วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

[Mpreg] อุ่นไอรัก #4 (100%)


[Mpreg]:  อุ่นไอรัก : 04
Pairing :  TaeTen, Johneil,Jaedo,Hanta  & SMROOKEIS
By winata [@WNzro07]
Other : 1.เนื้อหาในฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาของผู้แต่งเท่านั้น  ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ตัวศิลปิน  เสื่อมเสียแต่อย่างใด  โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงและฟิคในเรื่องนี้ผู้ชายท้องได้
            2.เรื่องนี้ต้นฉบับออริจินอลเป็นของคนแต่งในยูสอื่นที่ใช้แต่งวงอสูรในคู่ดูซอบ  ที่แบบตอนนี้ติ่งรุกกี้แรงมากเลยหยิบมาปัดฝุ่นดัดแปลงใหม่ค่ะ  ซึ่งจะไม่เหมือนเดิมเลยยกเว้นคู่หลัก 555+++
            3.สนุกค่ะ เจอคำผิดคำตกข้ามมันไปเถอะไว้ว่างจะเข้ามารีไรท์ใหม่ แฮร่ ><




แทยงเดินลากเท้าตามเพื่อนร่วมวงที่เดินนำมาเรื่อยๆ  จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เข้ามาอยู่ในห้องผู้ป่วย   ยืนอยู่ข้างเตียงที่มีคนป่วยที่นอนให้น้ำเกลือพร้อมกระปุกอะไรไม่รู้สองกระปุกเล็ก   นัยน์ตาคมมองใบหน้าเรียวของคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงยังคงซีดเซียว  แม้จะผ่านไปนานเกือบสามชั่วโมงแล้วยังไร้วี่แววว่าที่คุณแม่คนใหม่จะฟื้น


มือหนาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มบางอย่างแผ่วเบา  อย่างไม่กล้าที่จับแรงๆ กลัวจะเป็นการก่อกวนของคนที่นอนหลับ   ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงก่อนคว้ามือบางมากุมไว้พร้อมกับจูบที่หลังมือบางเบาๆ


กิริยาของแทยงที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาหรือพูดคุยกับสมาชิกตั้งแต่เข้ามาในห้องพักผู้ป่วย   สมาชิกคนอื่นๆ ต่างสังเกตเห็น  แต่พวกเค้าเป็นแค่เพื่อนร่วมวงไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนรัก  แม้จะสงสัยขนาดไหนตอนนี้คงทำได้อย่างเดียวคือการรอคอย   ให้คนสองคนซึ่งเป็นคู่กรณีกันออกมาพูดเอง


“ออกไปหาไรเย็น ๆ ดื่มกันไหม  ปล่อยไว้แบบนี้ล่ะ”


กลายเป็นฮันซลที่หันมาถามอีกคนที่เหลือที่นั่งกันอยู่เงียบ ๆ ที่โซฟา   โดยที่สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องแทยงแบบไม่ให้คลาดสายตา   ก่อนที่สมาชิกคนอื่นๆ จะพยักหน้าค่อยลุกออกไปอย่างเงียบ  ซึ่งผ่านไปนานพอสมควรแทยงถึงได้รู้ว่าเหลือตนเองเพียงลำพังที่นั่งเฝ้าเตนล์อยู่


ชายหนุ่มเอนศีรษะลงบนข้างเตียงโดยที่มือบางแนบอยู่แก้ม   ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงเพื่อนึกย้อนไปยังปลายปี  ที่พวกเค้าวง BassBot ได้ไปแสดงงานคอนเสิร์ตรวมของค่ายที่เซียงไฮ้ซึ่งมันคือจุดเริ่มต้นในสิ่งที่แทยงบอกคนที่นอนอยู่บนเตียงว่ามันคือความผิดพลาดเพราะความเมา   ที่เค้าไม่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น!!!!




ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจในสิ่งที่ตัวเองแอบคาดหวังมาตลอดเวลาหลายปี  ระหว่างหลังการซ้อมคอนเสิร์ตในสเตจดูเอทระหว่างลีแทยง วงBassBot กับลีดเดอร์สาวสวยเกิร์ลกรุ๊ปร่วมค่าย 


“แทยง  นายว่าวันนี้ฉันสวยไหม?”


“เอ้า  พอๆ ไม่ต้องหมุนตัว  ขาเธอยังไม่หายดีนะจูฮยอน  แค่นี้เธอก็สวยและน่ารักมากแล้ว  ถ้าไม่เชื่อคอยฟังเสียงแฟนๆ  ตอนพวกเราขึ้นเวที”   


“ฉันตัดสินใจแล้วนะแทยง   คืนนี้หลังจบคอนเสิร์ตฉันจะบอกชานยอลว่าฉันรู้ยังไง  นายต้องเอาใจช่วยด้วยน่ะเพื่อนร้ากกกกก”


วินาทีนั้นคำว่าอกหักเป็นยังไงลีแทยงเพิ่งสัมผัสเป็นครั้งแรก  เพราะตอนแรกแค่คิดว่าการอยู่ใกล้ๆ ก็มากพอ   เคยคิดจะบอกหญิงสาวตรงหน้านี้หลายครั้งต่อหลายครั้งทั้งที่มีโอกาสได้ร่วมงานกันมากมายแต่ก็ไม่เคยจะกล้าสักที   ทั้งที่ความรู้สึกเกินเพื่อนมันมีมานานเสียจนจำไม่ได้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหน


คอนเสิร์ตจบลงตอนไหน  แทยงแทบจำไม่ได้ว่าตลอดคอนเสิร์ตเค้าได้แสดงหรือพูดคุยบนเวทีอะไรไปบ้าง  รู้แค่ทำในแบบที่เคยทำมาตลอดแม้บางจังหวะจะมีสายตาแปลกๆ ของเพื่อนร่วมวงมองแบบงงๆ


รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ใช่เรื่องดี  แถมตัวเองยังเป็นพี่ที่ต้องช่วยลีดเดอร์อย่างมุนแทอิลดูแลน้อง ๆ แต่วันนี้ความอดทนของลีแทยงในการรักษาภาพลักษณ์ของไอดอลสิ้นสุดลง  


มือหนายกแก้วใสที่บาร์เทนเดอร์ผสมให้ยกขึ้นดื่มแบบไม่ใส่ใจกับบรรยากาศรอบๆ ตัว ของคลับพิเศษเฉพาะลูกค้าวีไอพีของโรงแรมใหญ่กลางมหานครเซียงไฮ้ที่มั่นใจได้ว่าไม่มีแฟนคลับคนไหนผ่านมาเห็นแน่ๆ  จนผ่านเข้าสู่วันใหม่เพราะรู้ลิมิตของร่างกายว่ามันจะไม่ไหว  ไหนจะต้องขึ้นรีบไปขึ้นเครื่องกลับเกาหลีไฟล์เช้าด้วย  ทำให้แทยงตัดสินใจเลิกดื่ม  ร่างโปร่งค่อย ๆ เดินช้าทรงตัวเดินกลับไปยังห้องพักทั้งที่ตอนนี้ตาแทบจะปิดแล้ว


“อ้าวพี่แทยงยังไม่นอนเหรอฮะ”  เตนล์ถามเพื่อนร่วมวงที่เดินด้วยท่าทางแปลกๆ อยู่บนบริเวณหน้าลิฟต์   ก่อนจะหันหน้าไปมองยูตะอย่างงงๆ  เนื่องจากพวกเค้าเพิ่งกลับมาจากฟิสเนตของโรงแรมเพราะต้องไปเป็นเพื่อนยูตะที่ต้องออกกำลังบริหารช็อตโกแลตแอป  พอดีกับแจฮยอนและโดยองที่กลับมาจากการซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อพอดี


“เฮ้ย  ไปจมถังเหล้าที่ไหนมาวะเนี้ยแทยง” ยูตะยกมือปิดจมูกเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาจากตัวแทยงที่ตอนนี้ยืนหลับตาพิงกำแพงอยู่


“เตนล์นายมาช่วย  ฉันพยุงแทยงที” ยูตะหันไปเรียกร่างเล็กให้มาช่วยยืนประกบร่างแร๊ปเปอร์ของวงคนละข้างเพื่อช่วยร่างสูงจะล้ม  เพราะตอนนี้พวกเค้ายืนอยู่โถงหน้าลิฟท์ส่วนกลาง  ซึ่งแน่นอนอาจมีแฟนคลับที่มาตามศิลปินในค่ายที่อยู่โรงแรมนี้มาเดินเล่นในตอนกลางคืนมาเห็นภาพพจน์แบบนี้ย่อมไม่ดีแน่ๆ 


“เมายิ่งกว่าหมาเลยเนอะโดยอง” แจฮยอนพูดขึ้นมาก่อนจะดูดน้ำอัดลมในกระป๋อง


“เจ้าเด็กนี่  คำว่าพี่ ทำไมชอบลืมอยู่เรื่อย  ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายรึไงเล่า” โดยองว่าให้ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มหน้าผากมักเน่ตัวขาวอย่างระอาใจที่เจ้าตัวขยันลามปามและหยอดตัวเขาอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน


“ใครอยากเป็นน้อง ผมอยากเป็นแฟนครับหรอก ใจอ่อนเสียทีดิ” โดยองที่ได้ยินเสียงอุ้งอิ้งของมักเน่จอมเนียนอยู่ข้างหูได้แต่หันหน้าหนีเพราะพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้  โดยไม่ตอบอะไร


...ก็แบบบางทีคิมโดยอง...ก็ชอบให้เด็กเต๊าะก็เท่านั้นเอง...
 ^___________________^



โชคดีที่ลิฟต์โดยสารที่พวกเค้าทั้งห้าคนขึ้นมานั้นไม่มีผู้โดยสารคนอื่น  ยูตะกับเตนล์ช่วยกันหิ้วปีกคนละข้างแทยงที่ยืนหลับไปแล้วเข้าไปยังห้องพักโดยเร็วที่สุด   โดยมีแจฮยอนและโดยองเป็นฝ่ายเปิดประตูให้เพราะทั้งคู่เพิ่งหายบาดเจ็บที่ขามาเนื่องการผิดคิวที่กองถ่ายซีรี่ส์ บู๊ล้างผลาญที่คู่หูแจโดไปเป็นแขกรับเชิญให้กับฮันซลที่เล่นบทนำเป็นครั้งแรกมาทำให้ไม่สามารถช่วยเพื่อนร่วมวงตัวเล็กพยุงแทยงได้


“เป็นอะไรของมันวะเนี้ย  ถึงได้เมาเป็นมาแบบนี้  คอยดูพรุ่งนี้ฉันจะซัดให้เดี้ยงถ้ามันเมาค้าง” ยุตะบ่นอุปหลังจากโยนแทยงลงบนเตียงได้แล้ว


“ใจเย็นยูตะ  พี่แทยงคงมีเหตุผลส่วนตัว  พวกนายไปพักผ่อนเถอะ  เดี๋ยวฉันจะดูแลพี่เค้าเอง”


“มันก็ต้องหน้าที่นายอยู่แล้วเตนล์ก็ทริปนี้  นายเป็นรูมเมทเจ้าหน้านิ่ง” โดยองพูดยิ้มๆ ก่อนจะเอื้อมมือบีบจมูกรั้นๆ ของเพื่อนเล่น   ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองที่คราวนี้ก็ยังจับฉลากได้มักเน่ของวงเป็นรูมเมทโดยมียูตะเดินรั้งท้ายเพื่อน




เตนล์มองคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตา    ที่ตอนที่เจ้าตัวตื่นไม่มีทางจะให้เห็นยกเว้นตอนอยู่บนเวทีหรือออกรายการเกมโชว์ที่จัดโมเม้นท์ให้เล่าแม่ยกแทเตนล์กรี๊ดเล่น  เชื่อเถอะเกือบสามปีที่ผ่านมาเตนล์พยายามไม่เข้าใกล้แทยงเลยสักนิด  เพราะบุคลิกของอีกคนเข้าถึงยากรวมถึงตัวเตนล์เองกลัว...



....กลัวความรู้สึกที่มีเกินคำว่าพี่น้องและเพื่อนร่วมวง   มันจะทำให้เตนล์สูญเสียลีแทยงไป...



มือบางที่ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำผสมโคโลญจน์ค่อยๆ เช็ดบนใบหน้าคมก่อนจะสะดุ้งเมื่อคนที่นอนหลับอยู่ลืมตาขึ้นมามอง


“บอกฉันสิ  ว่าเธอไม่ได้ไปบอกรักคนอื่น” เสียงทุ้มแหบพึมพำเบาๆ  ทำให้เตนล์ต้องก้มลงไปฟังใกล้  ก่อนจะตกใจเมื่อโดนฉุดให้ลงไปนอนบนเตียงโดยมีแทยงคร่อมเอาไว้


“พี่แทยง    ผมเตนล์นะครับพี่...”


ริมฝีปากสีอ่อนที่กำลังจะเอ่ยถูกประกบปิดด้วยเรียวปากร้อนของแทยงอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว 


เตนล์หลับตาแน่นด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่ทันได้คิด  แถมยังไม่ได้ตั้งตัวล่วงหน้ามาก่อนร่างบางนอนนิ่งเกร็งสั่นไปทั้งตัวอย่างคนไร้ประสบการณ์   


คนตัวเล็กพยายามเม้มเรียวปากให้แน่นสนิทป้องกันการรุกล้ำจากอีกฝ่าย   หากนั่นไม่ใช่อุปสรรคที่ยากเย็นสำหรับแทยงที่กำลังมึนเมาแอลกอฮอล์  ลิ้นชื้นไล้ร่องปากหวานไปตามแนวฟันขาวซ้ำๆ ราวกับจะขออนุญาต  ฝ่ามือแกร่งลูบไล้ผิวเนื้ออ่อนใสไปทุกซอกทุกมุม จวบจนถึงยอดอกตึงแน่นใต้เสื้อเนื้อบางที่ชูชันสู้นิ้วแกร่ง   เตนล์เผยออ้าปากอย่างตื่นตกใจในสัมผัสวาบหวิวเปิดช่องให้เรียวลิ้นของแทยงกวาดวนเข้ามาภายในโพรงปากเล็กได้อย่างถนัด


ร่างบางสะบัดตัวดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแกร่ง หากเสมือนเป็นเพียงการขยับกายเล็กน้อยมากกว่าเนื่องจากรสจูบร้อนเร่าที่ไม่ยอมผ่อนปรนให้   กลับทวีอารมณ์ร้อนแรงของร่างบางที่ไม่เคยปั่นป่วนจนแทบคลั่ง   คนอ่อนประสาพยายามใช้ลิ้นต่อต้านการรุกรานจากร่างเบื้องบนแต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าเตนล์ถูกดึงเข้าไปร่วมสนุกในการบรรเลงรสจูบด้วยเสียมากกว่า 


“ปะ  ปล่อย  เตนล์นะ...พี่แทยง”  เตนล์ที่ใช้เรี่ยวแรงที่เหลือทั้งหมดที่มีอยู่ผลักให้ร่างสูงผละออกไป


ไม่!  ฉันไม่ยอมให้เธอไปเป็นของคนอื่น  จู...เบจูฮ...ยอนยิ่งได้ฟังคนอยู่ด้านล่างเอ่ยปากห้ามยิ่งทำให้อารมณ์ของแทยงมีมากขึ้นกว่าเดิม  กลิ่นหอมจากร่างเล็กบอบบางมันปลุกความรู้สึกให้อยากครอบครองทุกตารานิ้วทุกส่วนสัดเลยทีเดียว


ไม่ นะ!! ผมไม่ใช่ไอรีนนูนา! พี่แทยงดูให้ชัดสิ  ผมเตนล์!!! อ๊า~~~~!!!” 


ร่างบางกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากร่างออกเป็นชิ้นๆ กางเกงผ้าแบรนด์ดังถูกปลดร่นลงไปกองอยู่บริเวณเข่าตามด้วยแก่นกายขนาดใหญ่ของลีแทยงที่สอดแทรกเข้ามาภายในอย่างไม่ออมแรง เนื้อนิ่มในช่องทางลับเกร็งบีบสิ่งแปลกปลอมแน่นด้วยไม่รู้ถึงวิธีผ่อนคลาย ต้นขาขาวสั่นระริกพร้อมที่จะทรุดฮวบลงไปทุกเมื่อหากลำแขนแกร่งประคองช่วงเอวบางไว้ให้รับการรุกรานได้อย่างเต็มเหนี่ยว


อึก! ฮือ....เตนล์เจ็บออก...เอาออกไป!!” 


ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็มาฉุดอารมณ์ดิบของแทยงให้หยุดได้อีกแล้ว   มือแกร่งเลื่อนไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวของเตนล์ไว้หลวมๆ ก่อนขยับพาอารมณ์ซาบซ่านให้แผ่ผลาญไปทั่วร่างเล็ก  แม้จะลบล้างความอึดอัดอันแสนทรมานได้ไม่หมดแต่ก็พอช่วยบรรเทาให้หันเหความสนใจไปเรื่องอื่นได้บ้าง


เรียกชื่อฉัน  แท..แทยง  เรียกสิ~ ~ ~  ” 


ร่างบางที่ถูกกระทำกำผ้าปูที่นอนแน่นไม่สามารถขัดขืนการกระทำแถมร่างกายยังคล้อยตามกับสัมผัสวาบหวามนั้นอีกด้วย


อึก...อืม...อ๊ะ! อ๊ะ! อ่า.......” 


เตนล์ได้ยินว่าเสียงหวานของตัวเองที่กำลังเปล่งเสียงที่แสนน่าอาย   แต่ก็ยากเกินกว่าจะเก็บกลั้นมันเอาไว้ได้ ริมฝีปากสีหวานเผยอหอบครางกระเส่า แผ่นหลังสีขาวเนียนถูกริมฝีปากร้อนไล่ประทับตราสีกุหลาบไปถ้วนทั่วอย่างเริงสำราญยังผลให้คนถูกกระทำสะดุ้งเฮือกทุกครั้ง


ฮ้า~ อ่า.....อืม อะ...อ๊ะ! อ๊ะ! หยุด พอแล้ว! พอ! อ๊ะ พี่แท~~ยง” 


เสียงหวานที่ร้องเรียกชื่อเค้าทำให้แทยงมองใบหน้าของร่างที่อยู่ด้านล่างด้วยความมึน


“ตะ~เตนล์!!!!” แทยงที่ตอนนี้เหมือนจะสร่างเมาไปทันทีแต่ถ้าให้หยุดตอนนี้ก็ไม่ได้เสียแล้ว


สะโพกบางบิดเร่าราวจะขาดใจเมื่อฝ่ามือใหญ่กระชับแก่นกายอ่อนบางแน่นแล้วเร่งจังหวะป้อนห้วงหฤหรรษ์ให้ร่างเล็กบอบบาง   ความหนาแน่นเบื้องหลังกระแทกกระทันถี่เร็วประชิดจงใจเสียดสีจุดหวามไหวในช่องทางแคบจนคนถูกกระทำกระตุกรัดรัวตามอารมณ์เร้า


อ๊ะ! ฮ้า~ อ่า....อ่า....อะ...อ๊า~! อ๊า~~!!” 


“ทนอีกนิดนะ  น้องเตนล์”


น้ำเสียงทุ้มชวนฟังของแทยงเอ่ยกระซิบข้างหูนิ่มก่อนที่ริมฝีปากคนพูดจะแนบลงมอบสัมผัสที่แผ่วเบาเจือหวานที่ริมฝีปากบาง


แผ่นหลังบางของเตนล์หยัดเกร็งปลดปล่อยทั้งเสียงครางรื่นหูและหยาดหยดแห่งห้วงอารมณ์ ออกมาจนหมดสิ้น  ดวงตาคมของแทยงปิดลงรับสัมผัสยามถูกบีบรัดจากช่องทางร้อนระอุอย่างอิ่มเอม เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังต่อเนื่องจากสองร่างที่ตอนนี้กอดกันบนเตียงนอนนุ่มจนหลับไปแทบจะพร้อม ๆ กัน




RRR….RRR  

เสียงโทรศัพท์ห้องพักที่จุนมยอนโทรมาปลุกให้เตรียมตัวไปสนามบิน  เป็นแทยงที่รู้สึกขึ้นมาหยิบรับสายก่อนจะรับคำปลายสายเบาๆ ที่ให้เวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งชั่วโมง



แทยงวางสายก่อนจะหันมาเห็นร่างเล็กบอบบางที่ตัวเองนอนกอดไว้ทั้งขึ้นที่ตอนนี้รู้สึกตัวแล้วลุกมานั่งพิงเตียงเอาไว้   แม้จะมีผ้าห่มผืนใหญ่ปิดจนถึงไหล่บาง  แต่รอยสีแดงจางๆ ตั้งคอลงมาก็เผลอทำให้คนมองอย่างแทยงกลืนน้ำลายเฮือก  เพราะสภาพเตนล์ตอนนี้เหมือนลูกแมวน้อยที่เพิ่งตื่นพร้อมให้กระโจนเข้าไปฟัด   แต่กลายเป็นลีแทยงเสียเองที่เลือกใช้น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยตัดรอนร่างเล็กบอบบางเสียเอง


“ฉันไม่ได้ตั้งใจ  ฉันเมาหนักมากเรื่องเมื่อคืนมันเป็นความผิดพลาดเพราะงั้น ลืมมันซะเถอะนะเตนล์  ยังไงฉันก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”


เจ็บ...เจ็บยิ่งกว่าเมื่อคืนที่แทยงเผลอเรียกชื่อนูนาแสนสวยคนนั้นเสียอีก...



“ผมเป็นผู้ชาย  ไม่มีอะไรเสียหายเหมือนผู้หญิงหรอกพี่แทยง” เสียงใสราวไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ที่เปล่งออกจากร่างเล็กบอบบางที่พูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจมันทำให้แทยงโมโห   ร่างแกร่งสะพัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะเดินโต้งๆ เข้าห้องน้ำไปพร้อมกับปิดประตูดังปัง!!!  ราวจะให้มันสะเทือนไปถึงหัวใจของเตนล์ที่นั่งอยู่บนเตียงที่ตอนนี้หัวใจมันได้แตกสลายไปหมดแล้ว








ก๊อก  ก๊อก เสียงเคาะประตูเสียงสติของแทยงกลับมาเมื่อคุณหมอยองโฮและพยาบาลเข้ามาในห้อง


“ขอหมอตรวจคุณแม่สักครู่นะครับ”  น้ำเสียงทุ้มๆ ฟังสบายๆ ที่แทยงฟังแล้วเหมือนอีกฝ่ายเป็นพี่ชายที่แสนใจดีเหมือนกับพี่แทอิลลีดเดอร์วงเลยทีเดียว 


“น้ำเกลือกับยาบำรุงหมดขวดพอดี  เดียวจะถอดเข็มน้ำเกลือออก   ตอนนี้ร่างกายคุณแม่ปกติดีแต่ถ้ามีอะไรผิดปกติกดกริ่งเรียกพยาบาลได้เลยนะครับ” คุณหมอยองโฮเห็นสีหน้ายุ่งของไอดอลหนุ่มเลยเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาเสียเอง


“มีอะไรจะถามหมอรึเปล่า  คุณแทยง”


“คุณหมอเรียกผม แค่แทยงก็พอครับ  ผมแค่สงสัยการอาเจียนนี่ผิดปกติไหม?  แล้วการที่กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมดเลย”


“ไม่ผิดปกติหรอกครับ  นี่เป็นอาการปกติในสามเดือนแรกของคุณแม่ทั้งนั้น   แล้วถ้าคุณแม่ทานอะไรก็อาเจียนออกมาหมด  ลองหาพวกน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง  น้ำส้ม  แครกเกอร์ หรือขนมปังกรอบ  มาให้คุณแม่ทานระหว่างมื้อใหญ่ๆ จะช่วยลดอาการพวกนี้ไปได้มากทีเดียว”


คุณหมอยองโฮยิ้มให้กับแทยงที่ตอนนี้ยกมือเกาแก้มแก้อาการเขินของตัวเอง


หมอบอกคุณแล้วคุณเตนล์...ว่าเด็กคนนี้จะนำสิ่งดี ๆ มาให้คุณ  ดูท่าคนที่เป็นพ่อคงจะอยู่ใกล้ ๆ เสียด้วยสิ


“ขอบคุณมากครับคุณหมอที่ให้คำแนะนำ  เอ่อ..ผมจะดูแลเตนล์เป็นอย่างดี”



            แทยงยืนส่งคุณหมอออกไปจากห้องแล้วกลับมานั่งมองว่าคุณแม่ตัวเล็กที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงมือแกร่งยกมือเล็กขึ้นมาจูบเบา ๆ    เค้าไม่ได้สังเกตเตนล์นานแค่ไหนนะหรือว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นที่เซียงไฮ้  ที่แทยงพยายามหลีกเลี่ยงร่างเล็กบอบบางตรงหน้าอย่างแนบเนียน   จนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายผอมลงมากแค่ไหน


            “ลูกครับ   อย่าดื้อกับคุณแม่นะครับ  แค่นี่คุณแม่ก็ตัวเล็กจะแย่อยู่แล้วให้คุณแม่ทานอะไรบ้างนะครับ” 
แทยงลุกขึ้นไปกระซิบที่หน้าท้องเนียน   ก่อนจะจุมพิตลงไปเบาๆ ราวจะสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในท้องของเตนล์ที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นมาทุกวัน



            “ส่วนคุณแม่ถ้าตื่นขึ้นมา  เรามีอะไรต้องคุยกันอีกเยอะเลยนะครับน้องเตนล์” แทยงจูบที่หน้าผากมนของเตนล์พร้อมกับทรุดนั่งลงที่ข้างเตียงเช่นเดิม








ชายหนุ่มร่างโปร่งที่อยู่ในเสื้อฮู๊ดสีดำ  มาร์สคาดปิดปากสีดำ  แถมด้วยกางเกงยีนส์สีดำ สรุปว่าดำทั้งตัวที่ยืนเกาะกระจกห้องเด็กแรกเกิดอยู่นั้นเรียกความสนใจให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่แถวนั้นได้พอสมควร   


“แทยง?”


ร่างโปร่งหันไปตามเสียงเรียกก่อนโค้งตัวทักทายคุณหมอยองโฮในเสื้อกาวน์สีขาวที่มายืนอยู่ข้าง ๆ


“น่ารักน่าชังเชียวทารกที่เพิ่งเกิดใหม่  ว่างั้นไหมครับแทยง”


“แล้วเด็กที่อยู่ในตู้แยกออกมาละครับคุณหมอ” มือแกร่งชี้ไปยังตู้อบที่มีทารกนอนอยู่ในตู้โดยมีผ้าปิดตาพร้อมกับสายเล็กของเข็มเสียบที่ส้นเท้าเล็กที่นอนนิ่งอยู่ๆ


“แล้วแต่อาการของแต่ละคนครับ    อย่างเด็กคนที่คุณชี้มีปัญหาคือแม่คลอดก่อนกำหนดหมอเป็นทำคลอดให้เองตอนนั้นอายุครรภ์ของแม่เด็กแค่ 7 เดือนเท่านั้น  ตอนออกมาทีแรกหนักไม่ถึงมาตรฐานต้องอยู่ในตู้อบเกือบสองเดือน  เดียวอีกพักคุณแม่ของน้องคงจะมาให้นมแล้ว   คุณสนใจเข้าไปดูหมอตรวจเด็กๆ ในห้องแรกเกิดไหม?”


แทยงผงกศีรษะรับคำชวนก่อนจะเดินตามคุณหมอยองโฮและคุณพยาบาลไปทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนชุดเข้าไปห้องแรกเกิด  ในห้องนั้นแทยงได้เฝ้าดูคุณหมอยองและพี่ๆ พยาบาลอาบน้ำให้เด็กทารก  ให้นมเด็กทารกในบางรายที่ตัวแม่เด็กเองไม่สามารถให้น้ำนมบุตรของตนเองได้


“ลองอุ้มดูหน่อยไหม? คะ” พี่พยาบาลประจำห้องหันมาไอดอลหนุ่ม  ก่อนจะส่งเด็กทารกที่อยู่ห่อผ้าสีขาวสะอาดให้ชายหนุ่มที่ยืนมือไปรับอย่างเก้ๆ กัง ๆ


แทยงมือสั่นเล็กน้อยขณะที่อุ้มยิ่งกว่าการจับไมค์ขึ้นเวทีเดบิวท์ครั้งแรกของBassBot ที่ตั้งต้องออกมาแร๊ปพร้อมแสดงโซโล่สเตจเปิดเวทีซะอีก   พร้อมกับฟังคำแนะนำในการอุ้มเด็กที่ถูกต้องจากพยาบาล   ตลอดเวลาครึ่งที่ชั่วโมงที่อยู่ในห้องนั้นแทยงบรรยายไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง  รู้เพียงแค่ตัวเองยิ้มแล้วยิ้มอีกตอนเห็นเด็กๆ ในห้องนั้นดื่มนมหรือหัวเราะอ้อแอ้  


นี่ใช่ไหมความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อ   ทำให้อดคิดไม่ได้หากลูกของเค้ากับเตนล์คลอดออกมาแล้วจะน่ารักน่ารักชังแค่ไหนก็คุณแม่มีใบหน้ารักขนาดนั้น


..ลูกของเค้ากับเตนล์...  


มันทำหัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบขนาดแค่เพิ่งรู้ถึงตัวตนที่เพิ่งปฏิสนธิขึ้นมาแค่นี้  แทยงเองยังออกอาการขนาดนี้  ถ้าเด็กคลอดออกมาจะขนาดไหน


ยิ่งบรรยากาศภายในตึกของสูตินารีเวชที่จัดสวนในมุมนั่งเล่นได้ผ่อนโดยแต่ละมุมมีความแตกต่างแต่ผสานไปด้วยความลงตัว   เหมือนคนที่มานั่งพักผ่อนนั่งอยู่ในบรรยากาศที่ไม่ใช่โรงพยาบาลจนแทยงอยากจะพาเตนล์กับลูกในท้องออกมาเดินเล่นรับบรรยากาศดีบ้าง  ถ้าร่างกายอีกฝ่ายแข็งแรงขึ้นแล้วหลังที่เขามาเดินสำรวจดูพักใหญ่ๆ ก่อนจะเจอคุณหมอยองโฮอีกครั้งที่เหมือนคุณหมอเพิ่งกราวน์วอร์ดเสร็จ


“มีอะไรกับหมอรึเปล่าแทยง”


คุณหมอยองโฮเอ่ยถามเมื่อเห็นไอดอลหนุ่มมีอาการอ้ำอึ้ง


“มาทำอะไรที่นี่แทยง”   แทอิลที่เดินนำ  สองผู้จัดการอย่างจุนมยอนและเซฮุน   ออกมาจากลิฟท์ทักรุ่นน้องร่วมวงก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะตวัดมองคุณหมอเจ้าของไข้เตนล์ด้วยสายตาขุ่นเคือง  สร้างความแปลกใจให้กับแทยงอยู่ไม่น้อย


“ผมกำลังจะชวนคุณหมอให้ช่วยเลือกแครกเกอร์กับน้ำผลไม้ให้เตนล์ครับพี่” 


ยองโฮเป็นฝ่ายตัดบทขึ้นมาเสียเอง  เมื่อเห็นผู้จัดการวงอย่างจุนมยอนรั้งข้อมือแทอิลไว้เพราะเมื่อครู่เจ้าตัวใช้เสียงดังมากพอควร


“หมอว่าไปด้วยกันหมดเถอะครับ  จะได้ดูด้วยชนิดเหมาะกับคนท้องคราวหน้าเวลาไปซื้อเองจะได้ซื้อได้ถูกต้อง  เพราะของพวกนี้จะช่วยลดอาการอาเจียนได้ดีทีเดียว  โดยให้คุณแม่ทานมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยลดอาการท้องว่าง”


แทอิลเดินตามหลังคุณหมอยองโฮที่เดินนำหน้าไปกับแทยง  พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มชวนฟัง


“พี่นึกว่านายลืมเขาได้ตั้งนานแล้ว” แทอิลหันไปมองมือหนาที่วางอยู่บนบ่าก่อนจะถอนหายใจ


“.....................”


เซฮุนเอ่ยต่อเมื่อเห็นน้องชายคนสนิทนิ่งเงียบไป   เพราะทั้งเซฮุนและจุนมยอนต่างเห็นแทอิลมาตั้งแต่เจ้ายังเป็นเด็กฝึก  ช่วงระยะเวลาที่ฝึกยาวนานกว่าคนอื่นรวมถึงคุณหมอยองโฮที่เดินนำหน้านั้นไปด้วย  ที่เคยเป็นอดีตเด็กของค่ายก่อนที่เจ้าตัวจะลาออกไปเรียนต่อแพทย์ที่ชิคาโก้คงตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น


“อะไรที่ควรลืมก็ควรลืมมันไปเถอะแทอิล    ผ่านมาหลายปีแล้วพวกนายทั้งคู่ล้วนต่างมีชีวิตเป็นของตนเองแล้ว”


“......................”


“พี่รู้ตั้งแต่นายขอจัดการเรื่องเตนล์เอง   นายไม่เคยปล่อยวางเรื่องนี้ออกไปเลย” จุนมยอนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ 


“ผมไม่อยากให้น้องสองคนต้องเป็นแบบผม  เด็กที่กำลังจะเกิดมาเค้าไม่ได้มีความผิดมาก..มากขนาดที่คนเป็นพ่อจะต้อง “จัดการทิ้ง” เพื่อเพราะอนาคตบ้าบออะไรนั่น!!!!


“แทอิล/แทอิล” เซฮุนและจุนมยอนครางชื่อลีดเดอร์ของวงออกมาอย่างตกใจก่อนที่ทั้งสองผู้จัดการจะหันไปมองรอบ ๆ ว่ามีใครได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของแทอิลหรือไม่


ลีดเดอร์วง BassBotหลับตาลงก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่  ก่อนจะลืมตาขึ้นมาสบตากับพี่ผู้จัดการวงที่มองมาด้วยสายตาระคนเป็นห่วง


“ผมแยกแยะออกฮะ   พวกพี่ไม่ต้องห่วงผมจะทำให้เสียงานยังไงฝ่ายนั้นก็เป็นหมอเจ้าของไข้เตนล์  แถมน้องๆในวงของเรายังจะติดไว้ใจมากกว่าเสียด้วย  เหมือนพี่ชายที่แสนดีมากกว่าหมอเจ้าของไข้”




ในสภาพที่ร่างการอ่อนแอด้วยโรคภัยไข้เจ็บจะเป็นช่วงที่คนเราต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าคนปกติ  เตนล์ก็เช่นกันหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาไม่พบว่ามีใครอยู่ในห้องเลย  แขนเล็กก็โอบกอดตัวเองเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเรื่อยๆ  น้ำตาที่ไหลออกจากดวงตากลมโตออกมาเรื่อยๆ  


พลางคิดไปล่วงหน้าสมาชิกในวงรวมถึงผู้จัดการทั้งสองคนต้องรับไม่ได้ที่เค้ากำลังท้อง!!!!  ในขณะที่กำลังมีตารางอันยาวเหยียด  ไหนจะต้องเตรียมตัวคัมแบค...บรรดาแฟนคลับอีก...แค่คิดเตนล์ทรมานไปทั้งใจแล้ว


ทำไงดี?

จะทำไงดี  ถ้าแฟนคลับที่รักเตนล์  ชิตพลไม่ยอมรับ?


ทว่าไม่กี่วินาทีเตนล์ก็ต้องลุกพรวดขึ้นคว้ากระโถนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาอาเจียน  ที่มีแต่น้ำย่อยและน้ำลายเหนียวออกมา


“น้องเตนล์!!!!!


แทยงที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเห็นร่างเล็กบอบบางนั่งสะอื้นอยู่บนเตียง  ทำให้รีบถลาเข้าไปจนลืมตัวโยนถุงแครกเกอร์กับน้ำผลไม้ที่ไปเลือกกับคุณหมอซอยองโฮทิ้งไปทันที


“ร้องไห้ทำไมเจ็บไหน?/พี่มายังได้ยังไง?”


สองเสียงที่พูดขึ้นมาพร้อมกัน   ดวงตาสองคู่มองสบกันก่อนจะเสหันไปมองคนละทาง


“ปวดท้องรึเปล่า  ให้ตามคุณหมอยองโฮหรือพยาบาลไหม” แทยงพูดพลางใช้มือหนาไล่คราบน้ำตาที่อยู่บนแก้มเนียนออกอย่างอ่อนโยน


“ฮื้ออออออ   แทยง  ลีแทยง  ไอ้พี่บ้า...ไอ้คนใจร้าย”


เมนแดนซ์ของBassBotดึงคอเสื้อของลีแทยงเข้ามาใกล้ก่อนใบหน้าเรียวหวานจะเงยหน้ามองใบหน้าคมเข้มที่ก้มลงมา  ก่อนเสียงใสจะบ่นอู้อี้


“ผมต้องตาลาย  คิดถึงพี่มากแน่ ๆ จนคิดว่าพี่แทยงมาอยู่ตรงหน้า”


“คราวนี้ตื่นเต็มตารึยังครับน้องเตนล์”


แทยงก้มลงมาจุมพิตเบาที่ริมฝีปากสีอ่อนเบาๆ  ก่อนจะเลิกคิ้วมองร่างเล็กบอบบางที่อยู่ในอ้อมแขนงงๆ


“ปากพี่   ไปโดนใครทำอะไรมา  แล้วทายารึยัง  ถ้าพี่จุนมยอนกับพี่เซฮุนมาเห็นพี่แทยงได้โดนบ่นไปสามวันแน่ๆ ลีแทยงนี่ได้ยินไหมปล่อยมือน้องเตนล์เดี๋ยวนี้นะ”



สรรพนามเดิม ๆ ที่เคยใช้เรียกกันเมื่อครั้งยังเป็นเด็กฝึก
นานแค่ไหนที่แทยงไม่ได้ยินคนตรงหน้าแทนตัวเองว่า...น้องเตนล์...




“อยู่นิ่งๆสักห้านาทีได้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงเตนล์มากอดไว้แน่นๆ ก่อนที่แทยงจะซบลงที่ไหล่ลาดเล็ก


“ขอร้องเถอะแทยงปล่อยน้องเตนล์ไปเถอะนะ    มันแค่ความผิดพลาด”


“ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยมือจากนาย..ชิตพล”


เตนล์ที่ยังมีน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจากดวงตาเรียวไม่ขาดสาย


“อย่าทำแบบนี้เลย  ผมสัญญาเรื่องระหว่างเราจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้  แต่ขออย่างเดียวได้ไหมขอเก็บเด็กคนนี้ไว้  ส่วนเรื่องวงผมจะให้ทนายความมายกสัญญากับทางค่ายเอง”


“เตนล์  ขอร้องละอย่าพูดอะไรออกมาอีกเลยแค่นี้นายก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเลวเกินกว่าจะได้รับการอภัยจากนายและลูกในท้องแล้ว”


แทยงผละออกจากเตนล์ก่อนจะจ้องมองเข้าไปดวงตาเรียวคู่สวยและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ฉันไม่ขอให้นายอภัยกับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของฉันกับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา  แต่อยากจะให้นายให้โอกาสผู้ชายคนนี้ได้มีโอกาสดูแลนายกับลูกในท้องในฐานะพ่อและสามี”


“ไม่นะ  พี่แทยง..พี่ไม่ต้อง...”


เตนล์เอ่ยปฏิเสธทั้งที่ใจแสนจะดีใจที่อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเอ่ยปากเรื่องนี้มาเอง   แต่จะให้คนที่เค้ามาดูแลด้วยจำยอมมากกว่าการทำด้วยความเต็มใจ  สู้ไม่มีตั้งแต่แรกเสียดีกว่า


“นายรู้จักฉันดีนะเตนล์  ถ้าไม่เต็มใจจะทำอะไรฉันก็จะไม่ทำ   ทำไมไม่ให้โอกาสฉันสักครั้งไม่มีใครรู้อนาคตหรอกนะว่าความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนจะเป็นยังไง  เราควรอาศัยโอกาสนี้หันมาศึกษาตัวตนของกันและกัน   ได้โปรดให้โอกาสให้ลีแทยงคนนี้ดูแลพวกนายแม่ลูกด้วยเถอะ”


“พี่แทยง....”


ร่างเล็กบอบบางยกแขนขึ้นโอบคอร่างสูงพร้อมซบหน้าลงบนบ่าใหญ่     อย่างน้อยตอนนี้เตนล์ก็มีลีแทยงอยู่ข้างๆ  ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันนานแค่ไหนแต่ตอนนี้แค่อยู่ข้างๆ กันก็พอ  





พระผู้เป็นเจ้าโปรดเมตตาน้องเตนล์ด้วยเถอะ
ขอให้ความสุขนี้อยู่กับลูกไปนานๆ ด้วยเถิด


++++++++++++++++++รบกวนกลับไปเม้นที่เด็กดี  หรือสครีมแท๊ก #อุ่นไอรักแทเตนล์ 
 ด้วยนะเจ้าค่ะ  ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ   รักทุกคนค่ะที่แวะมาอ่าน 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น