วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

[Mpreg]: อุ่นไอรัก : 010 100%

[Mpreg]:  อุ่นไอรัก : 010

Pairing :  [TaeTen,Hanta ,Johneil,Jaedo] & SMROOKEIS

By winata [@WNzro07]


“ไม่เด็ดขาด  หัวเด็ดตีนขาดยังไงน้องเตนล์ก็ไม่ยอมใส่ชุดพวกนี้   ม๊ากับพี่เทราเอากลับไปเลยนะฮะ” เสียงใสโวยวายดังลั่นห้องพักBassBot ปลุกสมาชิกคนอื่นๆ ที่อยู่ในช่วงพักงานต่างตื่นขึ้นมา


หญิงสาวทั้งสองคนรวมถึงนากาโมโตะ  ยูตะ กำลังพยายามยัดเยียดสิ่งที่ถืออยู่ให้เตนล์เอาไปลองสวม


ชุดคลุมท้อง!!!!!!


เตนล์อยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ  ไหนจะโมโหที่พักนี้ตื่นเช้ามาไม่เจอลีแทยงนอนอยู่ข้างกาย   
แล้วยังมาเจอยูตะ  คุณม๊าโซฮีกับพี่เทรา  พี่สาวของแทยงที่ทั้งสองคนมาพูดกรอกหูเรื่องชุดคลุมท้องอีก


“น้องเตนล์จะไม่ห่วงหลานคะลูก   ตอนนี้ท้องเราใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นะ  จะใส่กางเกงยีนขาเดฟรัดๆกับเสื้อยืดตัวใหญ่ม๊าไม่ไหวมั้ง” โซฮีพยายามพูดอย่างใจเย็นกับลูกชายคนเดียว


“จริงๆ น้องเตนล์ไม่ต้องใส่พวกนี้ออกไปข้างนอกนี่น้า  ก็แค่ใส่อยู่ในบ้านเท่านั้นเองจะได้สบายท้องไงจ้ะ” 
เทราเสริมมาอีกคน


ร่างบางที่ได้ยินก็ทำปากยื่นบ่งบอกว่าไม่พอใจแถมด้วยแก้มใสที่พองลมที่ดูแล้วน่ารักน่าหยิกมากๆ


“นี่เตนล์   ฉันแอบไปจิกของพี่สไตล์ลิสของสาวๆ ขนมเค้กมาให้นายด้วยนะจะได้เอาไว้ใส่ไปหาหมอ” ยูตะหยิบวิกผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มที่ดัดเป็นลอนๆให้เพื่อนดู


“นากาโมโตะ  ยูตะ นายเห็นฉันเป็นตุ๊กตาบาร์บี้รึไง  ถึงได้ขนอะไรแบบนี้มาให้ฉันแต่ง...ห๊า!


“ชิตพล....”


ยูตะที่เริ่มชักจะโมโหกับเพื่อนรักขึ้นมาบ้างเหมือนกัน  นั่นนี่โน้นก็ไม่เอาทั้งที่รับปากกับแทยงแล้วว่าจะคอยดูแลให้ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไปจัดการธุระส่วนตัว


“งั้นของพวกนี้ก็เอาไปทิ้งเถอะครับคุณแม่  พี่เทรา  ในเมื่อคนเป็นแม่ไม่คิดจะสนใจห่วงใยลูกในท้องจะอึดอัดตายเพราะแม่มัวแต่ใส่กางเกงรัดหน้าท้องไว้” ยูตะพูดเสร็จก็สะบัดหน้าเชิดเดินลงส้นเท้าเข้าห้องนอนตัวเองไป




ปัง!!!!!! เสียงปิดประตูห้องของยูตะที่ปลุกให้คนอื่นๆ ตื่นได้เต็มตาเลยทีเดียวโดยเฉพาะแจฮยอนที่เป็นรูมเมทของหนุ่มหน้าหวานเสียงดีเต้นเก่งจากโอซาก้า






“ม๊ารู้ว่าน้องเตนล์เป็นผู้ชาย  จะให้มาใส่อะไรแบบนี้คงลำบากใจไม่น้อย   แต่ตอนนี้น้องเตนล์ไม่เหมือนเดิมแล้วนะคะ  การเป็นแม่คนเราต้องเสียสละอะไรตั้งมากมายเพื่อลูกในท้องที่จะเกิดมา”


“.......................”


ตอนนี้ชเวโซฮีและลีเทรานั่งประกบเตนล์ไว้ก่อนจะค่อยๆ อธิบายให้ร่างบางเข้าใจ


“มีหลายๆ อย่างที่คุณแม่ต้องเสียสละ  อย่างตอนที่พี่ท้อง   แดเนียลกับเคธี่    พี่ไม่เคยคิดถึงตัวเองก่อนเลยสักนิด  ไม่ว่าจะเรื่องกินปกติพี่ไม่กินนมด้วยซ้ำไปปกติกินแต่กาแฟ  พี่ต้องกินอะไรที่มันมีประโยชน์ต่อลูกในท้อง  
 เพื่อลูกที่อยู่ในท้องจะได้รับสารอาหารครบถ้วน  ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงพอลูกคลอดแล้วจะได้มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์”



“นะ..น้องเตนล์...”



“อ้าว  แทยงมาพอดีเลย  พี่กับคุณน้าโซฮีว่าจะกลับพอดี” ลีเทราเอ่ยทักทายน้องชายที่ยืนพิงประตูห้องนั่งเล่น


“ม๊าไปนะคะน้องเตนล์  ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยคนเก่ง  คุณป๋าก็คิดถึงเรานะไว้ว่างแล้วกลับบ้านบ้างนะลูก” ชเวโซฮีบอกลูกชาย  ก่อนจะขอตัวกลับไปพร้อมกับเทราที่วันนี้ทั้งคู่ต่างก็ทำให้เตนล์ใส่ชุดคลุมท้องไม่ได้อีกเช่นเคยซึ่งทั้งคู่พยายามมาเกือบอาทิตย์แล้ว


“เตนล์”


“...”


“ทำไมต้องคิดไรมาก  ทุกคนทำก็เพราะห่วงนายกับแฝดที่อยู่ในท้อง”


แทยงบอกพร้อมกับหยิบวิกผมที่ยูตะโยนลงบนขึ้นมาสะบัดก่อนจะค่อยๆ นำมาสวมที่ศีรษะกลมๆ ของเตนล์


“ดูดีออก  ผมสีน้ำตาลดัดนิดๆ ขับผิวขาวนายดี   ยูตะนี่ตาแหลมใช้ได้  เข้าใจซื้อ”


“จริงเหรอ  ยูตะแอบขโมยมาจากโคดี้นูนาต่างหากเล่า”  เสียงใสเอ่ยขึ้นมาแผ่วๆ เตนล์เองก็อายนะจะให้ลุกขึ้นมาแต่งหน้าใส่วิกใส่ชุดคลุมท้องแบบนี้


“น้องเตนล์ไม่เชื่อสายตาของพี่เหรอ  เราเอานี่ไปลองใส่ออกมา  จะได้ดูด้วยกันเลยจะได้รู้กันไปว่าแต่งครบแบบนี้จะออกมาดูดีขนาดไหน”


แทยงหยิบชุดเอี๊ยมผ้ายืดกางเกงขาสามส่วนสีเหลืองอ่อนซึ่งน่าจะทำให้ว่าที่คุณแม่สะดวกใจมากกว่าชุดอื่นๆ ที่ออกแนวคลุมท้องและสีสันไม่หวือหวาเหมือนของผู้หญิงเท่าใดนัก


เงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่ทำให้เตนล์อดจะเขินไม่ได้   ดวงตาเรียวสวยก้มลงมองชุดที่ตัวเองสวม  ไหนจะจะวิกผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนที่ตอนนี้ช่วยขับให้ใบหน้าผ่องขึ้นมากว่าเดิม  รวมถึงชุดเอี๊ยมสีเหลืองอ่อนที่ใส่คู่กับเสื้อยืดขาว  มันส่งให้เตนล์เหมือนเด็กสาวๆ ที่เจ้าเนื้อมากกว่าคนท้องที่จะมีอายุครรภ์สี่เดือน   


ร่างบางถอนหายใจอดจะยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองสวยและน่ารัก


“ก็บอกแล้วว่าใส่ออกมาแล้วดูดี   เดี๋ยวพี่ไปตั้งโต๊ะก่อนจะได้ทานเที่ยงกัน  ฝากน้องเตนล์ไปเรียกยูตะกับคนอื่นๆ มากินข้าวหน่อยนะ”


“พี่ฮะ....วิกนี้ใส่เฉพาะตอนออกไปหาหมอน้า  แค่นี้ก็เขินจะแย่ละ”  เตนล์รีบบอกก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องนอนของยูตะ  กับแจฮยอน  ร่างบางเองก็รู้หรอกว่าแทยงอยากให้เขาไปง้อยูตะ  ที่เมื่อกี้ขึ้นเสียงพร้อมกับทำกิริยาไม่ดีใส่เพื่อนสนิททั้งที่ฝ่ายนั้นห่วงใยเค้ามาก


“ยูตะอา  ออกมากินข้าวกันเถอะ”


“ไม่ฉันไม่หิว” เสียงยูตะตะโกนออกมาทำให้เตนล์หน้าเบ้


...งื้อ...พี่ฮันซลก็ไปฟิสเนสชั้นยังไม่กลับมาแล้วเขาจะง้อเจ้าเพื่อนบ้ายังไงดี


“ถ้ายูตะ  ออกมากินข้าวแถมหายงอนนะ  อยากให้น้องเตนล์ใส่ชุดไหนจะยอมใส่ให้ดูทุกชุดเลยก็ได้นะ”


เท่านั้นละประตูห้องของยูตะแทบจะเปิดออกมาในทันทีแถมด้วยในมือของนากาโมโตะ  ยูตะ  มีถุงเสื้อผ้าชุดคลุมท้องแบรนด์ดังอีกสองสามถุง  เตนล์ได้แต่แอบกลืนน้ำตาลถึงจะยังไม่เปิดถุงดูแต่ชุดสีชมพูหวานในถุงนั้นลายฮัลโลคิตตี้ชัด ๆ 


“นายพูดเองนะเพื่อนรักว่าจะใส่ให้ดู”



ร่างบางเดินไปเดินพร้อมกับเสียงปื๊บๆ ของสลิปเปอร์สีเหลืองหัวเป็ด  ที่จะส่งเสียงทุกครั้งที่เตนล์เดินไปเดินมา  ดวงตาเรียวสวยหันไปมองนาฬิกาที่ติดไว้ข้างฝาห้องนั่งเล่นเกือบจะทุกๆ ห้านาที


ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงราวกับจะสกัดกั้นอารมณ์โมโหของตนเองที่ดูเหมือนจะมากขึ้นตามเข็มนาฬิกาที่หมุนไป


“พี่เตนล์  ไปนอนก่อนดีไหมพี่  คืนนี้พี่แทยงคงกลับดึกเหมือนเดิม”


แจฮยอนบอกพร้อมกับหาววอดๆ เพราะคืนนี้เค้าอาสาอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายร่างเล็กที่ยืนกรานคืนนี้จะต้องรอเจอแร๊ปเปอร์ของวงให้ได้  ที่ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาทำตัวลับๆ ล่อๆ  ชอบหายไปตอนเช้ามืดแล้วกลับมาห้องพักตอนสาย ๆ    ก่อนที่ช่วงเย็นๆ จะออกไปใหม่และกว่าจะกลับเข้ามาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืน


คำตอบที่แทยงยกมาอ้างทุกครั้งที่ร่างบางถาม


“ฉันต้องเข้าไปเคลียร์งานที่ค่ายนะ  ไม่มีอะไรมากหรอก”  แต่แร๊ปเปอร์หนุ่มคงไม่รู้ว่าจุนมยอนที่แวะเข้ามาเยี่ยมเตนล์ในวันที่ออกจากบ้านไปเวลาเดิมๆ


“ไม่มีงานไรนะ  ช่วงนี้ผู้ใหญ่ให้พวกนายพักผ่อน  กะว่าวีคหน้าโชอากลับมาจากถ่ายแบบค่อยจะจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ”


ลีแทยงโกหก!!!!!!


พฤติกรรมที่เหมือนมีความลับของร่างสูงทำให้เตนล์รู้สึกเสียใจ  


โทรศัพท์มือถือที่ร่างบางจ้องแล้วจ้องอีกให้ใครคนนั้นโทรกลับมาหา  หลังจากวันนี้หมั่นโทรไปแค่ไหนก็ติดต่อไม่ได้  เสียงเรียกเข้าพร้อมกับรูปที่โชว์หน้าจอทำให้รู้ว่าคุณโซฮี..คุณม๊าคนสวยของเตนล์เองที่เป็นคนโทรมาหา


“ฮัลโหล  น้องเตนล์คะ    ลูกรีบมาพาแทยงกลับหอพักด่วนเลยนะ  ตอนนี้ทะเลาะกับคุณพ่อใหญ่แล้วค่ะ” เพราะความรีบร้อนในการรับสายทำให้ร่างบางเผลอกดสปีกเกอร์โฟนทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้นอนได้ยินไปด้วย


“เดี๋ยวฉันขับรถเอง” ฮันซลที่ตอนแรกเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อไปหยิบโค้กมาดื่มบอกก่อนจะไปหยิบกุญแจรถยนต์และกระเป๋าตังค์  พ่วงมาด้วยยูตะที่เดินตามออกมา  เหลือไว้แค่แจฮยอนที่นอนหลับคาตักของโดยองไปแล้วให้เฝ้าห้องพัก



ชายสูงวัยมองรอดผ่านผ้าม่านออกไปมองชายหนุ่มรุ่นลูกที่คุกเข่าอยู่หน้าบ้านชเวมานานกว่าสามชั่วโมงด้วยความหมั่นไส้   พร้อมกับจิปากแบบไม่สบอารมณ์เล็กน้อยที่เห็นเลือดจางๆ ที่คิ้วของชายหนุ่มที่ยังไหลออกมาอยู่นิดหน่อย


“คุณคะ  นี่มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ” คุณโซฮีถามขึ้นทั้งที่ใจก็สงสารว่าที่น้องเขยที่คุกเข่าอยู่หน้าบ้านชเวเป็นเวลานานแล้ว


“แค่นี่มันยังน้อยไป  ตอบมาได้ไง  ยังไม่คิดจะแต่งงานกับน้องเตนล์  ลูกผมตั้งแต่เล็กจนโตเคยทำให้เสียใจหรือร้องไห้ก็ไม่เคยซะละ  แล้วไอ้หมอนั่นมันเป็นใครมาทำลูกเราเสียน้ำตาแล้วเสียอีกไม่นับลูกในท้องอีก  แบบนี้มันน่าฟาดให้ปากแตกมากกว่า” 


ชเวซีวอนพูดแบบฉุนๆ แม้จะทำใจพยายามยอมรับในความสัมพันธ์ที่มันไกลเกินหยุดยั้งของเตนล์และแทยงได้แล้ว   และยิ่งชอบใจที่แทยงกล้าเดินเข้ามาหาพร้อมสารภาพทุกอย่างด้วยตนเอง    

แถมด้วยการที่ครอบครัวบ้านลียอมรับว่าเตนล์คือลูกสะใภ้   มันทำให้ซีวอนมองชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่หน้าบ้านด้วยสายตาที่ดีขึ้น   



หลังจากแกล้งให้ช่วยงานในร้านอาหารอิตาเลี่ยนระดับมิชลินสตาร์ที่คุณชเวโซฮีหุ้นเปิดกับเพื่อนชาวต่างชาติ  ตั้งแต่ตื่นไปจ่ายตลาดกับพ่อครัวของร้านแต่เช้ามืด  ไหนจะให้ช่วยเก็บร้านหลังเลิกร้านตอนกลางคืน  

รวมไปถึงการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของร้านนอกจากนั้นแทยงยังต้องไปช่วยคุณซีวอนดูงานที่ร้านเพชรด้วย  กิจการเก่าแก่ของบ้านชเวคือการออกแบบเครื่องประดับเพชรเป็นหลัก


ทุกอย่างกำลังดีขึ้นแต่ลีแทยงมาตกม้าตายตอนที่ซีวอนถามขึ้นมา


“เธอคิดจะแต่งงานกับน้องเตนล์ตอนไหน”


“ผมไม่คิดที่จะแต่งงานกับน้องเตนล์ครับ...”


เกินกว่าจะคาดคิดซีวอนก็คว้าแจกันดอกไม้ใกล้มือขว้างใส่แทยงโดยที่ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบไม่ทันเลยได้แผลแตกที่หัวคิ้วมา


“แกออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้เลย  เสียแรงที่ฉันคิดว่าแกจะเป็นคนดีกว่านี้ลีแทยยง  ส่วนน้องเตนล์กับลูกในท้องเดี๋ยวฉันจะเอามาเลี้ยงดูเอง  เชื่อเถอะมีอีกใคร ๆ คนที่อยากจะเป็นพ่อของหลานฉัน”  ก่อนจะให้คนใช้ในบ้านมาลากแทยงที่กำลังมึนงงเพราะโดนแจกันเข้าไปที่หัวเต็ม ๆ ออกไปนอกบ้าน


“ดะ..เดี๋ยวครับคุณพ่อ   คุณพ่อเข้าใจผมผิดนะครับไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแต่งกับน้อง...”


“ใครเป็นพ่อนายห๊ะ..ลีแทยง ฉันชเวซีวอนมีลูกชายแค่คนเดียวคือน้องเตนล์”


“กรุณาด้วยครับ  ให้ผมดูแลน้องต่อ  คุณพ่ออย่าพรากพ่อแม่ลูกจากกันเลย” แทยงที่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของว่าที่พ่อตา   ทำให้ความดีที่เค้ากำลังทำเพื่อพิชิตใจอีกฝ่ายตลอดเวลาหลายอาทิตย์ต้องสูญหายไปเพราะคำตอบประโยคเดียวแท้ๆ


แม้จะปลายเดือนมีนาคมแต่อากาศตอนกลางคืนของโซลยังคงมีอากาศเย็นแทบจะติดลบอยู่  ตอนนี้ร่างสูงที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านชเวที่มีเพียงแค่เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนขายาว  ส่วนผ้าพันคอและเสื้อโค้ทที่ใส่ออกมาจากหอพักยังอยู่ในบ้านที่เค้าเพิ่งถูกไล่ออกมาเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว


“พี่ฮะ...”


เตนล์ที่เปิดประตูรถลงมาแทบจะทันทีหลังจากที่ฮันซลจอดรถ!!!!!


ร่างบางถลาเข้าไปกอดแทยงไว้  ก่อนจะถอดผ้าคอของตัวเองพันให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้ใบหน้าซีดเซียวและเนื้อตัวเย็นชืด


“ไม่ต้องถอดเสื้อนะ   พี่ไม่เป็นไรหรอกน้องเตนล์”  ร่างสูงห้ามทันทีเมื่อเห็นเตนล์กำลังจะถอดเสื้อโค้ทออกมาให้เค้าสวม


“เจ็บมากไหม” ถามเสียงสั่นๆ ขณะที่มือบางกำลังลูบแผลที่หัวคิ้วของแทยงเบาๆ


“สภาพดูไม่จืดเลยวะเพื่อน” ฮันซลที่ลงจากรถมาพร้อมกับยูตะเอาเสื้อโค้ทของตัวเองที่มีทิ้งๆ ไว้ในรถมาคลุมให้แทยง


“พ่อตานายโหดได้เลือดจริงๆ” แม้จะตึงเครียดแต่ยูตะก็อยากจะให้แทยงกับเตนล์ผ่อนคลายสักนิด


“น้องเตนล์” คุณซีวอนเปิดประตูบ้านออกมาพร้อมกับเรียกชื่อลูกชายเสียงดัง


“ป๋า”


“มาหาป๋าเดี๋ยวนี้!!!!!


“ขอร้องละครับคุณพ่อ   อย่าพรากพวกเราพ่อแม่ลูกเลย”


แทยงลุกขึ้นยืนก่อนจะกันตัวเตนล์ไว้ด้านหลังของตนเอง  ทั้งที่ตอนนี้เค้าปวดหัวไปหมดมองอะไรก็พล่าเลือนไปหมด


“ฉันมีลูกอยู่คนเดียวเท่านั้น  ไหนเมื่อแกไม่คิดจะรับผิดชอบเตนล์แล้วจะเก็บลูกฉันไว้ทำไม”


“ผะ...ผมไม่ได้คิดแบบนั้น  แค่ผมจะบอกคุณพ่อว่า..ผมอยากให้ลูกของผมกับน้องเตนล์คลอดก่อนแล้วค่อยแต่งงานกัน  คะ..แค่อยากให้ลูกได้อยู่ร่วมในงานแต่งงานของเราสองคน”


ร่างสูงที่ตอนนี้หมดสติลงไปแล้วโชคดีที่ฮันซลกับยูตะที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รับไว้ทันก่อนที่แทยงจะล้มลงมาทับเตนล์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง


“ว้า....ไม่สนุกเลยเล่นกับเจ้าลูกเขย  น็อคคายกไปแล้ว”


จบคำซีวอนก็หัวเราะด้วยความสะใจที่ได้สั่งสอนลูกเขยที่ตอนนี้สลบไปด้วยด้วยพิษไข้ได้


“คุณป๋า...ทำไมทำแบบนี้  เล่นแรงไปแล้วนะฮะ”


เตนล์ที่โดนพ่อดึงเข้ามากอด  ก่อนที่ซีวอนจะมองสำรวจร่างของลูกชายที่ดูมีน้ำมีนวลและหน้าท้องใหญ่ขึ้นมาก


“ก็ป๋าบอกน้องเตนล์แล้วนะครับ  ใครจะเป็นเขยบ้านนี้มันต้องอึด..ถึกทนทานและตายยาก”


“คืนนี้ค้างกับป๋าแล้วก็ม๊าที่บ้านดีกว่านะลูก  ส่วนเจ้าลูกเขยก็ให้ยูตะกับฮันซลพากลับหอพักไป”


บอกพร้อมกับจูงแขนร่างบางเตรียมจะเข้าบ้านเพราะอากาศข้างนอกหนาวขึ้นเรื่อยๆ


“ป๋าฮะ...น้องเตนล์...” น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าตาของลูกชายมันทำให้รู้ว่าตอนนี้ซีวอนได้เสียเตนล์ไปเป็นคนของบ้านลีเต็มตัวแล้ว  ถึงทั้งคู่จะยังไม่เข้าพิธีแต่งงานกันก็เถอะ!!!!


“ไป...กลับไปกันให้หมดเลยก็ได้”



“ขอบคุณฮะป๋า  เดี๋ยวน้องเตนล์จะพาพี่แทยงมาไหว้ป๋ากับม๊าใหม่วันหลัง” เตนล์พูดอ้อนคนเป็นพ่อพร้อมหอมแก้มคุณซีวอนเบาๆ ก่อนจะรีบเดินไปที่รถยนต์ที่ฮันซลกับยูตะพยุงแทยงขึ้นรถไปก่อนแล้ว


ซีวอนเห็นหลังกลับมาเจอภรรยาคนสวยที่ยืนยิ้มกว้างๆ ให้


“นี่โซฮีดูลูกคุณนะ  ไม่ทันไรก็เห็นสามีดีกว่าพ่อ”




แสงสว่างที่แยงตาทำให้ชายหนุ่มร่างสูงพลิกตัวหนีแต่ทันที่พลิกตัวความเมื่อยล้าก็แล่นขึ้นมาแทบจะทั่วทั้งร่างรวมถึง   เหนือกระบอกตาที่ตอนนี้ปวดตุบๆตุบ  


“พี่ฮะ  ตื่นแล้วเหรอ” เตนล์ที่นั่งเฝ้าอยู่พูดด้วยความดีใจหลังจากเห็นเปลือกตาของร่างสูงเปิดขึ้นพร้อมกระพริบ


“เป็นไงบ้าง  รู้ตัวไหมฮะไปสลบไปคืนกับวันหนึ่งเต็มๆ เชียวนะ   อากาศหนาวขนาดนั้นดูสิพี่ยังไปนั่งตากน้ำค้างหลายชั่วโมงแบบนั้นอีก  ดีนะไม่เป็นอะไรมากแค่เป็นไข้   แผลที่หัวคิ้วก็ไม่ลึกมากจนต้องเย็บ” ลีแทยงนอนยิ้มมองคุณแม่ที่ท้องสี่เดือนบ่นไปจนไม่มีจังหวะให้เค้าได้พูดแทรก  ในขณะมือบางก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดตัวให้


“ปวดหัวเหรอฮะ?   หรือพี่อยากได้อะไร” เตนล์เลิกคิ้วได้รูปถามคนที่นอนส่งยิ้มมาให้   ก่อนจะก้มลงมองมือแกร่งที่เอื้อมมาดึงมือเค้าไปกุมไว้


“อยากให้ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอน้องเตนล์ทุกๆ เช้าเลย”


“...........................”


“จูบพี่ทีสิน้องเตนล์”


เตนล์เสหน้าไปมองที่อื่นที่ไม่ใช่คนที่ส่งยิ้มหล่อแบบกระชากใจมากให้


“เช้าที่ไหน  นี่มันบ่ายแก่ๆ แล้วต่างหาก   ไม่เป็นไรก็ดีแล้วลุกไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวจะได้กินข้าวกินยา”  บอกเสร็จก็ลุกเดินออกไปจากห้องนอนทันทีปล่อยให้คุณพ่อมองตามด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์



ร่างสูงที่แต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขายาวเนื้อนิ่มสีน้ำเงิน   เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูพื้นเล็กที่ใช้ซับน้ำจากเส้นผม   ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆหอพักด้วยความสงสัย   เพราะวันนี้มันเงียบผิดปกติ


ปื๊บ….ปื๊บ….ปื๊บ….ปื๊บ


เสียงดังมาจากห้องครัวทุกอย่างก้าวที่เตนล์เดินเรียกความสนใจให้แทยงเป็นอย่างมากกว่าจะมองหาสมาชิกคนอื่นๆ ของวง


“ทำอะไรอยู่”


“พี่ฮะ” เตนล์หันไปทางคนมาใหม่ก่อนจะที่จะรีบบอก


“น้องเตนล์หิวอะ    แต่ไม่มีขนมเหลืออยู่เลยแจฮยอนกินของน้องหมดเลย  จะฝากยูตะหรือคนอื่นซื้อคืนนี้ก็ไม่มีใครกลับมาหอสักคน”


“รู้สึกแป้งดิบของโฮต็อกที่เราไปกินกันที่ตลาดจะมีอยู่  เดี๋ยวพี่ทอดให้เอง”


หลังจากเดินเอาผ้าขนหนูไปตามแล้วก็รีบตรงดิ่งมาจัดการตั้งกระทะร้อนทอดแป้งโฮต็อกของเจ้าอร่อยที่ซื้อติดมือมาทิ้งไว้   ทอดให้คุณแม่ที่จ้องแทบจะทุกขั้น


“อีกนิดก็จะสุกแล้ว”


โครก!!!!


เสียงขานรับจากท้องคุณแม่เรียกเสียงหัวเราะของคุณพ่อที่กำลังตักโฮต็อกออกจากกระทะได้ทันที   
แค่ฟังจากเสียงสงสัยลูกแฝดจะหิวจริงๆ ก็เสียงออกจะดังขนาดนั้น


เตนล์หลับตาพริ้มแบบมีความสุขหลังจากที่ได้กัดขนมโฮต็อกเข้าไปคำแรกพร้อมกับจิบนมอุ่นๆ ที่แทยงรินใส่แก้วมาให้


“เกือบลืมนะ  พี่มีอะไรมาฝากเราด้วยนะ”


ร่างบางมองตามหลังคนที่เดินหายไปทางห้องนอนของพวกเค้าและกลับออกมาพร้อมกับถุงกระดาษใบเล็กๆ หนึ่งใบ


“เปิดดูสิ”


มือบางรับถุงมาเปิดดูก่อนจะอมยิ้มกับพ่วงกุญแจดินญี่ปุ่นน่ารักๆ แถมมีกระพรวนที่ดังกรุ้งกริ่งยิ่งทำให้เตนล์ยิ้มกว้างมากขึ้นเท่านั้น


“น่ารักใช่ไหม?  ตอนเห็นพี่คิดถึงน้องเตนล์ทันทีเลยนะ”


จากยิ้มกว้างตอนนี้คุณแม่กลายเป็นพองลมไว้ที่แก้มแล้ว


“แล้วงั้นถ้าเห็นเจ้าแมวอ้วนนี่ต้องคิดถึงพี่รึไง   พี่เจตนาว่าน้องเตนล์อ้วนรึเปล่าเนี้ย”


เตนล์พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ  แต่มือบางก็หยิบพวงกุญแจทั้งสองมาดูอยู่ดีโดยเฉพาะแมวสีขาวที่ตัวอวบที่มีตัวอักษรเล็กๆที่อุ้งเท้าเป็นตัวเลข 10


“เราแบ่งกันคนละตัวถือว่าเป็นของคู่ชิ้นแรกที่เราใช้ด้วยกัน”


ก่อนที่แทยงจะเดินไปหยิบเป้สะพายหลังใบเก่งที่เตนล์ใช้อยู่บ่อยๆ มาจัดการห้อยพวงกุญแจแมวสีขาวให้   จากนั้นก็หันมาเอาอันมาห้องที่กระเป๋าตัวเองบ้าง


“ทำไมพี่น่ารักแบบนี้”


“งั้นขอรางวัลที่คุณพ่อน่ารักและทำให้คุณแม่ปลื้มด้วย”


แทยงย่อตัวลงมาให้เสมอกับเตนล์ที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น  ก่อนจะเคาะที่แก้มตัวเอง


“ขอบคุณฮะ  สำหรับทุกอย่าง” 


เตนล์ยิ้มหวานให้ก่อนที่จะโน้มปลายจมูกไปแตะที่แก้มของแทยง    กิริยาเขินอายของเตนล์ทำให้ร่างสูงทนไม่ไหวรั้งให้ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมารับจูบที่ลึกซึ้ง  ซึ่งร่างบางก็ตอบรับสัมผัสด้วยความเต็มใจ  ปลายลิ้นเล็กที่ตวัดหยอกเย้าเรียกร้องสัมผัสที่มากขึ้นกว่านี้ทำให้แทยงต้องจำใจผละออกมา


“มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว  ไม่งั้นน้องเตนล์จะแย่”


“พี่ไม่อยากจะกอดน้องเตนล์เหรอฮะ   เหมือนที่น้องเตนล์อยากให้พี่กอดอา~~


“พี่กอดเราได้จริงๆ เหรอ?” 


ดวงตาเรียวช้อนตาขึ้นมามองพร้อมกับใบหน้าเนียนที่แดงระเรื่อ   มือบางที่เอื้อมไปกอดแทยงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตอนนี้สั่นกว่าครั้งแรก


“ถ้าพี่ไม่รุนแรงก็ไม่เป็นไรหรอกนะ  แค่ไม่ทับท้องก็พอ  คะ..คือน้องเตนล์เคยปรึกษาพี่หมอยองโฮด้วยนะเรื่องนี้”


แทยงยิ้มจนแก้มจะแตกเพราะไม่คิดว่าเตนล์จะน่ารักขนาดนี้จนอดที่แกล้งไม่ได้


“แล้วคุณหมอบอกว่าไงอีกบ้างล่ะ”


“พี่หมอก็บอกว่าห้ามคุณพ่อกดทับท้อง  แล้วก็ให้ทำท่าโก่งโค้งได้  นอกจากนั้นก็ควรให้คุณแม่อยู่ด้านบน  แล้วก็.......”


เตนล์หยุดพูดเพราะรู้แล้วว่าตัวเองโดยร่างสูงแกล้งก็แววตาวิบวับปนเจ้าเล่ห์


“พี่อา~~~  รู้แล้วยังแกล้งให้น้องเตนล์พูด” สะบัดหน้าหนีด้วยความงอน


“น้องเตนล์~~


แทยงเป่าลมอุ่นๆ รดใบหูขาวที่ขึ้นสีก่อนจะขบเม้มติ่งหูเล็กให้ร่างบางสะดุ้งเล่น


“อะไรเหรอฮะพี่~~” เตนล์ขนลุกซู่เมื่อร่างสูงเลื่อนริมฝีปากมาซุกไซ้ที่ซอกคอพร้อมกับทิ้งรอบสีจางๆ ทุกที่ที่ริมฝีปากร้อนลากผ่าน


“ดะ..เดี๋ยวก่อนเราอยู่ห้องนั่งเล่นนะ” มือบางที่จับมือแกร่งที่กำลังจะเลิกเสื้อยืดออกจากตัวเค้า


“งั้นเราไปห้องนอนกัน” พร้อมกับที่แทยงช้อนร่างของเตนล์ขึ้นมาก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองกับคนในอ้อมแขนและปิดประตูกดล็อคอย่างเรียบร้อย


“ยังเปลี่ยนใจได้นะถ้าไม่อยากให้กอด  แต่ถ้าเสื้อผ้าหลุดออกจากตัวหมดเมื่อไหร่คราวนี้จะห้ามยังไงก็ไม่ได้แล้วนะน้องเตนล์”  แทยงพูดด้วยเสียงสั่นๆ ขณะที่ริมฝีปากได้รูปก็กดจูบริมฝีปากบางที่เผยอค้างอยู่  คงตกใจไม่น้อยที่เค้าจัดการเสื้อผ้าของตัวเองออกจากร่างอย่างรวดเร็ว


“พี่ฮะ  อื้อ~~” ใบหน้าใสเริดขึ้นไปทางด้านหลังเอนตัวลงบนที่นอนหนานุ่ม


ร่างสูงค่อยๆ ก้มลงๆไปดูดกลืนตุ่มเล็กสีหวานที่เด่นชัดบนผิวขาวของเตนล์   ฟันซี่เล็กขบกัดเบาๆ ลากลิ้นอุ่นๆ ดูดกลืนสร้างเสียงครางแผ่วๆ 


เตนล์กำมือเข้าหากันแน่น  พยายามห้ามเสียงครางของตัวเอง  ตอนนี้ในหัวสมองขาวโพลนและภาพร่างสูงที่ขึ้นคร่อมอยู่พร่ามัว  มีเพียงแค่ร่างเปลือยเปล่าของแทยงตรงหน้าที่เด่นชัดที่สุด


“อื้อ~~


ครางออกเมื่อชุดนอนแบบสวมถูกถอดออกพ้นตัวไป  ฝ่ามือแกร่งบีบเคล้นนวดคลึงต้นขาเนียนนุ่มราวกับก้อนแป้ง  ริมฝีปากร้อนผละออกมาจากยอดอกสีสวย..ไล่จูบตั้งแต่หัวเข่าคู่เล็กลากไล้จนถึงปลีน่องขาว  เตนล์ตัวเกร็งเมื่อรับสัมผัสร้อนชวนวาบหวิว  จนเกือบจุดอ่อนไหวที่เริ่มปวดหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ


“พี่ฮะ  อื้อ~~อย่าทับท้อง”


“อืมมมม   ไม่ทับหรอกพี่จะทำค่อยๆ” แทยงกระซิบที่ข้างใบหูเล็กก่อนจะค่อยช้อนตัวอุ้มเตนล์ให้ขึ้นมานั่งซ้อนตักแกร่งที่ตอนนี้นั่งอยู่บนที่นอน


“ผ่อนคลายหน่อยนะ”


“อ๊า~~~....”


เตนล์ส่งเสียงครางเบาๆ ขณะค่อยๆ กดตัวต่ำลงไปกลืนกินส่วนหน้าของร่างสูงทีละน้อยๆ 


ร่างบางจิกเล็บลงบนไหล่หนาของแทยง  ดวงตาเรียวส่องประกายยั่วยวนขณะกำลังกดร่างกายลงไปให้ลึกที่สุดสอดรับความอบอุ่นเบื้องล่าง   ริมฝีปากบางแดงช้ำจากการถูกบดเบียดและขบกัดเป็นเวลานาน


“อ่า~~~....”


แทยงครางแผ่วเบา  เมื่อบทรักกับคุณแม่กำลังดำเนินขึ้นแบบช้าๆ ไม่รีบร้อน  ร่างบางที่กำลังดูดกลืนเค้าเข้าไปช้าๆ แต่มันกลับทำให้รู้สึกเร่าร้อนจนแทบจะขาดใจ  ฝ่ามือแกร่งลูบไล้สะโพกเนียนเบาๆ พลางกัดฟัน  อดทนไม่ให้เผลอไปกระแทกคุณแม่ที่อยู่ด้านบนแรงๆ


เตนล์วางมือลงบนหน้าแกร่งก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นลงให้เร็วขึ้น  เมื่อช่องทางร้อนเริ่มปรับสภาพกลืนกินร่างสูงได้มากขึ้น   สองร่างที่สอดรับกันอย่างไม่เร่งรีบขยับเข้าหากัน  จังหวะของร่างกายที่พุ่งขึ้นสูงสร้างเสียงครวญครางออกมาจากคนทั้งคู่


ร่างบางที่เป็นคนคุมเกมด้านบนโยกเอนไปตามจังหวะ  หอบหายใจรัวเร็ว..เมื่อร่างกายกำลังจะโผบินไปสู่จุดสูงสุด   ความเหอะแหนะแผ่ซ่านออกมาแทบจะทั่วร่างกายจนร่างบางที่หมดแรงต้องเอนลงมาซบแทยงด้วยความเพลีย


“เหนื่อยจัง” เตนล์พึมพำทั้งที่ดวงตากลมปิดอยู่  ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเหมือนโดนอะไรชนท้อง


“โอย!


“เป็นอะไรน้องเตนล์”


แทยงถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากช่วยพยุงร่างบางให้ลงมานั่งข้างๆ กันบนเตียงนอนที่ตอนนี้มีเพียงผ้าห่มหนาที่ปิดร่างที่เปลือยเปล่าของพวกเค้าไว้


ร่างบางช้อนดวงตาเรียวสวยที่วาววับไปด้วยน้ำตามามองแทยง  ริมฝีปากบางเบะออกก่อนเอ่ยเสียงสั่นเครือว่า


“ละ  ลูกเราดิ้น”


“ลูกดิ้น???”


“พี่ลองจับดูสิฮะ” เตนล์บอกพร้อมเอามือร่างสูงมาวางไว้บนท้องเนียน


ตึก....ตึก....ตึก....ตึก


“เหมือนแฝดจะทักทายเรารึเปล่าน้องเตนล์”


แทยงก้มลงไปแนบศีรษะลงไปท้องป่องๆ ของคุณแม่ที่ตอนนี้ไม่มีผ้าห่มหนากั้นไว้แล้ว   มือแกร่งลูบไล้ที่หน้าท้องเบาๆ  ไม่นานนักแทยงก็หน้าตื่นทันทีเมื่อรู้สึกอะไรบางอย่างแตะที่จมูกเค้า  จ้องไปที่หน้าท้องเนียนตอนนี้เหมือนมีอะไรเล็กๆ กระทุ้งหน้าท้องของเตนล์ออกมา



คราวนี้กลายเป็นคนที่เป็นคุณพ่อโผเข้ากอดคุณแม่ก่อนจะปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ



จากนั้นพอได้สติแทยงก็กดมือถือหาคุณหมอยองโฮทันทีเพราะอยากจะมั่นใจว่าอาการของเตนล์แค่ลูกดิ้น   โดยไม่ได้มองเลยว่าตอนนี้มันคือเวลา 3.45 น.  ซึ่งมันคือเวลาพักผ่อนของใครหลายๆ คนรวมถึงคุณหมอยองโฮและแทอิลด้วย




+++++++++++++++++++
++++++++++++++++++รบกวนกลับไปเม้นที่เด็กดี  หรือสครีมแท๊ก #อุ่นไอรักแทเตนล์ 
 ด้วยนะเจ้าค่ะ  ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ   รักทุกคนค่ะที่แวะมาอ่าน 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น