Matching
Love[1]
Pairing : TK ft.2pm
By Z-rowink
Note:ฟิคเรื่องนี้ดัดแปลงและใช้เค้าโครงเรื่องเดิมจากฟิคเรื่อง Love
Match ของ winata ซึ่งคือเราเองนั่นละ><
และอยากลองอ่านฟิคฮาและเบาสมองในแบบฉบับของแทคคุณบ้าง
Ch.013/19
ผมกำลังแรดแตก! ไม่ต้องตกใจหรอกนะครับพี่น้องทั้งหลายที่อ่านมาน่ะไม่ผิดหรอกครับ
แรดแตกจริงๆ! หมดกันธงเมะของผม ฮืออออออ
(หรือจริงๆแล้วมันคงไม่มีตั้งแต่ทีแรก)
วันนี้ผมตื่นแต่เช้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตื่นมาเพื่อทำบุญให้เป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง หุหุ
ไม่ยากเลยสักนิดกับการไปให้อาหารปลาที่บ่อข้างหอพักพร้อมอาหารสุนัขจรจัดแถวหน้าหอพักนั่นละ
อิอิ เป็นคนหน้าตาดีต้องทำอะไรง่ายๆไม่ยาก
ก่อนจะโทรคุยกับออมม่าตอนสาย ๆ และแต่งสวย
เฮ้ยแต่งหล่อ ขอบอกว่าแต่งหล่อจริงๆนั่นแหละ แต่จริงๆก็แค่ชุดนักศึกษาธรรมดานั่นแหละครับ
แต่มันพิเศษตรงเน้!!! อย่าเร่งสิกำลังจะบอกอยู่นี่ไงล่ะ ขอโพสต์ท่าก่อนนะ
*หมุนตัวสามรอบครึ่งหน้ากระจก*
วันนี้นอกจากจะจัดทรงผมดีเป็นพิเศษแล้ว
นิชคุณคนนี้ยังทาลิปกรอสสีชมพูอ่อนๆให้มันระเรื่อเบาๆแถมไม่ใช่ยี่ห้อไก่กานะจะบอกให้
ดิออร์เชียวน้า~ นี่แอบไปจิ๊กมาจากไอ้มิเรียมด้วยนะจ๊ะะะะะะ
เอาสิ๊~
ชายใดเห็นนิชคุณคนนี้แล้วจะไม่หลงก็ไม่มีเสียล่ะ!!!!
และก็แน่นอนว่าไม่ลืมเจ้าสนีกเกอร์คู่บุพเพอาละวาดของผมกับไอ้เด็กบ้านั่นอีก เอ้า
ฮิ้วววววววววววววววว (เล่นเอง ชงเอง ตบเอง)
แรดไม่ไหวจะทานทน
แรดไม่ไหวจะเคลียร์!!! แต่ถามว่านิชคุณแคร์ไหม? ก็ไม่นะ อิอิ ก็วันนี้มันวันที่สุดแสนจะดีเลิศประเสริฐศรีผ่องอำไพมหาศาลขนาดเน้!!!
ก็เลยอยากทำอะไรให้เจ้าเด็กนั่นอึ้งนิดๆ หน่อยๆก็แค่นั้นเอง
โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆ (คว้าผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากหัวเราะ) (หยิบมาจากไหน?)
“น้องคะๆ ขอโทษนะพี่ถามทางหน่อย”
ผมหันหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามไปหาเสียงสวยๆนั้น และแน่นอนเจ้าของเสียงก็สวยเหมือนเสียง
โอ้ววววววว สวยไปไหนครับคุณเธ๊ออออออออออออ
“คือคณะเภสัชไปทางไหนคะ”
ผมร้องอ๋อในใจ
ไม่รู้หรอกว่าคุณคนสวยคนนี้จะไปทำอะไรที่นั่นแต่แค่ได้ยินชื่อคณะผมก็ยิ้มแรด เอ้ย!
ยิ้มหวานแล้ว อิอิ
“เดินตัดไปทางด้านนั้นครับแล้วพี่ก็เลี้ยว...”
ผมบอกทางพี่คนนั้นอย่างละเอียดก่อนที่พี่เขาจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ไปถูกไหมครับ?” พี่สาวคนสวยหันมายิ้มแห้ง ๆ กับผม ซึ่งผมก็แค่ยิ้มตอบ อิอิ เสร็จโจร!!
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะครับพี่”
“รบกวนเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
เผื่อน้องรีบไปเรียน” ถ้าไม่อยากให้ไปส่งคงปฏิเสธแล้วใช่ไหมล่ะ อิอิ
พี่สาวคนสวยคิดอะไรไหมนิชคุณไม่รู้ แต่นิชคุณเริ่มจะคิดแล้ว =,,=
“ไม่เป็นไรครับผมก็จะไปทางนั้นพอดีเหมือนกัน”
ผมว่า เธอก็เลยยิ้มออกซึ่งพอเธอยิ้มโลกก็สว่างไสว โอ๊ยยยยย
มีออร่าวิ๊งๆรอบตัวพี่สาวคนสวยของ(?)นิชคุณด้วยล่ะะะะะะะะะ แต่แว้บเดียวที่ผมเผลอคิดว่ามันคล้ายใครบางคนที่ผมรู้จัก..
สงสัยจะคิดมากไปเอง
“ขอบคุณมากนะคะ” พี่สาวคนสวยยิ้มแป้นเล่นเอาซะโลกสว่างจ้าจนผมแทบตาบอดไปเลยทีเดียว
ผมแอบใจเต้นเล็กๆกับรอยยิ้มนั่นด้วย โอ๊ยๆๆๆๆ น้องนิชคุณจะเป็นลม!!!
“ไม่เป็นไรครับพี่”
แล้วผมก็เดินนำพี่สาวคนสวยไปทางตึกของคณะเภสัช
ระหว่างทางเราคุยกันสารพัดเรื่อง อย่างแรกที่ผมรู้ก็คือพี่สาวคนสวยชื่อยูบิน
แหมๆๆๆ แค่ชื่อก็น่าหม่ำๆแล้ว แอร๊ยยยยยยยยยย เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้ๆ คิดงี้ไม่ได้
ผมมีแฟนแล้ว แถมแฟนยังโหดมากอีกด้วย! คิดจะนอกใจงั้นเหรอฟระไอ้นิชคุณ!
อย่าๆๆๆ (อย่าช้า จัดไปอย่าให้เสีย!!)
อย่างที่สอง
เธออยู่ญี่ปุ่นแต่มาดูงานที่โซลเลยแว่บมาหาคนพิเศษสักหน่อยเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
อันนี้ผมไม่แน่ใจนักในรายละเอียดเพราะเธอบอกแค่นี้แล้วก็อมยิ้มน่ารักคิกคัก เดาว่าคงเป็นแฟนนั่นแหละครับ
ก็น่าจะมีอยู่หรอก คนน่ารัก คนสวยขนาดนี้ นิชคุณก็อกหักเลยอ่ะ
แต่ไม่เป็นไรเป็นกิ๊กก็เอานะ อิอิ
“น้องนิชคุณมาคณะนี้บ่อยเหรอคะ”
พี่ซอลลี่ถามผมระหว่างที่เราเดินมาเกือบถึงคณะแล้ว ชื่อก็เพราะ
เสียงก็หวาน ฮือๆๆๆๆ ชอบผู้ชายเมะๆ เถื่อน(?)ๆแบบนิชคุณไหมฮะพี่จ๋าววววววววววววว
“อ๋า~ ก็ไม่เชิงหรอกครับพอดีแฟนเรียนอยู่คณะนี้” อุ้ยตาย... พอพูดประโยคนี้ไปขนลุกซู่เลยคร้าบท่านผู้อ่านนนนน
แอร๊ยยยย น้องคุณเขินนนนนนนน
“เหรอคะ! แหมๆปีไหนแล้วแฟนนิชคุณน่ะ คนพิเศษของพี่น้องเขาเพิ่งเข้าปีหนึ่งเอง”
“โอ๊ะ...
แฟนผมก็อยู่ปีหนึ่งเหมือนกันครับ บังเอิญจังเลยอาจจะรู้จักกันก็ได้นะครับ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงระริกระรี้ อะไรจะสมพงษ์กันขนาดนั้น
“จริงเหรอๆ
บางทีอาจจะเรียนด้วยกันก็ได้นะ คิๆ แล้วแฟนนิชคุณหล่อไหมล่ะดูจากที่เราน่ารักขนาดนี้
แฟนต้องหล่อมากแน่ๆเลยใช่ไหม” แหมๆๆๆๆ
ปากหวานอย่างนี้ขอชิมสักทีได้ไหมฮับพี่จ๋าวฮ๊าบบบบบบบบบ
“หน้าตาดีมากคครับแต่ก็ปากร้ายที่สุดเหมือนกัน”
พี่ยูบินทำตาโตทำให้ดวงตาที่กลมโตของพี่เขายิ่งโตเข้าไปอีก
ก่อนที่พี่เขาจะตีแขนผมเบาๆ ไม่ใช่ปรามหรอกครับเหมือนว่าเห็นด้วย
หรืออะไรทำนองนั้นมากกว่า ผมว่านะ..
“เหมือนกันเลย
น้องเขาก็ปากร้ายมากเลย พูดคำจิกคำเลยล่ะ” ยังมีคนที่ปากเหมือนไอ้เด็กบ้าของผมอีกเหรอเนี่ย?
คณะเภสัชช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ ดีแล้วที่ไม่ได้เรียนคณะนี้ โอ้ว
สวรรค์แท้ของนิชคุณ
“ถึงแล้วครับพี่ยูบิน”
ผมบอกเมื่อเดิมมาหยุดที่หน้าคณะเภสัชฯ
“ขอบคุณมากนะคะที่พาพี่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับพี่” พี่เขายิ้มสวยให้ผมแต่เธอก็ร้องขัดขึ้นไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนน้องนิชคุณ!
นี่เบอร์พี่นะแลกเบอร์คุยกัน
ไหนๆแล้วคนของเราก็อยู่คณะนี้เหมือนกันคุยกันไว้ไม่เสียหายหรอกเนอะ” ขนาดนี้แล้ว
เรื่องอะไรผมจะปฏิเสธล่ะครับ อิอิ อ้อยเข้าปากช้างมีหรือที่มันจะยอมกลืน เอ๊ะ?
หรือคาย? อ่า.. นั่นล่ะครับ
“เบอร์ของนิชคุณจดไว้ในนี้ก็ได้ค่ะ”
พี่ยูบินส่งสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ให้ผมพร้อมปากกาหลังจากยื่นนามบัตรให้
ผมจดเบอร์ของตัวเองให้พี่คนสวยอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าตอนบอกเบอร์ไอ้เด็กนั่นเสียอีก
อิอิ
นี่ถ้ามันรู้คงหึงกระจุยแต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะก็พี่สาวคนนี้สวยฝุดไรฝุดแถมยังถูกชะตากันขนาดนี้
เรื่องอะไรจะปล่อย
โอกาสงามๆให้หลุดลอยไปได้ล่ะ ขอให้ได้ยินเสียงหวานนั่นนิดๆหน่อยๆพอเป็นกระสัย
นิชคุณก็พอใจแล้ววววว
“ยังไงเราค่อยคุยกันนะคะ”
ผมพยักหน้าก่อนจะโบกมือบ๊ายบายพี่ยูบิน
“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ”
ว่าแล้วผมก็หันหลังเดินกลับมาทางเดิม วันนี้เด็กนั่นไม่มีเรียนแต่มีซ้อมแข่งช่วงบ่าย
ผมว่าจะโผล่หน้าหล่อๆ ของผมไปดูสักหน่อยแต่ไม่รู้ว่าพี่ยูบินคนงามจะได้เจอหวานใจหรือเปล่าแต่คิดว่าคงเจอนั่นแหละ
เพราะอีก section ยังมีเรียนปกติที่ขาดก็คงเป็นนักกีฬานั่นแหละ
“นิชคุณ!”
ขาของผมหยุดกึกหันไปตามเสียงเรียกที่แสนจะคุ้นเคยนั้น
แทคยอนในชุดวอร์มของชมรมปั่นจักรยานมาจากทางแยกอีกด้านก่อนจะมาจอดตรงหน้าผม
แล้วใบหน้าหล่อคมๆนั่นก็จ้องหน้าผมนิ่งก่อนที่จะขมวดคิ้วแล้วทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
“แต่งตัวแบบนี้จะไปยั่วใครที่ไหน
ห๊ะ!” ช่างเป็นคำทักทายที่น่าตบปากด้วยรองเท้าจริงๆ
ผมก้มลงมองตัวเองก็ไม่ได้แต่งไม่งามจากเดิมเท่าไหร่หรอกนะ
แต่วันนี้ผมใส่ชุดถูกระเบียบที่สุดแล้ว คิๆ ไม่นับหน้าที่แต่งกับผมที่จัดทรงมาอย่างดีหรอกนะ
“เปล่าหรอกน่านายก็พูดเวอร์ไป
ไหนว่ามีซ้อมแข่งไงแล้วมาปั่นจักรยานอะไรแถวนี้” เจ้าเด็กยักษ์ไม่ได้ตอบผมในทันที
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเด็กนั่นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะมาหยุดที่ใบหน้าของผม
ผมสีดำตัดสั้นของผมวันนี้ถูกเซ็ทตั้งอย่างดี แว่นที่เคยสวมก็ถอดออกแน่นอนว่าใส่คอนแท็คเลนส์สำหรับสายตาสั้น
แล้วก็ปากสีเรื่อๆของผมอีก
“นายแต่งอย่างนี้เดี๋ยวผู้ชายที่ไหนก็ได้มาตามจีบอีกหรอก”
ไม่คิดจะตอบคำถามของผมเลยใช่ไหมเนี่ย แล้วนั่นๆๆ นั่นอะไรยื่นมือมาทำอะไร!! อย่านะอย่ามาลบกรอสเก๊าะนะไอ้บ้า!!! นี่แน่ะๆ
ปัดมือออกซะเลย!
“เหมือนนายที่มาจีบพี่นะเหรอ
คิๆ บ้าใครจะมาจีบกันเล่ารู้กันหมดทั้งมอแล้วมั้งว่าพี่มีแฟนแล้ว” ว่าแล้วผมก็หัวเราะร่าและไอ้เด็กนี่ก็ไม่ละความพยายามที่จะยื่นมือมาลบกรอสของผม
“ไปส่งที่คณะหน่อยสิถ้าไม่รีบไปไหน”
ผมว่า
“ขึ้นมา” บอกผมแค่นั้นแหละ
ผมเลยเดินไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานของแทคยอนซะเลยและตอนนี้ผมก็รู้ซึ้งแล้วว่า
ไอ้สนีกเกอร์ที่ใส่มานี่แม่งไม่ถูกกับจักรยาน
“พี่ว่าพี่เดินดีกว่าอ่ะ
ของเยอะ” เพราะรถจักรยานของแทคยอนไม่มีตะกร้าหรืออะไรเลยน่ะสิแล้ววันนี้ผมก็แบกทั้งกระเป๋ากล้อง
ทั้งกระเป๋าแบบวาดอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะที่ต้องเอามาใช้และเอามาคืน
“สมน้ำหน้า
ใครสั่งใครสอนให้แบกของหนักแล้วไม่บอกให้ไปรับล่ะ” อีกละ คำพูดน่าตบอีกละ แทคยอนจอดจักรยานแล้วหันมาคว้าอะไรที่ตัวเขาสะพายและวางไว้ด้านหน้าได้ไป
“ส่งของมา”
ผมค่อยๆส่งกระเป๋าแบบวาดที่ในนั้นมีรายงานของผมไปให้แทคยอนที่ค่อยๆจับมันวางพาดกับแฮนด์หน้ารถก่อนที่จะค่อยๆออกตัวปั่นเบาๆเพื่อไม่ให้ของที่วางพิงไว้หล่นเสียหาย
แหมๆ ถึงจะปากร้ายแต่ก็ใจดีนะแฟนผมเนี่ย
น่าร้ากกกกก ชิงๆเบยยยยยยยยยยยยย
แบบนี้รักตายเลยอ่ะ!!
“ถ้าจะรั่วช่วยรั่วตอนที่ไม่มีลมมากรอกหูนะ
ฟังไม่ออก” นั่นแหละที่ต้องการ
“ก็ไม่ได้รั่วนี่นา”
“เห๊อะ~ แล้วมาทำอะไรแถวนี้ หลงทางอีกหรือไง” แฟนผมนี่ช่างแสนรู้เสียจริง
อิอิ แต่วันนี้ทายผิดโว้ยยยย
“เปล่า
มีคนมาถามทางมาคณะเภสัชเลยพาเขามาน่ะ”
“หลงทางเก่งขนาดนี้ยังจะกล้าพาใครต่อใครมาเดินอีกนะ
ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” จบประโยคแขวะด้วยคำถาม ที่เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ก็ถ้าจะทำเสียงโหดขนาดนั้นอะนะ เล่นตัวไม่ตอบดีกว่า อิอิ
“ผู้ชาย”
นี่ผมเล่นตัวแล้วเหรอวะ ฮ่าๆๆ
แต่ก็ไม่ได้ตอบความจริงไปหรอกนะ
แต่ไอ้ครั้นจะไม่ตอบก็กระไรอยู่นะก็ลองจับรังสีอำมหิตจากน้ำเสียงนั่นแล้วผมไม่ควรจะเล่นตัวให้มากนี่นาไม่งั้นภัยคงมาถึงตัวและแน่นอนรถคงพุ่งเข้าข้างทางตกน้ำตายเป็นโศกนาฏกรรมแทน
เดี๋ยวได้กลายเป็นตำนานความรักของมหา’ลัยระหว่างสองคณะอีกแง่มๆ
“ว่าไงนะ!!!” แทคยอนถามกลับมาอย่างรวดเร็วจนผมส่ายหน้าหวือ เอ่อ… แต่ส่ายหน้าไปไอ้เด็กนี่ก็ไม่เห็นนิหว่า
“เปล่าล้อเล่น ผู้หญิงจริง ๆ
ทำไมเหรอ ถ้าเป็นผู้ชายจะทำไมเหรอ”
“อย่าได้คิดจะโปรยเสน่ห์กับใครนะนิชคุณ ไม่งั้นฉันเอาตายแน่”
“จะฆ่าพี่เลยเหรอ? พี่ไม่ได้ขอให้ใครมายุ่งกับพี่สักหน่อย” ผมบ่นทันที แทคยอนก็ยักไหล่ก่อนจะจอดรถที่หน้าคณะของผม
ผมก้าวลงจากรถแล้วรับของเหล่านั้นมาสะพายไว้เหมือนเดิม
“จะผู้หญิง ผู้ชาย เกย์
ไบหรืออะไรก็แล้วแต่ สำหรับนายทุกเพศในโลกนี้คนไหนก็ช่างที่ไม่ใช่ฉัน! ฉันก็ไม่เอาไว้แน่ อย่านอกใจฉันนะนิชคุณ!”
“ก็ไม่ได้นอกใจสักหน่อย
นายนี่ก็หึงล่วงหน้าเลยนะ รักพี่มากเลยล่ะสิ~” ผมก็แซวเล่นไปอย่างนั้นแหละนะ
ไม่ได้คิดอะไรหรอก
แต่คำตอบที่อยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นกลับทำให้หัวใจของผมอ่อนยวบยาบก่อนจะเต้นถี่รัวแรงจนแทบทะลุออกจากอก
โว๊ยยยยยยยยยย เขินอ่า~ ไอ้น้ำตาลปี๊บ!!
“รู้หรือเปล่าว่าฉันรู้สึกยังไง?”
ก็เล่นถามแบบนี้ สายตาที่มองก็...
“กะ.. ก็พอรู้... พะ... พี่เข้าเรียนก่อนนะ” แทคยอนแค่พยักหน้ากับผม
ขาของผมที่ดูจะสั่นเล็กน้อยตอนที่เดินเข้าตึกแต่ไม่กี่นาทีที่เดินแยกออกมา มือถือของผมก็สั่นเตือน
ผมค้นมันออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างเพื่อเปิดอ่านข้อความที่เพิ่งเข้ามา
... “น่ารัก”...
สั้นๆ ง่ายๆสมกับนิสัยคนส่งเลยสินะ
ผมหันมาทางเด็กตัวสูงโย่งที่ยังคงคร่อมจักรยานอยู่
เจ้าตัวแสบยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ รู้จักนิชคุณน้อยไปซะแล้ว อิอิ
ผมทำท่าส่งจูบประหนึ่งตัวเองเซ็กซี่ระดับนางงามระดับโลกซึ่งรับรองผลโดยไอ้มิเรียมและไอ้จินแทคว่ามันฮาสุดๆใส่เด็กนั่น
ซึ่งนั่นก็ได้ผลเด็กนั่นทำหน้าเหวอไปทันทีก่อนที่จะปล่อยก๊ากออกมาและเมื่อผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีเข้าตึกเพราะความอับอายที่ตัวเองก่อไว้
ข้อความก็สั่นเตือนขึ้นมาอีก
..ไม่น่าชมเลย...
ขอบคุณมากนะไอ้เด็กปากสุนัข! ผมเดินเชิดเข้ามาในตึกจะบอกว่าเลิกสนใจเรื่องของเด็กนั่นก็คงไม่ได้หรอก
เพราะเมื่อไหร่ที่ผมว่าง ผมก็คิดถึงแต่แทคยอนตลอดนั่นแหละ อ๊ายๆๆ เขินจุงเบยยย
ขนาดบางทีไม่ว่างผมก็ยังคิดถึงเลยอ่ะ ฮ่าๆ จะเอาอะไรกับผมล่ะคร้าบบบ
คนรั่วๆอย่างผมก็มีแต่เด็กยักษ์อยู่เต็มหัวจึยยยยยยยยย
*โปรยจูบ*
เสียงเฮลั่นโรงยิมเมื่อแทคยอนสอยคู่ต่อสู้ของอีกมหา’ลัยร่วงหมอบลงกับพื้นแต่สภาพก็ยังดูดีกว่าไอ้พี่หมูนรกนั่น
อย่างน้อยๆก็ไม่ได้สลบคาเท้าอะนะ
เอ่อ… ถ้ามีใครเข้ามาจีบผม เจ้าเด็กนี่มันจะสอยร่วงอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะแค่คิดว่าเด็กนี่จะทำมันก็... หึ๊ยยยยยย สยองงงงงงงงงงงงง ร๊าววววววววววว
“แฟนแกนี่ตีนหนักขนาดไหนวะ”
“อยากรู้ว่าหนักกว่าที่ตาเห็นมากแค่ไหน
ยื่นหน้าไปรับสิไอ้จินแทค” ไอ้มิเรียมสวนแทนผมทำเอาไอ้จินแทคสุดหล่อทำปากจิ๊จ๊ะ
“นั่นเดินมาโน่นแล้ว”
ไอ้มิเรียมพูดอีก
“กูคุยโทรศัพท์ก่อนนะ”
ไอ้จินแทคขอตัวพร้อมกับที่ไอ้มิเรียมหันไปสนใจการแข่งต่อ ส่วนผมน่ะเหรอ? สายตาก็มีแต่ร่างที่สวมชุดคาราเต้สีขาวคาดสายดำของเด็กยักษ์ที่เดินเข้ามาเท่านั้นแหละ
“มานานแล้วเหรอ” ผมส่ายหน้า
“มาตอนนายกับคนนั้นเริ่มลงเบาะได้แป๊บนึง”
ผมยิ้มให้แต่เด็กนี่กลับทำหน้าเฉยเมยตอบกลับมา
“ไปทางโน้น” แทคยอนว่าแล้วก็ดันตัวผมให้ออกไปนอกโรงยิม
เราสองคนยืนอยู่ข้างโรงยิม ผมมองแทคยอนด้วยสายตางงๆ
เด็กนี่ดูหงุดหงิดแบบแปลกๆแต่ก็ไม่ถึงกับโกรธ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่โดนลูกหลงหรอกนะ
“กลับไปก่อนได้หรือเปล่า”
ห๊ะ??? อะไรของมันเนี่ย?
“ทำไมล่ะ พี่มาเชียร์นะ!
นายก็เหลือซ้อมแข่งอีกตั้งรอบหนึ่งนี่หรือว่านายแอบเอากิ๊กมาเชียร์”
ผมแทบจะแยกเขี้ยวเมื่อคิดถึงเหตุผลท้ายๆ ถ้าจับได้แม่จะกระชากหนังหัวออกมาเลยคอยดู!!
“บ้าไปล่ะ” แทคยอนว่าผมแต่ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อขึ้นนิดๆ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็...” แทคยอนไม่สบตากับผมแต่เหลือบมองไปทางอื่น หน็อยๆๆๆ มีหลบตา
ไอ้เด็กเวรมีพิรุธชัดๆ
“ทำไม” ผมขู่เสียงเขียว
“กิ๊กใช่ไหม? นายมีกิ๊กใช่ไหมวะ คนไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้นะ!! ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!” ผมทุบอั๊กเข้าที่ไหล่ของไอ้เด็กตรงหน้าสักสองสามทีแต่เด็กนี่ก็แค่เบี่ยงตัวหนีแล้วหัวเราะเสียงดัง
“รักมากละสิ~ ถึงหึงหน้ามืดอย่างนี้น่ะ” ไอ้เด็กบ้านี่!
“เออ!! แล้วไง?” แทคยอนทำตาโตพอได้ยินคำตอบชัดๆจากปากของผม
ก่อนที่จะค่อยๆฉีกยิ้มแล้วขยับเท้าเดินเข้ามาประชิดร่างของผม
“ฉันก็หึงเหมือนกันนะ
พวกผู้ชายอีกฝั่งมองนายตาเป็นมันแถมพวกเพื่อนไอ้ชานซองที่มาเชียร์ยังระริกระรี้จะมาจีบนายอีก”
คราวนี้เป็นผมเองที่เป็นฝ่ายตาโตอ้าปากค้าง ห๊ะ??????
“บ้า! พี่ก็เป็นผู้ชายนะเว๊ย!! จะมีผู้ชายอะไรมาจีบกัน” แทคยอนเอานิ้วจิ้มหน้าผากดันผมจนหน้าหงาย
“ก็เหมือนแค่ทรงผมละวะ
ปกติก็หน้าตาน่ารักอยู่แล้วนะวันนี้ดันแต่งหน้ามาอีก”
ผมลูบหน้าผากป้อยๆตรงที่ไอ้เด็กบ้าจิ้มแล้วปากผมก็บู้ใส่มันโดยอัตโนมัติ เด็กนี่ยืนกอดอกส่งยิ้มหวาน
“พวกนั้นมันบ้า
มองผู้ชายด้วยกันน่ารักได้ไงวะ”
“งั้นฉันก็บ้าด้วยสินะ” แทคยอนว่ายิ้มๆ
รอยยิ้มมุมปากกับดวงตาที่ฉายแววขี้เล่นแบบนั้น!!
โอ๊ยยยยยยย
หล่อน่าลากขึ้นเตียงงงงงงงงง
“ก็มาลากพาขึ้นเตียงเลยสิ” แทคยอนก้มหน้าลงมากระซิบชิดหูของผม
ไอ้เด็กบ้า! ขนลุกนะเว๊ย!!
“เดี๋ยวก็ลากจริงๆซะหรอกไอ้เด็กบ้า”
ผมทำปากเก่งช้อนตาขึ้นสบกับเด็กตัวสูง
“อย่ามาน่ารักให้มากนะนิชคุณ ไม่ปลอดภัยหรอกนะจะบอกให้” ผมหลบสายตาวิบวับที่สื่อความหมายของ
แทคยอนทันที
ไอ้ประโยคที่เด็กนี่พูดนั่นก็อีก
โอ้ยยยย นิชคุณจะระเบิด บู้ม!!! และกลายเป็นโกโก้ครั้นท์แล้ววววววว
“พี่อยู่เชียร์อีกไม่ได้เหรอ~
นะ.. น้า~”
“ก็อยากให้อยู่หรอกนะ แต่ก็ไม่อยากทำให้เสียสมาธิ”
แทคยอนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่สายตาที่ผมได้สบอยู่นั้นมันทำเอาวูบวาบไปทั้งตัว
“แต่...” ผมอยากอยู่ดูจริงๆน้า
“วันนี้อูยองกับซองวานกลับบ้าน”
แทคยอนบอกผม หน้าผากของเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นลอยเด่นอยู่ในดวงตาของผม
“ไหน... ไหนว่าจะไปค้างที่ห้องพี่ไง” เจ้าเด็กยักษ์ยิ้มกว้าง
“เก็บห้องหรือยังล่ะ?”
แทคยอนล้อด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีทำเอาผมตีหน้ายุ่งฉับเลย เดี๊ยะๆๆ
แต่จะว่าไปห้องก็รกจริงๆนั่นแหละ วันก่อนเด็กนี่ก็ไม่ได้ช่วยเก็บซะด้วย
“พี่นอนเตียงบนนะ ไม่ก็เตียงของซองวานก็ได้”
แทคยอนส่ายหน้าช้าๆ
“งั้นฉันจะตามไปนอนกับนาย”
“โธ่...” ผมแกล้งทำเสียงอ่อนใจไปงั้นแหละ ความจริง... คืนนี้ยังไงผมก็ไม่แยกเตียงกับแทคยอนแน่ๆ
“ไปรอที่ห้องฉันก่อนไหม? นี่กุญแจ
ฝากจัดโต๊ะตรงหัวเตียงด้วยพอดีมีอะไรจะให้” ผมทำหน้างงงวย แทคยอนยิ้มหวาน...
ที่หวานไปทั้งตาและปาก
ง๋อยยยยยยย ไม่ต้องรอคืนนี้ก็ได้นะน้องแทคจ๋า
ลากพี่คุณไปขึ้นเตียงตอนนี้และเดี๋ยวนี้เลย!!
“มีอะไรจะให้?”
“วันเกิดไม่ใช่เหรอไง”
โว๊ะ~ นายรู้เหรอ?
“รู้... รู้ได้ไง พี่ไม่ได้บอกนะ” ผมกะจะเซอร์ไพรส์นะเนี่ย ผมมีของให้แทคยอนด้วยเหมือนกัน
“เพราะเป็นสิ่งที่แฟนอย่างฉันต้องรู้
นายเป็นคนสำคัญของฉันนะ สำคัญสำหรับฉันมากที่สุด”
อ้ายยยยยยยย นิชคุณขอลาตายยยยยยยยยย
“อะ... อืม” ผมพูดอะไรไม่ออก คำพูดหวานๆของเด็กนี่ทำผมหัวใจพองจนลอยเคว้งไปแล้ว
โอ๊ย! หลงแทคยอน แถมยังรักเข้าเต็มเปาเลย!
“ไปรอก่อนนะแล้วจะรีบกลับ”
ผมพยักหน้าช้าๆ สูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของแทคยอนเข้าจนเต็มปอดก่อนจะทำใจกล้าส่งสายตาหวานฉ่ำให้กับเจ้าเด็กตรงหน้า
“พร้อมนะ” พูดได้แค่นั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
มันเขิน! กร๊าชชช *พ่นไฟใส่เบย*
“พร้อม? พร้อมอะไร?” แทคยอนถามอย่างพาซื่อ ผมก็เขินสิคร๊าบบบ
นานๆทีจะเห็นไอ้เด็กนี่ไม่ทันสักที แต่จะให้บอกได้ไงว่าผมพร้อมแล้วที่จะเป็นของแทคยอนทั้งหัวใจ...
และตัว โอ๊ยเขินตาย! แต่ผมก็พูดมันออกไปแล้ว
“ก็... พร้อมแล้วที่... จะเป็นของนาย.. ไง” คำพูดแผ่วๆของผมขาดๆหายๆ
แต่ที่มีเพิ่มขึ้นคือรอยยิ้มหวานที่ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาของแทคยอน
โอ้ยยยยยยย
ไอ้เด็กนี่กำลังฆ่าผมด้วยรอยยิ้มของมัน!! อ๊คแทคยอนแตะนิ้วกับแขนของผมที่กำสายกระเป๋าสะพายใบเก่งจนแน่นก่อนจะขยับลูบเบาๆ
รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของแทคยอน
นั้นทำเอาตาเริ่มพร่าและเหมือนสมองกำลังหลั่งสารอะไรสักอย่างที่ทำผมร้อนไปทั้งตัว
เมื่อแทคยอนเม้มริมฝีปากล่างของตัวเองส่งสายตามีความหมายมาให้ผมอย่างไม่ปิดบัง
ซึ่งผมก็เข้าใจมัน
“เป็นอะไรที่... อยากทิ้งทุกอย่างตอนนี้เลยนะรู้หรือเปล่า” ก็อยากให้ทิ้งเหมือนกันนั่นแหละ
แต่มันทำไม่ได้ไง
“พะ... พี่ พี่ไปที่หอละกันนะ นายก็กลับเข้าไปเถอะ” ผมพูดเสียงสั่น ทั้งรอยยิ้มสายตาของคนตรงหน้ากำลังทำให้ผมบ้าทำอะไรแบบที่ไม่เคยคิดที่จะทำ
“อย่าโปรยเสน่ห์นะนิชคุณ... ฉันหวง” ผมพยักหน้า
“พยายามเข้านะ... พี่...จะรอ” สองคำสุดท้ายของผมแผ่วเบาแต่ผมรู้ว่าเจ้าเด็กบ้าได้ยิน
ได้ยินชัดเลย! เพราะคำตอบของแทคยอนที่ผมได้ยินชัดแจ๋วทั้งที่อีกฝ่ายก็พูดเบาไม่ต่างกัน
“ไม่นานหรอกครับ... รอผมอีกไม่นาน”
ผมแรดผมรู้! แต่ลองคุณมีแฟนอย่างไอ้เด็กแทคยอนสิแล้วคุณจะเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายอย่างผม
แล้วไอ้เมะไร้ประสบการณ์อย่างผมเนี่ยควรจะทำยังไงดีฟระ?
กับสถานการณ์ใกล้เสียตัวเต็มแก่เนี่ย ไม่กล้าแล้วยังมีหน้าไปบอกไอ้เด็กบ้าอีกว่าพร้อมแล้ว
เชี่ยยยยยย คนเขายิ่งนับวันนับคืน(ที่จะเสียตัว)อยู่
อ๊ากกกกกกกก ประสาทแล้วครับกู!
ผมเดินไปเดินมาในห้องพักของแทคยอน การแอบเข้ามาไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ หอแปดก็ไม่ได้ไกลจากโรงยิมเท่าไหร่นัก ห้อง 405 ก็ไม่ได้เหนื่อยนักตอนที่เดินขึ้นมาแต่ไอ้ตอนที่แทคยอนจะมาถึงแล้วนี่สิ
แม่งชวนเครียดดีแท้! แต่...
มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ อาจจะมีช็อคเอฟเฟ็คหรือ กขค. มาขวางเราสองคน
ในฟิคมีบ่อยไปใช่ป่ะหล๊าาาาาา ชวนให้คนอ่านค้างคาใจเล่นๆอะไรทำนองนั้นน่ะ
อิอิ ไม่ใช่ว่าผมเล่นตัวหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ผมจูบก็ไม่เก่ง เล้าโลมใครก็ไม่เป็น
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปิดซิงคนอื่น หรือฟันสาว ฟันหนุ่มที่ไหน ก็ไม่เป็น! คือคำตอบสุดท้าย
แล้วกระแดะจะเสียซิงให้แฟน! ผมเป็นเมะ เด็กนั่นก็เป็นเมะ
ใครรุกแล้วใครจะรับกันล่ะ? งามไส้แล้วไหมล่ะนิชคุณคนน่ารัก
ก๊อกๆ ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงเคาะประตูนั้นมองมันราวกับเห็นผีตานีมายืนอยู่
เด็กแทคยอนกลับมาแล้วเหรอ? นี่ผมมาอยู่ที่หอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ ผมค่อยๆเดินไปที่ประตู
แนบหูกับบานไม้เก่าๆนั้ น ได้ยินเสียงแว่วจากด้านนอก... มันมีมากกว่าหนึ่งคนแน่ๆ
“ใครครับ” ผมถามออกไป
“ซองวานเองพี่คุณ” เฮ้ออออ~~~ โล่งอก
“ครับ รอแปบนึงนะ”
ผมตอบด้วยเสียงร่าเริง ใจหนึ่งก็กลัวว่าแทคยอนจะกลับมาเร็วเกิน (ทำใจไม่ทัน) อีกใจก็กลัวหัวหน้าหอมาเจอ เดี๋ยวเด็กทั้งสามคนในห้องนี้จะเดือดร้อน
ผมเปิดประตูออกก่อนที่จะเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น! ดอกทานตะวันสีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนลอยเด่นอยู่ตรงหน้าผมจนมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนถือมาก่อนที่มันจะค่อย
ๆ ลดลงจนผมสามารถมองเห็นอูยองและซองวานยืนอยู่
ส่วนแทคยอน...
เด็กนี่ไม่เคยแคร์สายตาใครเลยใช่ไหมน่ะ? ผมรีบยกมือขึ้นลูบแก้มที่ถูกเด็กบ้าปล้นหอมไปทันทีที่เจ้าตัวลดดอกไม้ลง
ก่อนที่จะแทรกตัวเข้ามาในห้อง ให้ตายเถอะ!
ดูสิ อูยองกับซองวานหัวเราะคิกคักเลยอ่ะ บ้าๆๆๆ
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
คำอวยพรสั้นๆของแทคยอน
ทำให้ผมมีความสุขได้ไม่เท่ากับที่น้องอูยองและซองวานที่พูดต่อมาหรอก
“มีความสุขมากๆนะครับพี่
เนี่ยแทคตระเวนหาดอกทานตะวันให้พี่แทบจะทั่วโซลเลยมั้งครับเนี่ย คิคิ
กว่าจะได้เยอะขนาดนี้”
“หะ... หา?” ผมอึ้งๆกับสิ่งที่ซองวานพูดพร้อมกับที่โดนแทคยอนดันตัวผมให้ไปนั่งที่เตียง
“แหมก็พอรู้จากพี่มิเรียมวันก่อนว่าวันนี้วันเกิดพี่คุณก็ดี๊ด๊าใหญ่
แถมพอรู้ว่าพี่ชอบดอกทานตะวันเหมือนตัวเองอีกอีกพี่ท่านก็ตระเวนไล่สั่งซื้อตามร้านขายดอกไม้ทั่วโซลเลยนั่นแหละฮะ
อิอิ”
แทคยอนยิ้มแฉ่งลงนั่งกับพื้นก่อนที่จะยักคิ้วแล้วซบหน้าลงกับตักของผม
“จะ...จริงเหรอ?”
“ยิ่งกว่าจริงอีกคร๊าบบบบบ”
เสียงสองหนุ่มน้อยประสานกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเดินเอาดอกทานตะวัน
ในอ้อมกอดไปเสียบในโหลแก้วขนาดใหญ่ที่ผมสงสัยตั้งแต่เข้ามาในห้องว่าเอามาวางไว้ทำไมแถมเอาน้ำมาใส่รอไว้ด้วยนะ
“งั้น... เดี๋ยวเราสองคนไปก่อนนะแทค เดี๋ยวบ่ายสามเจอกันที่ร้าน”
ซองวานเป็นคนพูด แทคยอนก็แค่พยักหน้ากับตักของผมในอ้อมกอดยังหอบดอกไม้ไว้อยู่
“ขอบใจมากนะที่ช่วยหอบมาให้”
“ไม่เป็นไร อิอิ
เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะ” แทคยอนพยักหน้าอีกรอบแล้วสองหนุ่มน้อยก็วิ่งจู๊ดออกจากห้องไปอย่างไว
ไม่รอให้ผมถามอะไรสักคำ
“ร้านอะไรเหรอแทค”
ผมก้มหน้าลงถามแทคยอนที่เอาแต่สนใจซบอยู่กับตักของผม สายตาคอที่ทอดมองดอกทานตะวันในมือส่วนมือข้างหนึ่งก็ลูบไล้กลีบดอกสีเหลืองนวลนั้นเบาๆ
ช่างเป็นท่าทางที่ยากจะถอนสายตาออกจริงๆ
“อ่อ เลี้ยงวันเกิดคุณไง
พอดีวันนี้สองคนนั่นจะกลับบ้านก็เลยตกลงกันกับพวกพี่จินแทคว่าจะเลี้ยงกันบ่ายนี้เลย ตอนกลางคืนจะได้ไม่มีใครเป็นก้างเราอีกไง” แทคยอนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนท่า
ผมเลยค้นเอามือถือในกระเป๋าที่วางอยู่ใกล้ๆออกมาแล้วกดถ่ายรูปของเด็กนี่ซะเลย
ซึ่งเจ้าตัวก็รู้สึกตัวถึงได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ยิ้มหวานใส่กล้องทันที
ไม่ถ่ายไม่ได้แล้วรูปนี้น่ะ!!! น่ารักเกินไปแล้วโว๊ยยยยยยย น้องแทคของพี่คุณ ว่าแต่... เอ็งไม่กลัวกล้องเลยนะพ่อคนหล่อ
“ถ่ายคู่กันบ้างสิ” แทคยอนว่า
ผมเลยก้มหน้าลงไปใกล้ๆ เอาแก้มแนบกับแก้มของแทคยอนไว้ก่อนจะถ่ายอีกสองสามรูปเอาให้ติดดอกสีเหลืองนี่ด้วย
“ไม่กลัวกล้องเลยนะ
เห็นคนหล่อส่วนมากจะกลัวกล้องกัน” เด็กนั่นแค่ไหวไหล่อย่างไม่สนใจ
“ชอบจะตาย
ไม่เชื่อดูมือถือดิถ่ายเก็บไว้เต็มไปหมด”
อะโห้~ ไม่รอช้าหรอกผมรีบเอากระเป๋าของแทคยอนมาค้นเอามือถือมาเปิดดูทันที
ระหว่างนั้นแทคยอนก็ลุกแล้วเอาดอกไม้ในมือไปเสียบในโหลแก้วรวมกับก่อนหน้านี้
“เยอะมากเลยอ่า~ ทำไมไม่เอาลงแลปท็อปบ้างอะเครื่องอืดหมดแล้ว”
“ลืมอะ ไหนจะเรียนไหนจะซ้อมแถมยังมีสอบอีก”
แทคยอนว่า ในขณะที่มือก็เสียบดอกไม้ลงทีละดอก.. ทีละดอกอย่างตั้งใจ
นี่ใช่ไหมที่เคยมีคนบอกว่า ...เราจะรู้ว่าคนๆนั้นใส่ใจในสิ่งนั้นมากแค่ไหนให้ดูจากการกระทำ...
“แสงไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถ่ายเองเหรอ”
“อืม บางทีอูยองกับซองวานก็ถ่ายให้บ้าง”
แทคยอนตอบ
“ไว้วันหลังพี่เอากล้องมาถ่ายให้ดีกว่า
พี่ชอบถ่ายรูป”
“ตามใจสิ” แทคยอนว่าก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม
ซบหน้าลงกับตักของผมอีกครั้ง
“ขอบใจนะสำหรับดอกไม้” แทคยอนไม่ตอบอะไรแค่ยิ้มเท่านั้น
แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวของผมไว้ก่อนจะขยับขึ้นมานั่งเบียดตัวกับผมบนเตียง
“ชนะหรือเปล่า?” แทคยอนพยักหน้าก่อนจะหอมแก้มผมอีกที
อ้อมแขนโอบกระชับจนร่างของผมเบียดเข้ามาชิดกับร่างของแทคยอน
“เดี๋ยวๆ
แล้วอาบน้ำมาหรือยังล่ะเนี่ย” ผมรีบท้วง ความจริงผมชักเริ่มคิดอะไรไม่ออกต่างหาก
เพราะดูเหมือนเด็กนี่จะไม่สนใจสิ่งรอบตัวเสียแล้วสิ
“เหงื่อไม่ทันออกด้วยซ้ำ” แทคยอนงึมงำก่อนจะซุกหน้าเข้ากับซอกคอของผม
“หอมจัง” แต่ผมชอบกลิ่นของเด็กนี่มากกว่าอีกนะ
“จะบอกว่าตัวเองเก่งว่างั้นเถอะ
ไอ้เด็กขี้โม้เอ๋ย” แทคยอนหัวเราะชอบใจก่อนจะจูบเบาๆที่ต้นคอของผม
ทำเอาขนลุกและสะท้านไปทั่วตัว
“คนเก่งต้องได้รางวัลใช่ไหม?
แถมยังทำตัวเป็นแฟนที่น่ารักเอาดอกไม้มาส่งให้แฟนอีก อืม.. รางวัลสองเท่าเลยนะ” แทคยอนพูด
ผมค้อนตาแทบคว่ำเลยทีเดียวแต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อสบตากับสายตาหวานเชื่อมที่เปลือยความรู้สึกทั้งหมดของแทคยอนออกมา
“อย่ามาตู่วะ
ไม่มีรางวงรางวัลอะไรทั้งนั้นแหละ” ผมพูดพร้อมกับหันหน้าหนีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น
“แต่จะเอา” แทคยอนพูดด้วยน้ำเสียงเบาแต่ความหมายนะเอาแต่ใจที่สุดแถมยังทำตามที่พูดด้วย
ปลายจมูกโด่งของแทคยอนแตะไล่ตั้งแต่แก้มของผมจนมาถึงริมฝีปาก
ซึ่งผมพยายามเบี่ยงหน้าหนีแล้วแต่ก็ไม่รอดพ้น ริมฝีปากบางได้รูปนั่นแนบลงมากับกลีบปากของผม เพียงแค่แทคยอนขยับสัมผัสเพียงไม่กี่ครั้งผมก็อ่อนโอนผ่อนตามไปเสียแล้ว มือที่เคยดันไหล่กว้างของแทคยอนให้ถอยห่างก็เปลี่ยนเป็นยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งนั้นแล้วเหนี่ยวรั้งร่างสูงยาวนี่ให้แนบชิด
เรียวลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้ามาไล่ต้อนลิ้นของผมและตอนนี้หัวใจของผมกำลังเต้นไม่เป็นระส่ำ
สมองก็กำลังจะขาวโพลนอีกครั้ง
ผมหายใจติดขัดเมื่อฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งของแทคยอนค่อยๆดึงเอาชายเสื้อนักศึกษาของผมออกก่อนที่จะสอดมือเข้ามาลูบไล้แผ่นหลังเบาๆจนผมวามไหวไปทั่วทั้งสรรพางค์
ปลายนิ้วไล้สัมผัสมันแผ่วเบาเพื่อปล่อยให้ผมผ่อนตาม
ผมได้แต่ครางฮือในลำคอเพราะถูกปิดปากเอาไว้
ซ้ำเรียวลิ้นอุ่นจนร้อนจัดนั้นยังคงไล่ต้อนและเกี่ยวกระหวัดตามไล่ผมไม่ห่าง
ตอนนี้สมองของผมขาวโพลนไปหมดแล้ว ผมคิดอะไรไม่ออก
ตอนนี้ร่างกายของผมนึกถึงและคิดถึงสัมผัสของแทคยอนเท่านั้น ปลายนิ้วอีกข้างค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของผมออกโดยที่ผมไม่รู้ตัว
มารู้สึกเอาก็ตอนที่ตุ่มเล็กๆโดนทั้งสองนิ้วบดขยี้ไปเสียแล้ว
“ดะ... เดี๋ยวก่อน” ผมถอนจูบและดันไหล่ของแทคยอนไว้ พยายามขืนตัวออกเต็มที่
แต่ทว่าก็ออกห่างเด็กนี่ได้ไม่ถึงคืบด้วยซ้ำเพราะแทคยอนเอือมมือโอบผมไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงนั่น
“คุณ...นิชคุณ” แทคยอนกระซิบเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและแหบพร่า
ดวงตาคู่คมฉายแววอ้อนวอนให้ผมยอมความ
ริมฝีปากบางได้รูปคู่นั้นคอยเฝ้าไล้จูบตามแนวคางของผม
“นะครับคนดี” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาชิดใบหูพร้อมกับฝ่ามืออุ่นลากไล้ที่แผ่นหลังและสีข้างของผม
“ตะ... แต่... แต่... พี่... พี่ไม่... เคยนะ” ผมตอบกลับเสียงแผ่วพลิ้ว แทคยอนยิ้มกว้างทั้งตาและปากทำเอาผมใจอ่อนวาบ
ร่างของผมถูกอ้อมแขนนั้นโอบกอดไว้แนบชิด
“นั่นไม่ใช่ปัญหา”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่ผมก็ยังกลัวอยู่ดี
“แต่...” ผมยังคงค้านแต่น้ำเสียงของผมเบาหวิวยิ่งนัก
ยิ่งเรียวปากได้รูปพรมจูบไปทั่วแก้มและไล้เลยขึ้นไปยังใบหูและขบเม้มที่ปลายติ่งเบาๆ
เรี่ยวแรงและคำเอ่ยค้านก็หายวับไปหมด
“นะครับคนดี”
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วที่ข้างหู ลมเบาๆที่เป่าเข้าหูผมทำเอาสั่นสะท้านไปทั่วร้าง
และเพียงเท่านี้ผมก็ไม่ขัดขืนอีกต่อไป
ไม่มีคำอนุญาตจากผมแต่สองมือที่เอื้อมขึ้นไปโอบรอบต้นคอของแทคยอนอีกครั้งนั้นก็มากพอที่จะเป็นคำอนุญาตได้แล้ว
กลีบปากคู่นั้นยามนี้ช่างร้อนจัดเสียจนผมรู้สึกถึงมันทุกครั้งยามที่ลากไล้ผ่านผิวเนื้อของผม
ทุกครั้งยามที่เรียวปากคู่นั้นสัมผัสที่ผิวกายของผม
อุณหภูมิในร่างกายก็ค่อยๆร้อนขึ้นดั่งเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำและร้อนแรงยิ่งขึ้น
หัวใจที่เคยสั่นเพราะกลัวของผมตอนนี้มันก็เต้นรัวอย่างวามใจ
ฝ่ามือใหญ่ที่ลากไล้ผ่านลำคอลงมาที่หน้าอกของผมนั้นค่อยๆไล้ปัดผ่าน ยอดอกของผมไปราวกับหยอกเล่น
ไล้วนลงไปถึงหน้าท้องของผมก่อนที่จะค่อยๆวกขึ้นมาพร้อมกับริมฝีปากนั้นที่จูบซับไล้ตามมา
ปลายนิ้วบดขยี้ยอดอกของผม ส่วนอีกข้างก็โดนปลายลิ้นอุ่นไล้สัมผัส
ทั้งขบและกัดเบาๆยิ่งทำให้ผมเสียวซ่านจนผมเผลอเกร็งจิกมือเข้ากับเส้นผมของคนที่แทบจะคร่อมผมไว้
เสียงครางแผ่วหลุดออกจากลำคอ มันช่างน่าอายยิ่งนัก
ยิ่งเสียงน่าอายนั้นครางถี่ขึ้น แทคยอนก็ยิ่งพยายามที่จะทำให้ผมร้องดังขึ้นอีกด้วยการครอบครองยอดอกแล้วผมแล้วไล้เลียดูดมันให้แรงขึ้นอีก
ผมบิดกายไปมาอย่างวามไหว แบบนี้ใครจะทานทนได้กันล่ะ
“ทะ.. แทค” ร่างสูงนั่นเงยสายตาขึ้นมามองผมก่อนที่จะก้มหน้าลงจัดการกับยอดอกอีกข้างของผม
ฝ่ามืออุ่นข้างที่ว่างก็ลูบไล้ตามแนวสีข้างขึ้นลงแผ่วเบาจนผมก็ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้สติของผมอยู่ที่ไหน
ผมเผลอหลุดครางเสียงแผ่วนั้นออกมาอีกครั้ง
แทคยอนยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะกดจูบฝากรอยไว้ที่หน้าอกและลำคอของผม
ฝ่ามือใหญ่ไล้สัมผัสจากหัวไหล่ลงมายังแขนและลูบไล้สีข้างของผมก่อนที่จะค่อยๆปลดแก้เข็มขัดนักศึกษาของผมออก
ริมฝีปากคู่นั้นยังคงจูบซับทำรอยสีเรื่อไปทั่ว ยามที่ริมฝีปากคู่นั้นลากไล้รอยจ้ำสีอ่อนก็ค่อยๆผุดตามที่กลีบปากคู่นั้นลากผ่าน
แทคยอนยังคงสาละวนกับซอกคอของผม เขายังคงจูบซับทำรอยอยู่
ฝ่ามืออุ่นค่อยๆดันร่างของผมให้ลงนอนกับพื้นเตียงนิ่ม พอแผ่นหลังของผมสัมผัสได้ถึงความนิ่มของเตียงแล้วนั้น
ริมฝีปากคู่นั้นก็ตามมาสัมผัสป้อนรสหวานให้อีกครา มันช่างดูดดื่ม
เร่าร้อนและเร่งเร้าให้สติของผมพร่าเลือนเสียเหลือเกิน
แผ่นอกของผมหยัดขึ้นเมื่อริมฝีปากคู่นั้นก้มลงต่ำไปสัมผัสกับมันอีกครั้ง
ครั้งนี้แทคยอนยิ่งไล้สัมผัสมันหนักหน่วงกว่าเมื่อครู่ยิ่งนักจนเผลอตัวยกหน้าอกเข้าใกล้ริมฝีปากคู่นั้นเสียเอง
มุมปากของคนทาบทับผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ปลายเรียวนิ้วแข็งค่อยๆลากผ่านแนวสีข้างออกผมลงไปแล้วล้วงเข้าไปในกางเกงของผมจนได้
ไล้วนสัมผัสกับช่วงเอวขอดของผมและไม่นานกางเกงนักศึกษาที่ถูกระเบียบของผมก็ค่อยๆถูกรูดลงไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว
ก่อนที่ริมฝีปากคู่นั่นจะปล่อยยอดอกของผม
ผมก็เอ่ยเรียกเขาไว้ด้วยเสียงสั่นพร่าของผม
“อ๊า... ทะ..แทค... เดี๋ยว” เสียงสั่นของผมหยุดชะงักเขาที่กำลังก้มลงไปด้านล่าง แทคยอนเงยหน้าผมมองด้วยสายตาที่ทอแววว่าตอนนี้กำลังต้องการผมอย่างมาก
หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ผมได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาดังกว่าปกติ
“ทำไม” ไม่มีร่องรอยความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้น
เขาเพียงแค่ถามด้วยความสงสัยเท่านั้น
“มัน... สว่างไป... พี่... พี่อาย”
ผมบอกเสียงแผ่วก่อนที่จะดึงสาบเสื้อนักศึกษา
ที่แหวกออกจนเห็นร่างของผมมาปิดตัวเองไว้ก่อน ใบหน้าที่แดงจัดของผมเบี่ยงหันหนีไป
แทคยอนยิ้มบางๆก่อนที่จะหันไปรูดม่านปิดเตียงเราเอาไว้
ดวงตาคู่คมที่ทอดมองผมในยามนี้นั้นช่างอ่อนหวาน
ต้องการและอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ มันทำให้ผมหลงเด็กตรงหน้านี้แทบจะโงหัวไม่ขึ้น เมื่อม่านถูกรูดปิดกลั้นเตียงไว้หมดแล้วก็ยังคงเห็นเป็นแสงสลัวๆแต่ก็ไม่ถึงกลับมืด
ผมยังคงคงเห็นคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้และเขาก็คงเห็นเรือนร่างของผมเช่นกัน
ใบหน้าคมที่ทอดมองผมอยู่นั้น
แค่ผมมองก็รู้แล้วว่าเขารักและต้องการผมมากแค่ไหน
และนั่นทำให้ผมยอมเขาโดยที่ไม่คิดที่จะห้ามอะไรอีกต่อไป
ปลายนิ้วยาวเอื้อมมาไล้สัมผัสที่แก้มร้อนจัดของผมและผมคิดว่าเขาคงรับรู้
รอยยิ้มที่วาดขึ้นตอนสัมผัสมันนั้นกำลังเอ่ยล้อผม ปลายเรียวนิ้วนั้นไล้เบาๆทั้งแก้ม
หลังใบหู และต้นคอของผม ขยับไล้สร้างความวามไหวแก่ผมจนผมหลับตาลงรับสัมผัสนั้นและเอียงใบหน้าเข้าหามือนั้นเสียเอง
“ถ้าไม่แน่ใจก็บอกให้ผมหยุดเสียตอนนี้”
เป็นคำพูดที่สุภาพบุรุษที่สุดเลยแฟนผมน่ะ
อึ๊ยๆๆ เขินตัวจะแตก
“แต่ฉันไม่อยากหยุดแล้วล่ะ” แล้วก่อนหน้านั้นจะพูดเพื่อ?
“เป็นของฉันเถอะนะคุณ...ก่อนที่ฉันจะคลั่งไปมากกว่านี้”
ผมพูดไม่ออกเลยได้แต่มองสบตาคู่นั้น
“ฉัน... ต้องการนายมากนะ” เสียงแผ่วเบาของแทคยอนนั้นกระตุ้นอารมณ์ในกายของผมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
มันทำให้ความกลัวทั้งหลายของผมหายไปหมด ด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบที่พูดว่าต้องการผม
เพียงแค่นั้นผมก็พร้อมยอมเป็นของแทคยอนแล้ว
ผมเอื้อมมือขึ้นไปลูบไล้เสี้ยวหน้าของแทคยอน ริมฝีปากได้รูปนั้นหันมาจูบที่ฝ่ามือของผม แทคยอนหันหน้ากลับมาสบตาของผมอีกครั้ง
ก็ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรให้มากมายไปมากกว่านี้แล้วไม่ใช่หรือไง ก็ในเมื่อในหัวใจและทุกความรู้สึกของผมมีแต่เด็กบ้าคนนี้เท่านั้นที่ได้ครอบครองและสายตาที่มองกลับมานั้นก็บอกผมหมดทุกอย่างอยู่แล้วว่า
ใครกันที่เป็นคนครอบครองหัวใจของเขาอยู่ตอนนี้ และ.. มันอาจจะตลอดไป
ถ้าไม่ใช่ผมแล้วจะเป็นใครได้ล่ะ ผมค่อยๆยืดตัวขึ้นขยับเข้าหาแทคยอนแล้วแตะริมฝีปากของผมเข้ากับริมฝีปากของแทคยอนและเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนแม้ว่าจะดูเก้
ๆ กัง ๆ แต่แทคยอนจูบตอบและค่อยๆนำผมไป เรี่ยวแรงของผมไม่เหลืออีกแล้วเมื่อจูบหวาน
ๆ นั้น ถูกป้อนมาให้คำโต ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งพร้อม
ๆ กับร่างใหญ่กว่านั้นที่ตามทับลงมา
ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาไล้เกี่ยวกับสิ้นของผมที่ตอนนี้ตอบรับกระหวัดกันอย่างไม่เขินอาย
ตอนนี้อารมณ์ต้องการของผมก็ถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มที่
เสื้อนักศึกษาที่ยังคงคาไว้ที่ไหล่ของผมค่อย
ๆ ถูกแทคยอนถอดมันออก ผมขยับกายลุกขึ้นอีกนิดเพื่อที่ให้แทคยอนดึงเสื้อนั้นออกไปให้พ้นทาง
ทั้ง ๆ ที่เรายังคงจูบกันไม่ห่างแต่มือของแทคยอนกลับทำหน้าที่ของมันได้ดีเหลือเกิน
ดีเกินไปจนผมแทบคลั่งทุกครั้งที่ปลายนิ้วนั้นไล้ผ่านผิวเนื้อของผม
เมื่อไร้สิ่งดั้นขวางใดๆค แทคยอน ก้มลงสัมผัสจูบตามแนวซอกคอของผม
สิ่งเดียวที่ผมทำได้เพื่อระบายความวามไหวก็คือเสียงครางของผมที่ดังแผ่ว แทคยอนค่อยๆเคลื่อนกายลงทาบทับผมลงมาชิดกว่าเดิม
ลมหายใจร้อนที่เป่ารดและไล้ไปทั่วยามที่กลีบปากคู่นั้น
ไล้ขบเม้มทำรอยทำเอาสติผมกระเจิง ผมบิดตัวไปมา สองขายาวที่คร่อมตัวผมไว้ก็ถูไล้แนวสีข้างผมเบาๆ
แทคยอนรุกผมทุกทางจนผมไม่มีทางรอดการโลมเล้านี้เลย ผมตกบ่วงแห่งความต้องการเขาไปจนปีนกลับขึ้นมาไม่ได้เสียแล้ว
แทคยอนยังคงแทะเล็มซอกคอของผม สองมือก็ยังคงสาละวนกับการลูบไล้ตัวผม
ไล้ลงสีข้างจนไปถึงเอวขอดแล้ววนกลับขึ้นมาทีเดิม
ลูบไล้ซ้ำๆจนสมองของผมแทบหยุดสั่งงาน
“อ๊ะ..” ผมเผลอหลุดครางเสียงดังเมื่อฝ่ามืออุ่นไล้วนมาที่หน้าท้องของผม
ผมเผลอชันขาขึ้นและมันก็ชนเข้ากับอะไรบางสิ่งที่กำลังพองอยู่ใต้กางเกงนักศึกษาของอีกฝ่าย
มันยิ่งทำให้ผมแก้มร้อนมากเข้าไปอีก
แทคยอนวกริมฝีปากกลับมาป้อนจูบให้ผมอีกครั้งและสองมือก็ค่อยๆลากไล้ลงไปยังกางเกงของผมที่ถูกปลดตะขอไว้แล้ว
มันเกาะสะโพกของผมอย่างหมิ่นเหม่เพียงแค่สองมือนั่นลากเข้าไปในกางมันก็ค่อยๆรูดลงทันที
กางเกงของผมถูกรั้งลงไปเรื่อยๆด้วยมือข้างหนึ่ง
ส่วนอีกข้างก็เฝ้าวนไล้ที่หน้าท้องของผมและริมฝีปากได้รูปที่คอยเฝ้าป้อนจูบไม่ห่าง
ผมควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ผมไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป
สองมือของผมเอื้อมขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่งแล้วรั้งให้แทคยอนเข้ามาใกล้และมอบสัมผัสให้ผมมากยิ่งขึ้น..
ผมต้องการมากกว่านี้.. มากกว่านี้.. และเร่าร้อนกว่านี้
ผมจิกเล็บลงที่ไหล่ของแทคยอน
เมื่อเจ้าตัวใช้สองมือปัดผ่านสิ่งอ่อนไหวของผมที่กำลังค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น
เสียงครางอื้อในลำคอเรียกให้แทคยอนยิ่งแกล้งผมโดยการวนผ่านไปมา
มืออีกข้างที่วนหน้าท้องอยู่ก็ค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาที่ท้องน้อยใกล้กับส่วนนั้นแต่ฝ่ามืออุ่นก็วกกลับขึ้นมาที่เดิมอีกคราจนผมเผลอครางออกไปด้วยความไม่พอใจ
คนด้านบนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะถอนจูบออกแล้วมองใบหน้าของผม
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมทำสีหน้าแบบไหนออกไป
รู้แค่เพียงในดวงตาคมนั้นฉายแววพึงพอใจเสียเหลือเกิน
แทคยอนค่อย ๆ ผละจากผมแล้วค่อย ๆ ถดตัวกลับไปด้านล่างเพื่อที่จะถอดกางเกงของผมให้หลุดออกจากร่างแต่ผมก็ผวาทันทีเมื่อเห็นว่าร่างใหญ่นี่ถอยออกไป
สองมือของผมจับที่ไหล่แทคยอน
“ดะ... เดี๋ยวก่อน”
“ทำไมครับที่รัก”
เสียงทุ้มเอ่ยกลับมาด้วยถ้อยคำหวาน ทำเอาผมลืมไปชั่วขณะว่าเอ่ยรั้งทำไมกัน
ทั้งๆที่ผมก็ต้องการมันเช่นกัน
“คะ... คือห้ามขำเด็ดขาดนะ”
แม้จะทำสีหน้าไม่เข้าใจแต่แทคยอนก็พยักหน้ารับ
กางเกงสแล็คสีดำที่ถูกต้องตามกฎระเบียบมหาวิทยาลัยค่อยๆถูกดึงออกและเผยสิ่งที่น่าอับอายของผม แทคยอนมองมันแล้วก็ยิ้มกริ่มก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองผม ส่วนผมก็ได้แต่เบือนหน้าหนีสายตาร้อนรุ่มนั้น
กางเกงซับในลูกไม้สีขาวที่ผมสวมนั้น
ไม่ได้ช่วยให้มันปกปิดอะไรเลยสักนิด แทคยอนขยับตัวขึ้นมากระซิบเสียงแหบข้างหูผม
“นายเซ็กซี่เป็นบ้าเลยนิชคุณ”
ผมเม้มปากไม่ตอบแล้วก็ได้แต่เบือนหน้าหนีอยู่แบบนั้น แทคยอนกดปลายจมูกลงกับแก้มของผมก่อนที่จะถอยตัวลงไปที่เดิม
ฝ่ามืออุ่นไล้ที่หน้าขาของผมเบาๆจะไล้ผ่านปลายขาของกางเกงซับในขาบานของผม
ยิ่งปลายนิ้วนั่นไล้ขึ้นสูงเท่าไหร่
อาการวูบหน่วงในท้องก็ยิ่งเกร็งตาม มืออีกข้างก็ไล้วนที่ต้นขาด้านใน
ปลายลิ้นอุ่นไล้วนที่รอบสะดือของผมสร้างความเสียวซ่านจนผมเผลอหยัดกายขึ้นรับสัมผัสเหล่านั้น
“อ่า... แทค”
ผมครางเรียกชื่อร่างสูงเสียงสั่นเครือ เสียงที่ผมได้ยินแล้วก็รู้สึกว่ามันช่างแหบพร่าและเซ็กซี่แบบที่แทคยอนบอกนั่นแหละ
แต่ตอนนี้ผมก็คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ส่วนนั้นของผมค่อยๆพองออกจนแทบจนล้นออกมาจากชั้นในตัวบางนั้น
แทคยอนค่อยๆดึงชั้นในของผมลงต่ำจนมันกองอยู่ที่ข้อเท้าข้างหนึ่งแล้วก็จัดการกับส่วนที่แข็งขืน ปลายนิ้วไล้ตรงท่อนลำนั้นเบาๆก่อนที่โพรงปากอุ่นจะเข้าครอบครองมัน
“อ๊า...”
ผมหยัดสองขาขึ้นจิกพื้นเตียงไว้เมื่อปลายลิ้นร้อนไล้วนส่วนปลายให้วาบวาม เมื่อแทคยอนเริ่มขยับผมก็เริ่มหวีดร้องอีกครั้งและยิ่งจิกพื้นเตียงเพื่อระบายความเสียวซ่านนั้น
ร่างของผมส่ายรับจังหวะนั้นโดยที่ไม่รู้ตัวและมันคงทำให้แทคยอนแทบคลั่งแน่ๆ
เพราะเจ้าตัวดูสนุกเหลือเกินกับการที่ได้เล่นสนุกกับร่างกายของผม สองมือของผมกำผ้าปูเตียงของแทคยอนแน่น
ขย้ำจนมันแทบจะขาดติดมือมาอยู่แล้ว ยิ่งแทคยอนเร่งเร้าจังหวะผมก็ยิ่งหวีดร้องและผวาตอบรับจังหวะนั้น
อาการวามในใจยิ่งพุ่งสูงจนผมเลื่อนมือไปสอดไล้เข้าใต้เส้นผมสีเข้มของแทคยอนแล้วขยุ้มเส้นผมนั้นแทน
จังหวะที่เร่งเร้าก็ค่อย ๆ หนักหน่วงขึ้นจนผมเกร็งไปทั้งร่างและปลดปล่อยสายธารนั้นออกมา
มันไหลย้อยจากส่วนปลายลงไปด้านล่าง หลังจากปลดปล่อยจนหมดผมก็ผวาลุกขึ้นทันที
“ขอโทษนะ” ผมช่วยเช็ดมุมปากของแทคยอนที่เปื้อนน้ำสายนั้นของผมด้วยทีท่าตกใจแต่แทคยอนกลับยิ้มขำแล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบผม
รสชาติเค็มแปลกๆที่ผมสัมผัสได้ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีเลยสักนิด
“น่ารักจังนะ” แล้วแทคยอนก็ได้กำปั้นทุบอกเป็นของตอบแทน
“ถอดเสื้อให้ผมหน่อยสิครับ”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงเขินอายแช่งด่าไอ้เด็กบ้านี่กลับไปแล้ว
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปผมได้แต่ยื่นมือสั่นๆออกไปค่อยๆปลดกระดุมเสื้อให้ผิวกายขาวที่มีมัดกล้ามเผยต่อสายตาผมทำเอาแก้มของผมร้อนหนักกว่าเดิม
ผมไม่กล้าที่จะขยับทำอะไรอีกแต่เสียงกระเส่าที่ชิดริมหูผมนี่สิ
“ถอดกางเกงให้ผมด้วยสิครับที่รัก”
สองมือของผมที่วางอยู่บนแผงอกมัดกล้ามนั้นไล้ลงต่ำไปที่หัวเข็มขัด
ผมได้ยินเสียงทุ้มครางแผ่วยามที่ผมลากมือผ่านลงไปด้วย
หลังจากปลดเข็มขัดได้ผมก็ปลดกระดุมกางเกงออก
เพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ตื่นตัวเต็มที่แล้วอยู่ภายใต้กางเกงชั้นในสีดำนั้น
แทคยอนช้อนใบหน้าผมแล้วคร่อมทับผมอีกครั้ง
ผมค่อยๆเอนตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้งโดยมีร่างสูงใหญ่คร่อมทับไม่ห่างและจูบของเราก็ไม่ยอมห่างเช่นกัน
“ไม่ต้องเกร็งนะครับ”
เสียงแหบที่กระซิบข้างหูเรียกให้ผมพยักหน้ารับตาม แทคยอนละจูบออกไปแล้วเพียงไม่นาน ผมก็รู้สึกถึงปลายนิ้วที่สัมผัสที่ส่วนปลายของผมปาดเช็ดคราบน้ำเหนียวนั้นและชโลมมันที่ช่องทางด้านหลัง
เมื่อโดนกระตุ้นสองขาของผมก็หยัดขึ้นและแยกออกโดยอัตโนมัติ
ก่อนที่ผมจะผวาเฮือกเมื่อสัมผัสถึงปลายนิ้วนั้นที่ชำแหละเข้ามา
“อ๊า... แทค..มันเจ็บ”
ผมหลับตาแน่นแล้วเบือนหน้าหนี แทคยอนตามมาประกบจูบผมแล้วจูบซับมุมปากของผม
“อย่าเกร็งนะ”
ผมพยักหน้าอีกรอบก่อนที่จะค่อยๆผ่อนลมหายใจ แทคยอนยังคงสาละวนกับการจูบซับซอกคอผมอยู่
เมื่อผมหายใจได้เป็นปกติเรียวนิ้วนั้นก็ขยับเป็นจังหวะ
มันยิ่งสร้างความรัญจวนใจแก่ผมยิ่งนัก เสียงครางหวานหูสำหรับแทคยอนก็ดังขึ้นอีกระลอก
แทคยอนขยับปลายนิ้วเบาๆก่อนที่จะเร่งจังหวะที่หนักหน่วงและเร็วขึ้น
แล้วนิ้วที่สองก็ตามแทรกเข้ามาให้ผมหยัดกายขึ้นสูงอย่างวามไหวแล้วหอบหายใจแรง แทคยอนก็คอยจูบซับผม
มืออีกข้างก็คอยลูบเนื้อตัวผมให้ผ่อนคลาย ขยับแทรกจังหวะสอดประสานไปกับผมที่ตอบรับจังหวะนั้น
แล้วจู่ ๆ ปลายนิ้วนั้นก็ถอนออกไปเล่นเอาผมผวาตัวตามจนแทคยอนส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
ผมยกกำปั้นขึ้นทุบที่อกเขาเบาๆเพราะผมแทบจะไม่เหลือแรงแล้ว
ร่างใหญ่ที่ทาบทับนั้นผละออกเพื่อถอดสิ่งกีดขวางของเขาออก
ผมเหลือบตามองก็เห็นส่วนนั้นที่มันขยายเสียเต็มที่และพร้อมที่จะออกรบแล้ว มันใหญ่กว่าของผมมากนักแล้วทฤษฎีที่ผมเคยอ่านเจอในเน็ตก็แล่นเข้าหัวทันทีว่าการที่โดนยิงโกลด์นั้นเหมือนกับที่เราเอานิ้วมือยัดรูจมูกนั่นแหละ
ถึงจะรูไม่เท่ากัน ขนาดไม่เท่ากันแต่ความเจ็บ พอๆกัน!
ใจของผมฝ่อไปเสียแล้ว แล้วแทคยอนคงจะรู้เลยจัดการป้ายน้ำเหนียวที่ผมทำเลอะไว้ที่ส่วนปลายของเขาแล้วค่อยๆแทรกผ่านเข้ามาในร่างของผม
“อ๊ะ! แทค!!” ผมผวาขึ้นกอดเขาทันทีที่ความเจ็บแล่นเข้ามา แทคยอนลูบหลังและจูบขมับปลอบผมแต่ผมกลับนึกกลัวเสียแล้ว
ก็ไอ้นั่นมันเล็กซะเมื่อไหร่เล่า!!
“ถ้าเจ็บหรือทนไม่ไหวก็ข่วนหลังหรือจะกัดไหล่ก็ได้นะ”
เมื่อสิ่งนั้นค่อยๆแทรกเข้ามาผมก็ผวาจิกเล็บลงบนแผ่นหลังแข็งแรงนั้นเพื่อระบายความเจ็บ
เมื่อผมไม่ไหวแทคยอนก็ยังคงคาไว้แบบนั้นเพื่อรอให้ผมปรับจังหวะลมหายใจ
ริมฝีปากคู่นั้นก้มลงมามอบจูบหวานๆให้ผมอีกครั้ง
สองแขนที่เท้าค้ำไว้ก็ค่อยๆเลื่อนปลายนิ้วมาประคองสองแก้มของผม ปลายนิ้วที่คลึงเบาๆเรียกให้ผมสงบขึ้นเยอะ
หลังจากที่ผ่อนลมหายใจได้เป็นปกติแล้ว ความเจ็บก็แปรเปลี่ยนเป็นความต้องการจนผมยกเอวขึ้นตอบรับสิ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว
สิ่งนั้นค่อยๆขยับผ่านร่างของผมเข้ามา
ผมที่กำลังหลังมัวเมากับรสจูบที่ป้อนมานี้ก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามันแทรกเข้ามาจนสุดความยาวของมันแล้ว
แทคยอนยังคงนิ่งไว้แล้วป้อนจูบให้หนักหน่วงขึ้นก่อนที่เขาจะเริ่มขยับ
จังหวะช้าเนิบนาบที่ส่งมาเรียกเสียงครางฮือจากผมได้
ผมเบี่ยงหน้าหนีรสจูบนั้นแล้วจิกมือเข้ากับแผ่นหลังขาว
คิดว่าคงได้เลือดซิบกันล่ะแต่ใครล่ะจะสนก็ในเมื่อตอนนี้ผมกำลังสนใจกับอะไรตอนนี้อยู่ต่างหาก
แทคยอนผละออกเพื่อใช้มือค้ำร่างไว้แล้วเร่งจังหวะสอดแทรกเข้ามา
ผมก็แยกขาออกกว้าง ผมรู้สึกว่ามันสอดเข้ามาได้ลึกกว่าปกติ
เสียงครางของผมสอดรับกับจังหวะที่แทรกเข้ามา เสียงหายใจของแทคยอนสลับกับเสียงครางฮือในลำคอยิ่งทำให้ผมไร้ซึ่งสติ ผมเอื้อมมือออกไปเกี่ยวรั้งคอแทคยอนให้ก้มลงมาจูบ
แม้ว่าเราจะจูบกันอยู่แต่ด้านล่างก็ยังคงสอดจังหวะเข้ามาหนักหน่วงจนผมทนไม่ไหว
อยากได้มากกว่านี้
“อ๊า.. แทค ฉัน...”
เสียงของผมขาดหายเมื่อแทคยอนหยุดกายแล้วค่อยๆโน้มตัวลงมาพร้อมกับที่ยกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นพาดไหล่ของเขา
ฝ่ามือใหญ่สอดประสานกับมือของผมแล้วกดมือผมลงกับพื้นเตียง
“พร้อมนะ”
ผมพยักหน้าตอบรับแล้วจังหวะที่หนักหน่วงและรุนแรงนั้นก็กลับมาอีกครั้งและยิ่งทวีความร้อนรุ่มขึ้นอีก
ผมเงยหน้าขึ้นครางเสียงหวานก่อนที่จะงับไหล่ของคนตรงหน้าไว้
เมื่อรู้สึกว่าส่วนนั้นมันเข้าไปลึกเกินไป
ขาของผมที่พาดไหล่แข็งแรงไว้ก็เกร็งเพราะความเสียวซ่านและหาที่จิกไม่ได้
ส่วนอีกข้างก็จิกพื้นเตียงไว้ สองมือก็จิกเล็บลงบนหลังมือของคนคร่อมทับ
“อ๊า... ดะ... เดี๋ยวก่อนทะ..แทค..
หยุดก่อน!” แทคยอนหันมองหน้าผมแต่ก็ไม่ยอมหยุดจังหวะนั้นลงจนเสียงผมขาดๆหายๆ
“ยะ.. หยุดก่อน พักก่อน”
“ทำไมครับ”
เสียงทุ้มยิ่งแหบพร่าเมื่อกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ต้องการอย่างถึงที่สุด
ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาแล้วหันมองเขาด้วยหยดน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาเป็นสาย
“ตะ... ตะคริวกินขาอ่ะ”
แล้วจังหวะนั้นก็หยุดลง แทคยอนมองหน้าผมก่อนที่จะหัวเราะเบาๆแล้วค่อยๆถอยตัวออกไปเพื่อที่จะดูขาข้างที่ผมพาดไว้กับไหล่เขา
สองมือของแทคยอนจับนวดขาข้างนั้นให้ผมซึ่งตอนนี้ผมโคตรจะอายเลยอ่ะที่อยู่ ๆ ก็ตะคริวแดกตอนที่กำลังโดนเขาแดกเนี่ย!!!
แม่มมมม รู้ถึงไหนนิชคุณได้อายไปถึงนั่น!!!
“หายหรือยังครับ”
ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วน้ำตาก็ยิ่งไหลเมื่อมันเจ็บจี๊ดๆ
ส่วนล่างที่เชื่อมกันอยู่ก็ยังไม่ยอมลดระยะทางและขนาดลงเลย ทั้งเสียวซ่าน
ทั้งเจ็บแปลบผสมกันทำเอาสนุกดีพิลึก!
“ไม่ต้องเกร็งมากขนาดนั้นนะ
ถ้าหาที่ลงไม่ได้ก็กัดไหล่ผมไว้นะ” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง หลังจากที่แทคยอนนวดขาผมให้หายจากอาการตะคริวกิน
“งั้นมาต่อเลยนะ” แทคยอนกระซิบเบาๆอีกครั้ง
เมื่อผมพยักหน้าตอบจังหวะช้าๆก็เริ่มบรรเลงขึ้นก่อนที่จะทบทวีจนหนักหน่วงตามเดิม ผมเลือกที่จะกัดไหล่ของเด็กหนุ่มตรงหน้าไว้เพื่อคลายความเสี่ยวซ่านแทนที่จะเกร็งขา
กลัวตะคริวจะแดกอีกรอบ
แทคยอนโน้มตัวลงมาใกล้และจูบผมจนตอนนี้ผมเลือกรู้สึกดีไม่ถูกแล้วว่า
สิ่งไหนที่ทำให้ผมล่องลอยแบบนี้ จังหวะที่รุนแรงนั้นค่อยๆผ่อนแรงลงและกลับมาแทรกหนักหน่วงอีกครั้ง
จังหวะที่แทคยอนบรรเลงนั้นช่างวาบวามและเสียวซ่านจนผมเผลอร้องครางเสียงดังอีกรอบ
มือทั้งสองข้างก็จิกเล็บแน่นเมื่อแทคยอนกัดที่ซอกคอผมเบาๆ
“คุณครับ
บอกให้กัดไหล่ไม่ใช่เอาขามารัดคอ” ผมลืมตามองขาของผมที่พาดอยู่บนไหล่กว้างนั้นและมันกำลังรัดคอแทคยอนอยู่จริงๆนั่นล่ะ
แต่แทคยอนก็ยังคงไม่ลดจังหวะลงแม้แต่น้อย
“อ๊ะ.. ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ”
ผมขยับขาออกจากคอของแทคยอนออกไปจนเกือบจะสุดปลายไหล่ และนั้นยิ่งทำให้คนบนร่างผมสอดเข้ามาได้ลึกสุดๆ
แทคยอนขยับรุนแรงและส่งส่วนนั้นเข้ามาลึกจนสุด
ผมรู้สึกว่าร่างของผมกระตุกและหยัดเอวขึ้นสูงเพื่อตอบรับส่วนนั้น
“อ๊า.. คุณ นายนี่สุดยอดจริงๆ”
เสียงทุ้มกระซิบที่หูของผมแต่ผมกลับไม่ได้ยินว่าเสียงนั้นพูดอะไร
เสียงครางเฮือกสุดท้ายถูกปล่อยพร้อมกับน้ำอุ่นๆที่ฉีดพุ่งเข้ามา
ผมได้แต่นอนหอบหายใจเหนื่อย แทคยอนก้มหน้าลงซุกที่ซอกคอของผมอีกครั้งแล้วขบเม้มแรงขึ้น
ส่วนล่างก็ค่อยๆสอดเข้ามาเพื่อปล่อยสายน้ำอุ่นนั้นไว้ในร่างของผมให้หมด
“อื้อ...” ผมครางเสียงแผ่วก่อนที่จะกัดไหล่แข็งนั้นแรงๆ
เพื่อเตือนให้แทคยอนหยุดขยับได้แล้วไม่อย่างนั้นคงจะได้มีอีกรอบแน่ๆ
“หลงตายเลยทีนี้นะ” ผมควรจะเข้าใจประโยคนี้ของแทคยอนหรือเปล่านะ ไม่รู้สิ
ผมรู้สึกหมดแรงยังไงก็ไม่รู้ ผมยังคงนอนหอบคล้ายกับไปวิ่งมาหลายสิบกิโลเลยล่ะ
เมื่อกี้ก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่หรอกนะแต่ตอนนี้ผมเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทัน
ผมปล่อยไหล่ที่กัดนั้นออกแล้วนอนหอบมองแทคยอนที่ยิ้มดูเจ้าเล่ห์แปลกๆชอบกล
พร้อมกับที่ค่อยๆถอนส่วนนั้นออกไป ผมก็ผวาสะดุ้งเฮือกกอดรัดคอแทคยอนไว้แน่น
ตอนนี้ผมคงทำได้แค่มองเด็กนี่ที่ยิ้มให้ผมนิ่งๆ
รู้สึกมึนๆ งงๆ เอ๋อๆ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก มันแบบ.. เมื่อกี้นี้เกิดอะไรกันหว่า? ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้คืออะไรกันอะ?
ไม่เข้าใจ ประมวลผลไม่ทัน
“จูนเครื่องได้หรือยังครับ
หื้ม?”
ชอบจังเลยเวลาแทคยอนพูดกับผมด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มแบบนี้นะ
เสียงทุ้มๆที่ฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยน
“จูนเครื่อง?” ผมทวนคำอย่างมึนๆ อะไรคือจูนเครื่องกันล่ะ แทคยอนยิ้มมุมปากแล้วโน้มตัวลงมาใช้ศอกเท้าค้ำตัวเองไว้
“อะไร?” แล้วแทคยอนก็หัวเราะขำกับคำถามของผมก่อนที่จะโน้มหน้าลงมาจูบเร็วๆ ซ้ำๆที่
ริมฝีปากแดงเจ่อของผม
อืม... ถ้ามองไม่ผิด
ริมฝีปากคู่นั้นของแทคยอนเองก็แดงไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยแฮะ
“เป็นยังไงบ้างครับที่รัก”
แทคยอนถามอีกรอบและแน่นอน... ผมก็ยังคงเป็นผม... หาได้เข้าใจอะไรได้รวดเร็วไม่
“เป็นอะไรเหรอ”
“คุณอะ!” แทคยอนหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วก็กระชับอ้อมกอดจนร่างเปล่าเปลือยของผมเบียดกับร่างเปลือยของแทคยอนแต่ผมก็ยังประมวลผมไม่ทันอยู่ดี
เมื่อกี้มันเหมือนลอยๆอยู่ในอากาศเลย มึนๆ เบลอๆ
“...???...”
“ก็ที่เพิ่งผ่านมาไงล่ะ”
อ่า... เรื่องนี้นี่เอง
เมื่อพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้วผมก็เลยพยายามตั้งสติ
แต่ก็ปล่อยให้เด็กนี่รอนานเป็นนาทีเหมือนกัน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไรยังคงจ้องหน้าผมนิ่งแบบนั้น
“ที่ทำกันเมื่อกี้?”
แทคยอนพยักหน้า
“พี่เสียซิงให้นายแล้วใช่ปะ”
ความเข้าใจของผม ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่หรือไม่ใช่ ว่าแล้วว่าไอ้เด็กนี่ต้องหลุดขำแน่ๆ
เห๊อะ!!!
อย่ามาขำผมนะ ลองมาเสียซิงบ้างสิวะ แม่ม! เดี๋ยวก็ฟ้อนเล็บใส่อีกหรอก!
“อีกสักรอบไหมครับ
เผื่อจะได้แน่ใจอะไรขึ้น” แทคยอนว่าและทำท่าเหมือนจะทำอย่างที่ปากพูดซะด้วย
“ไม่ต้องๆ
พี่ยังเหนื่อยอยู่นะ” ผมรีบพูดแต่ถ้าพี่หายเหนื่อยนั่นคืออีกเรื่องหนึ่งนะ เอ้า! ฮิ้ววววววววววว
“อ่าฮะ
รอหายเหนื่อยก่อนก็ได้เดี๋ยวก็ตะคริวกินขาอีกหรอก” โอเค ไอ้เด็กชั่ว ไปไกล ๆ เลยเดี๋ยวรอบสองก็จะไม่ได้หรอก!
“ขอโทษครับ ไม่พูดแล้ว
ไว้รอพี่หายเหนื่อยแล้วอีกรอบก็ไม่สาย” กูรั่วออกไปอีกแล้วสินะ เหอๆๆ
“ว่าแต่เมื่อกี้รู้สึกดีใช่ครับ”
ผมพยักหน้า รู้สึกตัวเองหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ดีจังเลย” แทคยอนโน้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผากเบาๆก่อนที่จะยิ้มกว้าง
ดวงตาเป็นประกายแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม
“นึกว่าจะไม่ชอบซะแล้ว” แทคยอนพูดกลั้วหัวเราะ
ทำไมผมต้องไม่ชอบที่แทคยอนแตะต้องตัวผมล่ะ ผมชอบจะตายแต่ผมก็ไม่บอกเด็กนี่หรอก
อิอิ
“ไม่ต้องบอกผมก็รู้นะนิชคุณ
ถ้านายยังไม่เลิกรั่วแตกแบบนี้น่ะ”
ขอบคุณ
แกล้งทำเป็นไม่รู้บ้างก็ได้ป่ะวะ!
แทคยอนหัวเราะเบาๆ
แล้วกอดผมไว้ก่อนที่จะซุกใบหน้าลงกับซอกคอของผม
ผมเริ่มรู้สึกเย็นขึ้นมานิดๆเพราะไม่ได้สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว แทคยอนเอาผ้าขึ้นมาห่มให้ผมและตัวเองไว้ก่อนที่จะลงนอนข้างๆแล้วกอดผมไว้แนบอก
“แทค”
ผมเรียกและเขาก็ขานรับในลำคอเบา ๆ
“หืม?”
“เรื่องอย่างที่ทำเมื่อกี้นี้”
“ทำไมเหรอ?” แทคยอนขยับกายออกห่างผมเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าลงมองสบตาของผมที่เงยมองเขาอยู่
“พี่ทำอย่างเมื่อกี้กับนายได้ไหมอ่ะ
ทำแบบที่แทคทำกับพี่อ่ะ แบบสลับกันอ่ะ” ผมถาม แทคยอนทำหน้าตกใจก่อนที่จะกระตุกยิ้มแล้วหัวเราะเบา
ๆ ทำไมอ่ะ? ผมทำบ้างไม่ได้เหรอ? หรือยังไง อะไรงง แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมอยากทำแบบนั้นกับแทคยอนด้วยนี่นา
ผมรู้สึกดี ผมก็แค่อยากให้แทคยอนรู้สึกดีด้วย มันผิดเหรอ?
“ไม่ได้เหรอ?” ผมถาม ผมรับรู้ได้เมื่อแทคยอนส่ายหน้าช้าๆแล้วกอดผมแนบอก
“ตอนนี้ไม่ได้” แทคยอนบอกผมเสียงเบาที่ข้างหู
“ทำไมอ่ะ” เสียงแทคยอนหัวเราะก่อนจะกระซิบบอกผมเบาๆพร้อมกับขบเม้มที่ปลายติ่งหูผมแผ่วเบา
“ไว้ให้นายเรียนให้เก่งก่อนแล้วค่อยคิดจะทำนะ”
เสียงทุ้มนั่นทำเอาผมพยักหน้ารับแบบงงๆ แทคยอนหัวเราะเบาๆแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ เอ?
หรือมันมีประโยคความแฝงอะไรไว้ในนั้นหรือเปล่า?
“จริงๆนะ” แทคยอนยิ้มกว้างแล้วจูบที่หน้าผากผมอีกที
ฝ่ามือใหญ่นั่นก็ลูบไล้ไปตามร่างของผมอย่างแผ่วพลิ้ว
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย
อย่าลูบมากเดี๋ยวแม่ก็จัดตอนนี้เลยนิ!!
“คำไหนคำนั้นครับที่รัก”
ทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะเขินตายในอ้อมอกนี้กับคำว่าที่รักจังเลยน้า~~
อิอิ เสียงทุ้มที่เรียกว่าที่รักน่ะมันอ่อนโยนและก็หวานมากเลยนะ แทคยอนยังคงลูบไล้ตามท่อนแขนและสีข้างของผมไปเรื่อยๆโดยที่ผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเขา
จะว่าไป.. เรื่องของเรื่องก็คือผมชอบสัมผัสทุกอย่างของแทคยอนที่สัมผัสผมนั่นแหละ
จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องสะบัดสะบิ้งทำตัวตุ๊ด มันหมดเวลาเล่นตัวแล้วล่ะนิชคุณ......
อิ...อิ
“หายเหนื่อยหรือยังครับ”
แทคยอนเอ่ยถามผมเสียงเบา ผมก็แค่พยักหน้าเบาๆ
กลัวผมเหนื่อยเหรอเนี่ย? แหมๆๆๆ น่ารักจริงๆเลยอ่ะแฟนใครหนอ~
อิอิ ตัวเองต่างหากที่เหนื่อยน่ะยังจะมามัวห่วงเก๊าะอีก
โอ๊ยยย เก๊าะรักตัวเองสุดใจเลยจ้าาาาา
“อืม พี่หายแล้ว ทำไมเหรอ?
หรือว่าแทคยอนเหนื่อยนอนพักก่อนไหม” แทคยอนส่ายหน้าทันที
เบียดกายชะโงกตัวไปเอื้อมนาฬิกาปลุกเครื่องเล็กที่อยู่ข้างหมอนฝั่งของผมมาก่อนจะวางมันลงที่เดิมและมองสบตากับผมด้วยสายตาที่โคตรจะเจ้าเล่ห์!
เหมือนผมจะเข้าใจอะไรได้ลางๆนะ
“อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานัดนิเนอะ”
ผมยิ้มเขินโคตรๆซุกหน้ากับอกของเด็กหื่น แทคยอนเลยกดจูบไหล่ของผมย้ำๆ
“เหลือเวลาอาบน้ำอีกด้วยนะ”
ไม่เข้าใจก็โง่แล้วว่าเด็กนี่ต้องการอะไรและบังเอิญว่าผมไม่โง่ซะด้วย! ชิชะ ขอบอกว่านิชคุณฉลาดมากนะครับ!!! ก็เลยเข้าใจว่า
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธอะไรสักนิด
“อีกสักพักค่อยไปอาบน้ำกันนะครับ”
ในเมื่อผมไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ตอบออกไปว่าไม่
ทำได้แต่ซุกอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแบบนั้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าเด็กนี่จะต้องหยุดความคิดและการกระทำอยู่แล้ว
และดีที่ว่าตอนนี้ที่ปากของผมมันไม่ว่างเพราะต้องเปล่งเสียงจากการสัมผัสของไอ้เด็กหื่นนี่
ไม่อย่างนั้นมันต้องรั่วออกมาและคนอย่างไอ้เด็กบ้านี่ก็พร้อมที่จะตามใจผมซะด้วย
ถ้าเด็กนี่รู้ล่ะนะ
ความจริงผมอยากยกเลิกนัดเย็นนี้กับพวกเพื่อนๆด้วยซ้ำ
ถ้าจะไม่โดนมันประณามเอานะ ก็อยากอยู่กับเด็กตัวโตนี่บนเตียงนี้ทั้งคืนนั่นแหละ! ตามนั้นครับ! อิอิ
ผมหื่นไปหรือเปล่าเนี่ย!
ไม่หรอก สวยๆ เริ่ดๆ เอ้ย..น่ารัก
หล่อ ๆ อย่างนิชคุณซะอย่าง คิๆ
อะแฮ่มมม!คนสวยเสียจิ้นให้เด็กซะแล้ว..ใครรักใครหลงใครมากกว่าใครก็ไม่รู้
ตอบลบโถ..ถูกน้องแทคกดน่ะดีแล้วล่ะคุนนี่อย่าริไปกดน้องเขาเลย อิ อิ.......thanks