วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

OS:อ้อน(ภาคต่อของ นายเจ็บ...ฉันก็เจ็บเหมือนกัน) TaoKai

OS:อ้อน(ภาคต่อของ นายเจ็บ...ฉันก็เจ็บเหมือนกัน)
Pairing :   TaoKai
By  winata
Note: มาแบบสั้น >< ขอบคุณพล็อตจาก 2R_Rainbow_esoR  เขียนค้างไว้นานแล้วลืมลง ฮา ๆ คนเขียนเพิ่งหายป่วยหลังจากกระเพาะทะลุเพราะความเครียด ^^



                ...ว่างเปล่า...


                นั่นคือสิ่งที่เขาลืมตาขึ้นมองหลังจากกลับมาจากงานกีฬาสีไอดอล...วันนี้วันที่สองแล้วหลังจากบาดเจ็บ    ไม่มีใครอยู่ในห้องนอนที่แชร์กันระหว่างสมาชิกของวงสี่คน  ทันทีขยับตัวลุกขึ้นความเจ็บปวดก็แล่นจี๊ดจนต้องเบ้หน้าสะบักเอวที่ล้มผิดท่ากระแทกเบาะกำลังสำแดงฤทธิ์    ขนาดที่ว่าเมื่อคืนก่อนกลับมาจากการขึ้นไลฟ์อาการเจ็บช่วงหลังนั้นไม่สามารถปกปิดทุกคนในวงรวมถึงพี่ผู้จัดการได้  

                แม้ว่าตอนอยู่หน้ากล้องเขาจะทำตัวตามอิมเมจมักเน่เอบีสไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ   เดือดร้อนจนต้องเรียกหมอมาตรวจพร้อมฉีดแก้ไข้และยาแก้ปวดแต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่ได้ผล...

                รอยยับยู่ยี่บนที่นอนเย็นชืดอีกฝั่งตอนที่เขาลุกและค่อย ๆ กระถดตัวจากเตียงชั้นบนลงบันไดลงมาทั้งที่ปกติแทบจะกระโดดลงอยู่แล้วไม่เคยคิดจะใช้บันไดแต่วันนี้สังขารของฮวางจื่อเทาไม่อำนวย!!!

                ใบหน้าคมของนักร้องหนุ่มเชื้อสายจีนกำลังเริ่มบูดบึ้งเมื่อเปิดประตูห้องนอนออกมาเจอสมาชิกคนอื่น ๆ
ที่ฮวางจื่อเทาปรายตานับหัวได้ทั้งหมดแค่ 9 คนเท่านั้นเอง   ร่างสูงเดินกระแทกเท้าเข้าไปหาคริสที่กำลังยืนค้ำโซฟาดูหน้าจอไอแพดอยู่กับจุนมฮยอน


                “ตุ้ยจ่าง  กอดหน่อย” จื่อเทาบอกก่อนจะพุ่งตัวเข้ากอดคริสก่อนจะผละออกมา   แล้วเดินไปจุนมฮยอนที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกซึ่งลีดตัวขาวก็กางแขนให้มักเน่ของเอ็กโซฝั่งเอ็มกอดอย่างรู้งาน   ตัวรุ่ม ๆ ด้วยพิษไข้ของจื่อเทาทำเอาสองลีดหันมามองหน้ากันด้วยความหนักใจ

                “ไม่ใช่อะ” จื่อเทาบ่นเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหาชานยอลที่นั่งเล่นคอมอยู่ข้างแบคฮยอน

                “หยอยฮยองกอดหน่อย” พูดจบก็แทบจะโถมตัวใส่ทั้งชานยอลและแบคฮยอน  ซึ่งเมนวอยซ์ของวงแทบจะหน้าเขียวเพราะน้ำหนักของมักเน่ตาคมไม่ใช่น้อย ๆ

                “เฮ้ยแกเป็นไรมากป๊ะเนี้ย” ชานยอลเอ่ยถามงง ๆ เมื่อคนมาขอกอดผละออกพร้อมกับใบหน้าที่งอง้ำ  แล้วยังมีออฟชั่นเสริมเป็นน้ำใส ๆ ที่มันเริ่มคลอดวงตาคม

                “ก็ไม่ใช่” พูดจบก็เดินไปจงแด มินซอก เซฮุน และลู่หานที่กำลังกินขนมกันอยู่ในครัวโดยมีคยองซูที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาง่วนอยู่หม้อต้มอะไรสักอย่าง


                การกระทำของจื่อเทาที่ไล่กอดทุกคนต่างสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง  ถึงแม้สมาชิกทุกคนในเอ็กโซจะรู้ว่า
ฮวางจื่อเทาถ้าไม่สบายจะขี้อ้อนเป็นพิเศษแบบเหมือนอยู่หน้ากล้องเลยทีเดียว  ทั้งปกติอยู่นอกกล้องปุ๊บจะนิ่งและเงียบทันที


                “นี่ก็ยังไม่ใช่” คยองซูที่โดยกอดเป็นคนสุดท้ายเอามืออังหน้าผากคนเป็นน้องรู้สึกได้ทันทีว่าร่างสูงตาคมไข้เริ่มขึ้น  แต่คนตากลมโตกว่าชาวบ้านยังไม่ทันได้พูดอะไรมากจื่อเทาก็ผละออกก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวท่ามกลางสายตางุนงงของสมาชิก


                “นี่จื่อเทามันเมาไข้รึเปล่า” ลู่หานเอ่ยถามขึ้นมาซึ่งสมาชิกต่างพยักหน้าและส่ายหน้า


                “ปกติก็เข้าใจยากอยู่แล้ว  แล้วยิ่งไม่สบายแบบนี้จะไหวได้ไง  เดี๋ยวก็ต้องไปสนามบินอีก” เซฮุนบ่นอุบพร้อมกับหยิบมือถือโทรหาใครบางคนที่ควรจะกลับมาถึงหอได้แล้วเพราะออกไปตั้งแต่เช้า   คนต้นเหตุที่โอเซฮุนคิดว่าน่าจะเป็นยาแก้ไข้ได้ดีที่สุดสำหรับมักเน่ฝั่งเอ็ม


                “ฮัลโหล คุณมึงอยู่ในครับ   ตอนนี้พ่อคุณของคุณมึงองค์ลงแล้วรีบแจ๋นกลับอย่างว่องก่อนที่หอจะโดนแพนด้าถล่ม” พูดจบก็กดวางสายทันที


                “น้องฮุนพูดไม่เพราะเลย” ชานยอลที่เดินมากินน้ำพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ

                “ง่า...ชานยอลฮยอง  โธ่..เค้าก็พูดแบบนี้กับไอ้กัมจง  เฮ้ยจงอินฮยองตามปกตินะ” ว่าแล้วเซฮุนก็ส่งเสียงงอแง ๆคล้ายแมวน้อยเดินตามเจ้าของเฮ้ยชานยอลไปติด ๆ

                “ไอ้คู่นี้สงสัยมีซัมติงจิงกะเบล” ลู่หานว่าแต่ยังเอนจอยกับการกินขนมซัพอร์ทของบ้านแฟนคลับอยู่

                “ต้องให้เค้ามีลูกกันก่อนมั้ง  ลู่หานฮยองถึงจะรู้อะไรต่ออะไร” พูดจบจงแดก็ลุกเดินออกไปจากห้องครัวทันที  เหลือไว้แค่มินซอกที่มองลู่หานด้วยสายตาระอา  คือพี่ท่านนอกจากแมนยูกับแฟชั่นจะสนใจเรื่องชาวบ้านเค้าสักนิดก็ไม่มี

                “โอ้ย  อย่ามองฉันแบบนั้นสิมินซอก!!!” ลู่หานโอดครวญ




                จื่อเทาที่ตอนนี้ใบหน้าคมบูดบึ้งเต็มพิกัดเดินออกมาจากห้องครัวเจอกับอี้ชิงที่เพิ่งถอดรองเท้าเสร็จแล้วเดินเข้ามาพอดี  ไม่รอช้ามักเน่ตาคมรีบพุ่งหารุ่นพี่ชาวจีนทันทีพร้อมกางแขนออกซึ่งการกระทำเป็นอันรู้กันเสมอว่า
ฮวางจื่อเทาจะเป็นแบบนี้ตอนที่ป่วย


                “ไม่ใช่อยู่ดี  หอมเหมือนกันแต่ไม่ใช่ และไม่อุ่นเท่า” บอกด้วยเสียงที่เริ่มแหบ ๆ  พร้อมสูดน้ำมูก ก่อนผละออกมา  แล้วดวงตาคมของจื่อเทาก็หันไปสบตากับสมาชิกอีกคนของวงที่เป็นอิมเมจของวงและครอบครองตำแหน่งแดนซิ่งแมชชีนที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับข้าวของมากมาย

                จื่อเทากัดริมฝีปากบางของตัวเองก่อนสะบัดตัวหนีเดินเข้าห้องนอนไปทันที



                ปัง!!!

                เสียงปิดประตูอย่างแรงที่แทบจะทำให้คนทั้งชั้นตื่นได้เลยทีเดียว

                “จงอิน  เอายาไปให้จื่อเทากินเลย  ดูดินายมาช้า  ท่าทางจะงอนแล้วมั้ง” คยองซูเอ่ยแซวพร้อมยื่นแก้ไข้แก้หวัดที่คุณหมอจัดไว้ให้จื่อเทาใส่มือของจงอินที่ยืนเกาแก้มอยู่อย่างอาย ๆ

                “แต่บังคับให้มันกินโจ้กรองท้องสักหน่อยละ” คริสที่รับถุงโจ้กเจ้าโปรดที่จงอินลงทุนตื่นแต่เช้าชวนอี้ชิงออกไปซื้อมาให้คนป่วยแกะใส่ชามใบเล็ก  วางใส่ถาดพร้อมแก้วน้ำดื่มมาให้เพราะทุกคนต่างรู้ถ้าตอนฮวางจื่อเทาป่วยแล้วสามารถกินอาหารในแต่ละมื้อได้เกินห้าคำนี่นับว่าเก่งที่สุด ๆ

                จงอินรับถาดโจ้กพร้อมยาโดยมีจุนมฮยอนเปิดประตูห้องให้ก่อนจะปิดพร้อมกดล็อคให้อย่างรู้งาน  เพราะคิดว่าบางทีมักเน่ไลน์อาจมีเรื่องต้องคุยกันก่อนที่แยกกันบินไปทำงาน  เพราะเอ็กโซเคต้องบินไปงานมินิคอนเสิร์ตที่ฟิลิปปินส์ก่อนจะบินตามเอ็กโซเอ็มไปงานMTV ที่มาเลเซีย

                “เทา  จื่อเทาลุกขึ้นมาก่อน  กินข้าวกินยาก่อนนะค่อยนอนต่อ” จงอินบอกร่างสูงที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงนอนชั้นล่างที่มีตุ๊กตาบราวน์วางอยู่  ซึ่งแน่นอนมันคือเตียงของจงอิน  ส่วนของจื่อเทานะชั้นบน

                คนป่วยที่ตอนแรกนอนหันหน้าเข้าข้างฝาพลิกตัวกลับมาหาคนที่กำลังนั่งอยู่ริมเตียงแบบหมิ่น ๆ
ก่อนจะค่อย ๆ ยันตัวเองขึ้นมานั่งพร้อมกางแขนออก  จงอินยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายดึงคนที่สูงกว่าตัวเองนิดหน่อยเข้ามากอดพร้อมลูบศีรษะได้รูปของจื่อเทาเบา ๆ

                ดวงตาคมหลับลงซบไหล่ที่บางกว่าของตัวเอง  สูดกลิ่นน้ำหอมอาร์มานี่สปอร์ตเข้าปอด...กลิ่นแบบนี้และความอบอุ่นแบบนี้ละที่โอบกอดฮวางจื่อเทาเอาไว้ทั้งคืนก่อนมันจะมาจางหายไปตอนเขาตื่น

                “นะ ๆ กินข้าวสักนิดแล้วกินยานะครับ” เสียงอ้อน ๆ พร้อมดวงตาคมถึงแม้มันจะคมเท่าของจื่อเทาเองแต่เขาก็พยักหน้ารับคำ  ก่อนจะอ้าปากรับโจ้กเปาฮื้อที่แม้จะยังป่วยอยู่  แต่ร่างสูงก็ยังรับรู้รสว่าโจ้กนี่มันจากภัตตาคารอาหารจีนสุดหรูฝีมือเชฟโรงแรมดังของโซล

                “ดีใจจังกินได้ตั้ง 6 คำ” จงอินว่าก่อนจะส่งยาพร้อมแก้วน้ำที่จื่อเทารับไปกินต่ออย่างว่าง่าย

                “อย่าเพิ่งนอนนะ  นั่งสักแป๊บเดี๋ยวกรดไหลย้อน” บอกพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูที่ชุบน้ำเย็นหมาด ๆ มาเช็ดหน้า เช็ดคอ เช็ดแขนให้คนป่วย  ที่ตอนนี้ดวงตาคมปรือลงจนแทบจะปิดอยู่แล้ว

                “อยู่ด้วยกันนะ  อย่าไปไหน” เสียงแหบทุ้มของจื่อเทาบอกก่อนที่ดวงตาคมจะปิดลงด้วยฤทธิ์ยา  ส่วนจงอินที่เอาข้าวของต่าง ๆ ออกไปเก็บแล้วก็รีบพาตัวเองกลับเข้ามาให้ห้องนอนที่แชร์กันกับจื่อเทา  เซฮุนและชานยอลทันที

                “อือ จงอิน”

                “อยู่นี่แล้ว” บอกพร้อมสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มน่วมผืนเดียวกับคนป่วยที่ตอนนี้รั้งจงอินเข้าไปกอดไว้อย่างหวงแหนไม่ถึงห้านาที  สองมักเน่ไลน์ต่างหลับในอ้อมกอดของกันและกัน  โดนที่อีกคนไม่กลัวเลยว่าจะติดไข้จากอีกคน!!!



                “เฮ้อ  ค่อยยังชั่วนึกว่าจงอินกลับมาไม่ทันมีหวัง...จื่อเทาได้อาละวาดห้องแตกแน่ ๆ” คริสบอกเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดประตูห้อง

                “ไม่ป่วยก็หวงอยู่คนเดียว  พอป่วยก็ยิ่งอ้อนหนัก” จุนมฮยอนส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอนบ้างเพราะต้องเก็บแรงเดินทางไปฟิลิปปินส์ต่อ  ในขณะที่สมาชิกคนอื่น  ล้วนนอนหมดสภาพอยู่กลางห้องรับแขก




END

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดแล้วจากไป
บอกเลย....ไว้มีโอกาสจะแต่งคู่นี้เป็นเรื่องยาวสักเรื่อง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น