนิสัยไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกรำคาญเลยสักนิด

            “อืม  กำลังจะกลับแล้วน้า  ถ้ากินหม้อไฟหมดก่อนมีกระทืบแน่ไอ้หมีดำ”

            วางสายเพื่อนสนิทก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นมาจับตรงหน้าอกซ้ายของตัวเองที่ตอนนี้มันยังเต้นแรงอยู่กับคำอวยพรของเซฮุนที่เขาไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดเขา   แต่อย่างน้อยในวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบสี่ปีอู๋อี้ฟานได้รับคำอวยพรจากคนที่ตัวเองรู้สึกดี ๆ ด้วยจนรู้ว่าไม่ต้องคำอวยพรหรือของขวัญใด ๆ อีกแล้ว



คนเราอาจตามอะไรมาตลอดทั้งที่สิ่งนั้นอยู่ข้าง ๆ เราตลอดมา
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งนั้นอยู่ใกล้ตัวผมแค่ไหน?
แล้วผมควรทำยังไงดี?
เมื่อคนที่ผมตกหลุมรัก...ก็ตกหลุมรักผมอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน



            เซฮุนที่หยุดอยู่หน้าร้านคาเฟ่เลิฟลาเต้ที่ตัวเองแทบจะผูกติดมื้อเช้าหรือเที่ยงแทบจะทุกวันตั้งแต่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮงอิก   จู่ ๆ วันนี้ก็เกิดอาการก้าวขาไม่ออกและไม่กล้าพอจะผลักประตูเข้าไปในร้านเหมือนกับทุกวัน
            “อ้าว  วันนี้ไม่แวะที่ร้านเหรอเซฮุน ไป๋ๆ วันนี้ป๋าจงอินใจดีจะเลี้ยงเอง” จงอินที่เพิ่งไปส่งออเดอร์ให้ร้านบูติกที่อยู่ถัดไปสองร้านพูดขึ้นเมื่อเห็นกิริยากล้า ๆ กล้าของร่างโปร่ง   แล้วไหนจะอาการของเพื่อนสนิทที่ตั้งแต่เช้าที่ชะเง้อคอมองประตูร้านทุกห้านาที

            เชื่อคิมจงอินเถอะมันต้องมีอะไรในกอไผ่!!!

            “คะ..คือ....”

            “เอาน้า  นายอุตส่าห์มาเป็นลูกค้าประจำร้านพี่ตั้งนาน  มาม่ะอย่าได้เกรงใจ”

            แน่นอนโอเซฮุนอ้าปากพูดไม่ทันจงอินกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกจูงเข้ามาในร้านกาแฟที่ตัวเขาเองชอบในการออกแบบอย่างอบอุ่นและสบาย ๆ เป็นการตบแต่งแบบวินเทจเรียบ ๆ ไม่หวานจ๋าแต่ให้ความอบอุ่นในความรู้สึกเหมือนกับนมร้อนคาราเมลที่เขาชอบดื่ม

            เพราะเซฮุนหลบสายตาคมที่ถูกส่งมาพร้อมรอยยิ้มที่วันนี้เขารู้สึกได้ว่ามันกว้างกว่าทุกวันทำให้รู้สึกร้อนวูบที่สองข้างแก้มจนไม่ทันระวังโต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังจะลุกทำให้เซฮุนโดนแก้วโกโก้เย็นของอีกฝ่ายหกใส่แขนเสื้อ

            “ขอโทษนะคะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

            “ไม่เป็นไรครับ  ผมเองก็ไม่ทันระวัง” เซฮุนบอกพร้อมกับยิ้มนิดๆ ให้หญิงสาวที่ดูจากการแต่งกายดูก็รู้ว่าเรียนที่เดียวกัน          

            “ไปล้างแขนเถอะ  เดี๋ยวพวกนี้พี่เก็บให้เอง”

            เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองคนที่มายืนประชิดตัวเองตอนไหนอย่างงง ๆ ก่อนจะเดินไปยังส่วนหลังของร้านเพื่อไปล้างคราบโกโก้ที่ตอนนี้มันเริ่มเหนียวออกจากแขน  แล้วดวงตาเรียวก็เบิกขึ้นเมื่อเพิ่งนึกได้ว่า “พวกนี้” ที่คริสเสนอตัวจะเก็บให้นั้นมีอะไรบางอย่างอยู่ด้วยที่ตัวเขาเองยังไม่พร้อมให้อีกฝ่ายเห็นมัน!!!

            “อ้าวมาพอดีเลย” จงอินที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทักก่อนจะรับถาดออเดอร์ประจำตัวของเซฮุนมาเซิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

            เซฮุนถึงกับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะกระดาษวาดรูปและสมุดสเกตภาพยังอยู่ในสภาพปกติ  แม้จะไม่ได้หันกลับไปมองที่เคาน์เตอร์ที่ยังได้ยินเสียงสั่งกาแฟหรือเมนูเฟรปเป้ยอดฮิตของร้านแต่คนร่างโปร่งกับรู้สึกสายตาของใครบางคนที่มองตัวเองมาตลอด  ซึ่งมันแตกต่างจากปกติที่อีกฝ่ายแค่นานๆ จะมองมาสักครั้ง

            มือเรียวที่วางดินสอลงเพราะรูปที่ร่างไว้เกือบเสร็จแล้วเหลือแค่เก็บรายละเอียดอีกนิดน้อย  ก่อนจะใช้ซ้อมจิ้มแซนวิซแฮมชีสชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนที่คิ้วสวยได้รูปจะเลิกขึ้นเมื่อเห็นกระดาษสีขาวแผ่นเล็กอยู่บนจาน  ด้วยความสงสัยเซฮุนเลยยิ้มขึ้นมาคลี่ดูก่อนที่สองแก้มเนียนจะเจือด้วยสีระเรื่อ


           
            บ่ายนี้ไปเดทกันนะครับ  พี่จะรอที่ป้ายรถเมล์
                                                            อู๋อี้ฟาน



            เซฮุนรีบเก็บกระดาษแผ่นเล็กใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะรีบคว้าข้าวของ...ของตัวเองขึ้นมาเพราะว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงใกล้เวลาเข้าเรียน  แต่มันติดอยู่ร่างสูงของบาริสต้าที่ทำให้หัวใจเขาเต้นเร็วผิดปกติมายืนขว้างทางเซฮุนเอาไว้

            “เห็นโน้ตพี่แล้วใช่ไหมครับ”

            ตอนนี้เซฮุนหรุบตามองพื้นหินอ่อนของร้านพร้อมผงกหัวรับ


            “แล้วคำตอบละครับ” แม้จะไม่เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อนั้นแต่โอเซฮุนก็รู้ได้จากน้ำเสียงว่าคนตัวสูงกว่าตัวเองจะมีดวงตาพราวระยิบขนาดไหน

            ตลอดเช้าวันนี้ไม่รู้ว่าคริสยิ้มไปแล้วกี่ครั้งคงเพราะคนที่ก้มหน้างุดอยู่ตรงหน้าแน่ ๆ ก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองนะว่าคนร่างโปร่งคงสนใจกันบ้างไม่มากก็น้อย  แต่ไม่คิดมาก่อนว่าพวกเขาต่างใจตรงกันเพราะรูปภาพในสมุดสเกตภาพที่ทุกหน้านั้นโอเซฮุนวาดรูปของเขาในทุกอิริยาบถแถมเขียนข้อความน่ารักและลงวันที่เอาไว้ทุกวันด้วย

            “ผมต้องไปเรียนแล้ว” เสียงอ่อย ๆ ของเซฮุนทำให้คริสตัดสินใจหลีกทางพร้อมกับช่วยอีกฝ่ายถือของแล้วเอื้อมมือไปจับมือเรียวขึ้นมากุมไว้ก่อนจะหันไปสั่งความเพื่อนสนิท

            “จงอินฝากร้านแป๊บ  นายอย่ามัวแต่จีบจื่อเทานะ” บอกเสร็จก็จูงมือเซฮุนเดินออกไปร้าน

            ใช่ว่าคริสจะไม่รู้สึกเขินที่จู่ ๆ วันนี้ลุกขึ้นมาทำอะไรที่ควรจะทำตั้งนานแล้ว

            แต่เมื่อคนเรามีความกล้าก็ควรจะทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน

            มือบางที่คริสจับอยู่นั้นเย็นจนเขารู้สึกได้และเขาก็รับรู้ได้ว่าเซฮุนคงรู้สึกเหมือนกันที่ตอนนี้มือของคริสก็เย็นไม่ต่างกัน


            “สะ...ส่งผมตรงนี้ก็พอแล้ว” เซฮุนบอกเมื่อพวกเขาทั้งคู่เดินข้ามถนนมาจนถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย

            “ละ...แล้วเจอกันที่ป้ายรถเมล์ครับพี่อี้ฟาน”

            “ตั้งใจเรียนนะเรา  ไว้คุยกัน” ว่าพร้อมยกมือยี้ผมสีรุ้งนั้นเบา ๆ ก่อนจะโบกมือให้ร่างโปร่งที่ตอนนี้เดินจ้ำอ้าวเข้ามหาวิทยาลัยไปอย่างรวดเร็ว

            นั้นสิ...อู๋อี้ฟานกับโอเซฮุนมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกันโดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ







            เอ๊ะ???????????
            ลืมอะไรไปรึเปล่า



            “นี่  จะเกาะกระจกมองคู่นั้นอีกนานไหม  ลูกค้าเค้ารอนานแล้วนะคิมจงอิน”  คนโดนเรียกที่กำลังเกาะกระจกร้านที่มันใสแจ๋วมองเพื่อนสนิทจูงมือว่าที่แฟนไปส่งที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย  หันมามองค้อนให้คนใช้น้ำเสียงดุ ๆ กับตัวเองก่อนจะเดินกลับมารับออเดอร์ที่หน้าเคาน์เตอร์จากนักศึกษาสาวสองคน  ที่ตอนนี้สนใจชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งพิมพ์งานพร้อมแมคบุคแล้วไหนจะกองหนังสือ เป้สะพายกุชชี่ที่ยึดเก้าอี้ว่างไว้อีกด้วย


            และแน่นอนต่อให้ลูกค้าเยอะแค่ไหนหรือไม่มีโต๊ะนั่งก็ไม่มีทางที่ฮวางจื่อเทาจะแชร์โต๊ะประจำตัวเองกับใคร  รวมไปถึงคุณเจ้าของร้านที่ไม่มีทางยอมแน่ ๆ

            “คุณครับ  รับอะไรดีครับ  หรือถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ก็หลีกทางให้ลูกค้าท่านอื่นสั่งก่อนเถอะ” สาบานได้ว่าคิมจงอินไม่เอ่ยพูดกับลูกค้าเสียงเขียวแบบนี้เลยจริง ๆ นะ -_-;;



Fin



C  U --->> Unexpectedly_ [TaoKai]
หลังจากงานยุ่งมากมายแล้วไปติ่งตามเด็กที่งานมาม่าแล้วตบท้ายที่SS5 at KL
วินาตะกลับมาแล้วจ้า

เดี๋ยวทยอยอัพฟิคแต่ละเรื่อง ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น